"..น้ำที่เราได้ดื่มได้ใช้ก็มาจากเขื่อนภูมิพล เขี่อนสิริกิต์ เด็กเล็กก็ได้ดื่มนมจากฟาร์มโคนมที่พระองค์ไปขอแม่พันธุ์มาจากเดนมาร์ก และยังมีโครงการพระราชดำริอีกมากมาย ฯลฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านทรงมีพระเนตรพระกรรณอันกว้างไกล ขอให้พวกเรารำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของพระองค์ท่าน.."
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก เทศน์ที่สวนแสงธรรม วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙
สำหรับวันนี้อยากจะกล่าวถึงท่านทั้งหลายที่ฝึกปฏิบัติมานาน โดยเฉพาะท่านที่ปฏิบัติมาหลายปี ว่าให้ตั้งหน้าตั้งตามุ่งเอาเฉพาะกองกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง อย่าได้เที่ยวทำเปะปะไป
คำว่ากรรมฐานกองใดกองหนึ่งนั้นอยู่ที่เราเลือก อย่างเช่นว่า ใครจะภาวนาพุทโธควบอานาปานสติก็ได้ จะภาวนาพระคาถาเงินล้านควบอานาปานสติก็ได้ หรือจะภาวนาคาถาอภิญญาควบอานาปานสติก็ได้ หรือใครรักที่จะจับภาพพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบมากที่สุดก็ได้ หรือว่าท่านใดมีใจรักชอบกสิณกองใดกองหนึ่ง ก็ทำเฉพาะกสิณกองนั้นกองเดียวก็ได้
เหตุที่ต้องเร่งรัดอย่างนี้เพราะว่าหลายคน ทำกรรมฐานหลายอย่างในแต่ละวัน มีการจับกรรมฐานกองโน้น พระคาถาบทนี้ ซึ่งทำให้เราต้องเปลี่ยนกองกรรมฐานอยู่บ่อย ๆ โอกาสที่จะได้ดีก็มีน้อย
มาดูตัวอย่างจากการฝึกของอาตมาเอง ตั้งแต่เด็กมาหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้คาถาบทโน้นบทนี้ไปท่อง ไปภาวนา ไปฝึกซ้อม ก็ทำทีละบท เมื่อประสบความสำเร็จแล้วไปรายงานท่าน หลวงพ่อท่านก็ให้คาถาบทใหม่มา จนกระทั่งมีการภาวนาเป็นปกติ แปลว่าส่วนที่ได้มากที่สุดก็คืออานาปานสติ การรู้ลมหายใจเข้าออก ท่านก็ให้เปลี่ยนมาปฏิบัติกองกรรมฐานอื่น ๆ เป็นต้นว่ากสิณต่าง ๆ ก็เป็นการฝึกทีละกอง อนุสติต่าง ๆ ก็เป็นการฝึกทีละกอง
เมื่อได้แล้วก็ยังต้องทบทวนของเก่าก่อน จนกระทั่งคล่องตัวเสมอกันแล้ว จึงขยับไปกองใหม่ได้ แต่ปัจจุบันพวกเราส่วนใหญ่แล้ว อยู่ในลักษณะของการจับปลาหลายมือ เดี๋ยวก็ทำกรรมฐานกองนี้ เดี๋ยวก็ภาวนาพระคาถาบทนั้น ทำให้โอกาสที่จะทำได้สำเร็จจริง ๆ มีน้อย เท่ากับว่าเราเปลี่ยนกองกรรมฐานอยู่เรื่อย ของเก่าก็ยังไม่ได้ ของใหม่ก็ยังไม่ดี
อยากจะทำได้มาก ๆ เพื่อเอาไว้อวดให้คนอื่นให้เขารู้ว่าเราทำได้มาก แต่เพราะว่าอยากมากเกินไปก็เลยไม่ได้อะไรสักที จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเล็งเอากองกรรมฐานกองเดียว เมื่อทำจนกระทั่งเกิดผลจริง ๆ แล้ว จึงค่อยเปลี่ยนกองกรรมฐานต่อไป
ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วพวกเราควรที่จะยึดในกองกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง โดยเฉพาะลมหายใจเข้าออก คู่กับภาพพระ ทำให้เป็นปกติ ถ้าสามารถทำให้ทรงตัวชัดเจนแจ่มใสได้ เรื่องของฤทธิ์ เรื่องของอภิญญาก็เป็นเรื่องง่าย หรือว่าเรื่องของคาถาต่าง ๆ เมื่อสมาธิทรงตัวถึงระดับที่คล่องตัวแล้ว คาถาแต่ละบทใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถทำขึ้นได้เต็มที่อย่างที่ต้องการ เพียงแต่ว่าพวกเรานั้น อยู่ในลักษณะของมวยวัด ก็คือเหวี่ยงแหมั่วไปเรื่อย ผลสำเร็จจริง ๆ จึงไม่เกิดขึ้นสักที
ดังนั้น...ในวันนี้ส่วนที่อยากจะให้ทุกคนเริ่มทำก็คือ เลือกเอากรรมฐานกองใดกองหนึ่ง หรือว่าเลือกเอาพระคาถาบทใดบทหนึ่ง จำเป็นต้องตัดใจสละอย่างอื่นไปก่อน แล้วนำเอาส่วนที่เรารัก เราชอบมากที่สุด มาประพฤติปฏิบัติให้เกิดผล เมื่อเกิดผล ทำการซักซ้อมจนคล่องตัวแล้ว เห็นผลแน่นอนแล้ว เราค่อยขยับไปกองกรรมฐานอื่น ๆ ถ้าทำอย่างนี้ความก้าวหน้าถึงจะมีแก่เราทั้งหลายได้
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ วันศุกร์ที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
#หลวงปู่เปลี่ยนเล่าเรื่องเปรต
หลวงปู่เล่าเรื่องเปรตสองผัวเมียที่วัดอรัญญวิเวก เป็นเปรตมา ๑๐๐ ปีแล้ว ขนาดหลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ ฯลฯ พระอริยเจ้าหลายองค์มาอยู่ก็โปรดให้พ้นไปไม่ได้ ท่านว่า ถ้าเปรตทำกรรมไว้กับองค์ไหนก็ต้องให้องค์นั้นมาแก้
ปรากฏว่าเปรตทำกรรมกับหลวงปู่เปลี่ยน ท่านจึงได้โปรดเปรตผัวเมีย ๒ ตน เปรตมาหาว่าอยากกินแกงฟักใส่ไก่ ท่านก็ให้ญาติโยมทานให้ แต่ท่านไม่ได้ฉันเข้าไป คายออกทิ้งซะ (เพราะหลวงปู่ตื้อเคยสอนว่าถ้ากินอาหารที่เค้าอุทิศให้เปรตแล้วท้องจะเสีย) จากนั้นท่านก็ทานผ้านุ่งผ้าห่มให้อีก
ต่อมาท่านเห็นเปรตนั่งพับเพียบภาวนาหน้าองค์พระ บริกรรม ๑ ,๒ ,๑ ,๒.. เปรตมาลาท่านจะไปเกิดบนสวรรค์แล้ว..
ท่านเล่าเตือนญาติโยมให้ระวัง (เดี๋ยวจะสร้างกรรมตายไปเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน) กว่าจะพ้นได้ก็ทรมานนาน..
ธรรมเทศนา หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
"บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัวมักไม่เห็นคุณพระศาสนา มัวเมาประมาท ปล่อยกายปล่อยใจให้ประพฤติทุจริตผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัย เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละจึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว..."
คติธรรมคำสอน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
"คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างเขา เราอย่าละในสิ่งที่เราบำเพ็ญ"
"การให้ด้วยความเต็มใจนั้นมีอานิสงส์มหาศาล ของที่ให้แม้จะน้อย แต่ให้ด้วยความเต็มใจก็มีอานิสงส์มากกว่าเงินจำนวนมาก แต่ให้เพราะอยากได้หน้า หรือให้แต่เสียดาย เราเหลือกินเหลือใช้ ก็ให้ไปเถอะ เลี้ยงคนไม่ทำให้จนลงหรอก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดเป็นของโลก ตายไปเอาไปไม่ได้ ความมีน้ำใจเป็นสิ่งสำคัญ เราอยากให้ใครดีกับเรา เราต้องดีกับเขาก่อน ทำอะไรด้วยความตั้งใจที่ดี ความบริสุทธิ์ใจ.."
พระธรรมวิสุทธิญาณ (ท่านพ่อไพบูลย์ สุมงฺคโล)
ลึก ๆ มนุษย์เราต้องการความสุขที่มั่นคงแน่วแน่ ความสุขที่ไว้ใจได้ ที่ไม่มีวันเสื่อม ปัญหาคือเราแสวงหาความสุขที่เที่ยงแท้ถาวรนั้นในสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ถาวร คือ รูป เสียง กลิ่น รส การสัมผัสทางกาย และความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้มีความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาเป็นธรรมดา แม้แต่เครื่องรับสิ่งเหล่านี้ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาเป็นธรรมดา สรุปว่าเราหาความสุขผิดที่ ความทุกข์ ความขับข้องใจต่าง ๆ ที่เกิดในระหว่างการแสวงหาความสุขอย่างขาดปัญญาคือ ทุกขะ อริยสัจที่ ๑
พระอาจารย์ชยสาโร
ไม่มีการละสิ่งใด จะยิ่งใหญ่ เท่าการละกาม จำไว้ เมื่อเราละกามได้ ใจเราก็จะสงบและสบาย
โอวาทธรรม หลวงปู่เนตร จิรปุญโญ วัดมหาธาตุแหลมสัก ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่
“การภาวนา อย่านั่งฆ่าเจ้าของ ให้ภาวนาฆ่ากิเลส”
โอวาทธรรม หลวงปู่ปั่น สมาหิโต วัดป่าดำรงศิริวนาราม
พระโสดาบันท่านไม่ล่วงละเมิดในศีลห้านะ ท่านมีสติเฝ้าระวังรักษาศีลของตนอยู่เป็นปกติ ศีลบริบูรณ์เป็นคุณสมบัติของพระโสดาบันขึ้นไป
โอวาทธรรม หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิต อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร
"เคียดกะซาง.บ่จองเวรผู้ใด๋พระโสดาบัน.. โอ้...ขั่นได้เฮ็ดเขาแต่ซาติก่อนนั่น กะให้มันแล้วไปสาเด้อ ขั่นเขามาก่อใหม่กะให้มันแล้วไปสาเด้อ เทิงเคียดๆ อยู่ แต่ฮั่งบ่ผูกเวร อุปณาหะ บ่ผูกโกรธไว้ บ่แก้แค้นให้ว่าฮั่นเถาะ เหตุจั่งซั่นเพิ่นจั่งปิดอบายภูมิแหม๋.. ภูมิสิไปแห่งสัตว์เดรัจฉานเพิ่นกะปิดแล้ว ปิดปักตูหัวใจนี่ ปิดปักตูความประพฤติ บ่ไป บ่ปฏิบัติไป.. เรียกว่าปิดอบายภูมิ ภูมิสิไปทางซัวนั่นเพิ่นปิดเมิดแล้ว... "
#หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
การสร้างตึกรามบ้านช่องก็เคยสร้างกันมาแล้ว คราวนี้เรามาสร้างปฏิสังขรเจดีย์หลวงปู่ขาว อนาลโย ลูกศิษย์ลูกหา ครูบาอาจารย์ ก็เป็นที่ยอมรับกันทุกองค์ ว่าหลวงปู่ขาวเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในวงการพระกรรมฐานก็ถือว่าเป็นพระอรหันต์ คนรุ่นเก่ารุ่นก่อนก็สร้างพระเจดีย์ขึ้นมา ถือว่าท่านเป็นถูปารหบุคคล ในหลวง ร.๙ เป็นผู้เสด็จมาวางศิลาฤกษ์ และเสด็จมาฉลองสมโภชอีก พร้อมกับพระบรมราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ ที่วัดถ้ำกลองเพลแห่งนี้ พระองค์เสด็จมารวมกันแล้วประมาณ ๑๓ ครั้ง ตามประวัติของวัดถ้ำกลองเพล
บัดนี้พระเจดีย์สร้างมาเป็นเวลายี่สิบสามสิบปี ก็ต้องผุพังไปตามอายุสังขาร เราก็จะทำให้ดีขึ้นมาอีก เหมือนกับพระธาตุพนมก็ซ่อมแล้วซ่อมอีก เจดีย์ของหลวงปู่ขาวในคราวนี้ก็เป็นการซ่อมใหญ่ บูรณะปฏิสังขรณ์เจดีย์ของหลวงปู่ขาว เพราะฉะนั้น หลวงพ่อจึงขอเชิญศิษยานุศิษย์ทุกหมู่เหล่าที่รักเคารพนับถือเลื่อมใสในองค์หลวงปู่ขาว เชื่อว่าท่านเป็นพระอริยเจ้าท่านหนึ่งในถูปารหบุคคลสี่จำพวก คือพระพุทธเจ้า พระปัจกเจกพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก พระเจ้าจักรพรรดิ หลวงปู่ขาวก็จัดว่าเป็นพระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้าท่านหนี่ง อัฐิธาตุของท่านก็อยู่ที่ตรงนั้น เป็นที่ประชุมเพลิง ที่พระราชทานเพลิงสรีระสังขารของหลวงปู่ ก็ได้สร้างพระเจดีย์ครอบที่ตรงนั้นขึ้นมา
เมื่อถึงคราวนี้ หลวงพ่อไปดูแล้วลองเคาะดูก็กุก ๆ กัก ๆ หินมันหลุดออกมาจากพระเจดีย์ ปูนที่ติดหมดสภาพ พร้อมที่จะหล่นร่วงได้ง่ายถ้าหากมีอะไรขึ้นก็คงจะหล่นลงมา เมื่อเราเห็นแล้วก็ควรจะปรับปรุงแก้ไข ก็ขอเชิญทุกท่าน งานหาเงินเข้ากระเป๋า หาเงินเข้าบริษัท หาเงินปัจจัยสี่เลี้ยงครอบครัวก็ทำมาแล้ว แต่คราวนี้เป็นการหาบุญหากุศลเข้าสู่จิตใจ สร้างบุญสร้างกุศลเข้าสู่จิตใจ ไม่ใช่หาเงินนะ หลวงพ่อเองไม่ได้หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง มีแต่จะสมทบให้เจดีย์ของหลวงปู่ของเราสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สวยงามคงทน อยู่นานเท่านาน
การหาเงินเข้ากระเป๋ากินแล้วก็หมดไป ถึงจะหาไว้มากขนาดไหน ตายแล้วก็เอาไปด้วยไม่ได้สักอย่าง ทิ้งไว้ในโลกนี้ แต่บุญกุศลที่เราสร้างไว้ในพระพุทธศาสนา เมื่อสร้างเสร็จแล้ว เราก็นึกรำลึกถึง สาธุ ข้าพเจ้าได้บูรณะปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมเจดีย์ของพระอรหันต์ พระอริยเจ้า คือหลวงปู่ขาว บุญกุศลทั้งหลายทั้งปวงก็ขอให้เกื้อกูลหนุนข้าพเจ้าด้วยเถิด เมื่อเรารำลึกถึงเพียงแค่นั้น บุญกุศลที่เราได้ทำไว้ มันจะเข้ามาสู่จิตใจของผู้สร้างบุญกุศลนั้น
ถ้าหากว่าเรามีแต่หาเงินใส่ธนาคาร ก็มีแต่รำลึกว่าเงินของเราใครหนอจะเอาไปใช้ เป็นห่วงเงิน เป็นห่วงสมบัติ เป็นห่วงถาวรวัตถุ เป็นห่วงสิ่งของ พอใจขาดลงไปก็คงจะไปเป็นตัวเล็นตัวไรอยู่ในตู้เซฟหรือเป็นตุ๊กแกจิ้งจกอยู่ในบริเวณนั้น เพราะเป็นห่วง มันเป็นไปได้ทั้งหมด ขนาดพระภิกษุสงฆ์ในครั้งพุทธกาล เย็บผ้าจีวรมาใหม่ ๆ คิดว่าจะได้ครองจีวรในวันพรุ่งนี้ ผ้าผืนนี้ถูกใจมาก พอตกกลางคืน ตายกลางคืน แต่เป็นห่วงจีวร วิญญาณก็ไปเกาะในผ้าจีวรไปเป็นตัวไรตัวเล็นในผ้าจีวรผืนนั้น เพราะความนึกอาลัยในผ้าจีวร
เพราะฉะนั้น การสร้างเจดีย์ของหลวงปู่ขาวคราวนี้ ก็ให้คิดว่า สาธุ ข้าพเจ้าได้บูรณะปฏิสังขรณ์ในพระเจดีย์ของหลวงปู่ขาว ถือว่าท่านเป็นถูปารหบุคคล เป็นพระอริยเจ้า เป็นพระอรหันต์ท่านหนึ่ง ขอบุญกุศลให้มาเกื้อหนุนข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเทอญ ถ้าเรานึกอย่างนั้น บุญกุศลก็คงจะไหลทะลักเข้าสู่ใจดวงนั้น
การเกิดมาในโลก เราอย่าไปคิดว่าเราจะสร้างแต่ฐานะอย่างเดียว ควรจะสร้างบุญกุศลเข้าสู่จิตใจด้วย ไม่ใช่จะสร้างแต่ฐานะหาเงินเข้ากระเป๋าเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ร่ำรวยแล้วก็เอาไปด้วยไม่ได้สักคน ทิ้งไว้ทั้งหมด มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ไม่ใช่เอาแต่บุญไปด้วยนะ บาปก็ไปด้วย ถ้าใครทำชั่ว ทำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็จะเข้าสู่จิตใจของเรา ถ้าเราทำกรรมดี กรรมดีก็เข้าสู่จิตใจของเรา เพราะฉะนั้น เลือกเอา อย่างที่คุณแม่ชีแก้วพูด โลกนี้โลกหาได้ จะเอาดีก็ได้ จะเอาชั่วก็ได้ จะเอายังไงเข้าสู่ตัวเอง เพราะฉะนั้น อย่าไปเอาสิ่งที่มันชั่วเข้ามาสู่จิตใจ เลือกเอาแต่สิ่งที่ดี
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา “สร้างฐานะทางโลก สร้างกุศลทางใจ” แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๔
เราติดตามพ่อแม่ครูอาจารย์ เดือนสาม ปี 2494 มีผู้ติดตามท่านหลายองค์ พ่อแม่ครูจารย์พาธุดงค์ไปเรื่อยๆ ที่ไหนคนรู้จักท่านแล้ว ท่านจะไม่ไปอีก “..ผมกว่าสิได่ไปนำเพิ่น เพิ่นไล่ไป่ ก็บ่ไป่ ที่ป่าช้าบ้านโฉนดดงน่ะ มีเพียงเรากับท่าน(หลวงตามหาบัว) คนอื่นท่านไล่หนีหมด. ” กว่าจะได้อยู่และติดตามท่าน มิใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับเรา ท่านไล่หนียังไง ก็ไม่ไป ดื้อแพ่งอยู่อย่างนั้น เมื่อท่านไล่ไม่ไป ท่านจึงเมตตาให้อยู่ด้วย ท่านคงสงสาร เมื่อเดินไปถึงป่าช้าซึ่งเป็นป่าช้าผีดิบผีสุกเป็นป่าช้าที่ชุ่มเย็นวิเวกวังเวงห่างไกลผู้คนสัญจรไปมา
องค์หลวงตากล่าวว่า “ ป่าแถบนี้กว้างขวางดีเป็นป่าช้าเผาผีสถานที่แบบนี้ดีไม่มีคนเข้ามาใกล้มายุ่ง ” แล้วพ่อแม่ครูจารย์ องค์ท่านก็ไล่เราให้ไปอยู่ทางโน้นซึ่งไม่ใช่ป่าช้า เป็นริมทุ่งนาเราจึงออกมาหาที่อันเหมาะสมเจริญสมณธรรม ในใจก็กระหยิ่มว่า “ ท่านรับไว้ให้อยู่กับองค์ท่านเป็นแน่แท้แล้ว ”
สักเดี๋ยวองค์หลวงตาจึงเรียกมาพูดกำชับว่า “ ท่านลี หากผมยังอยู่ร้านนี้ ท่านจะเข้ามาทำกิจวัตรอย่าเข้ามายุ่ง ไม่ต้องเข้ามาทำข้อวัตรใดใด ให้ผมออกไปข้างนอกเสียก่อน ท่านจึงค่อยเข้ามาทำ จำได้ไหม. ”
เราตอบท่านว่า “ จำได้ขอรับ. ”
อยู่มามื้อหนึ่ง หั่นเนี่ย เห็นพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านออกเดินจงกรมจึงเอาบาตรของท่านเข้าไปเก็บไว้ในที่พักของตน องค์ท่านเดินจงกรมตั้งแต่หลังจังหันไปจนถึงบ่ายอันเป็นเวลากวาดตาด ถึงเวลากวาดตาดองค์ท่านก็กวาดตาด อันเป็นกิจวัตรบางครั้งท่านอยากนั่งเคี้ยวหมากท่านก็นั่งเคี้ยวหมากตามอัธยาศัย สักพักองค์ท่านก็ภาวนาต่ออีก เรื่องความเพียรประจำวัน องค์ท่านเก่งมากหาผู้เทียบได้ยาก ไม่มีพักผ่อนนอนสบาย นี้ หมายถึงความเพียรที่องค์ท่านสิ้นกิเลสแล้ว ไม่มีกิจที่ต้องทำแล้ว เป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ท่านยังทำความเพียรยิ่ง
เรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้.. มิรู้อะไรดลบันดาล ทำให้ลืมคำที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์สั่งเอาไว้ทุกประการว่า “ ถ้าองค์ท่านพักอยู่ในที่พัก ห้ามเข้าไปทำข้อวัตรเด็ดขาด. ” วันที่เราจะลืมคำสั่งขององค์ท่านอย่างสนิท เห็นองค์ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จิตของเรามันก็เกิดกุศลปลื้มปิติบอกไม่ถูก อารมณ์มันอยู่กับธรรมะขององค์ท่านตลอดเวลา เรามองเข้าไปยังที่พักอันเป็นเพิงเล็กๆ ขององค์ท่านยามใด มิดซี่รี่ มิดซี่รี่ เงียบสนิท เห็นองค์ท่านนั่งเข้าสมาธิตลอดเวลา เพราะที่พักไม่มีฝาผนัง เราก็ไปแอบดูท่านตลอดเวลา จิตใจมันเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าคิดไว้ในใจว่า “ โอน้อ องค์ท่านคงเข้านิโรธสมาบัติ เหมือนพระมหากัสสปะเถระ ในครั้งสมัยพุทธกาลเป็นแน่แท้ ” เราเคยอ่านในตำรับตำราว่า พระที่เข้านิโรธสมาบัติแล้ว เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติ ผู้ใดได้ถวายของหรือทำบุญทำทานเป็นคนแรกย่อมมีอานิสงส์มากที่สุด “ ..โอ้ เพิ่นเข้านิโรธสมาบัติเดะเนี่ย.. เฮาเอาน้ำเย็นๆ ไปให่เพิ่นฉัน คือสิดี๋ เนาะ คือสิได่บุญหลาย จิตเกิดปิติแล่ว ข่อยกะล่วงใส่โลดแล้ว.. ” ทั้งที่อยู่กับองค์ท่านเพียงสองรูป จิตมันจ้องว่าต้องเป็นคนแรกที่จะเข้าไปทำบุญกับท่านนะ พอเห็นท่านออกจากสมาธิเท่านั้น เราจึงรีบถือขันน้ำเดินดิ่งมุ่งตรงเข้าไปหาท่าน อย่างองอาจกล้าหาญ มองดูผ้าขององค์ท่านหลวงตาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อหมดเหงื่อไหลโชกไปตามหน้าและร่างกาย องค์ท่านกำลังจะเคี้ยวหมาก เราก็โผล่เข้าไปพอดี
ท่านพูดเสียงดังว่า “ อย่ามายุ่ง ” เราผู้มีใจปิติก็เฉยไม่ตอบอะไร ยกขันน้ำเทิดขึ้นทูลถวายท่านทันที “ ผมบอกท่านแล้ว มิใช่หรือ ” ท่านรับขันน้ำแล้วก็สาดทิ้งเข้าป่า “ ผมเคยพูดกับท่านว่าอย่างไร หื้อ.. ผมจะหนีไปแล้วนะ ผมบอกให้ท่านไปกับหมู่กับเพื่อนแล้ว ท่านก็ไม่ไป อย่ามายุ่งกับผมนะ. ”
เสียงท่านดังฟังชัด ป๊าบแล่ว.. เหมือนสายฟ้าฟาดเปี้ยงลงบนกระหม่อม จึงค่อยๆ กราบท่านแล้ว คลานหนีออกมา “ ..ยามมื้อแล้ง เพิ่นเอิ้นไปหาอีก เพิ่นเทศน์สอนอย่างหนัก ” จึงสารภาพกับองค์ท่านว่า “ พ่อแม่ครูจารย์ เกล้า.. ทำผิดพลาด เกล้ายอมรับผิดทุกประการ เพราะความคิดผลุนผลัน ขึ้นมาว่า หากมีวาสนาได้เอาน้ำเย็นๆ ไปถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ คงจะได้บุญมากล้น เหมือนครั้งสมัยพุทธกาล ที่ให้ทานแก่พระมหากัสสปะเถระ ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ. ”
องค์หลวงตาท่านฟังแล้ว ผินหน้าเข้าป่า กลั้นหัวเราะ คึ คึ ในลำคอ ท่านคงสลดสังเวชเราผู้ที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย
ทีนี้ ด้วยความกลัวท่าน ว่าท่านจะแอบหนีไปในตอนกลางคืน วันนั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอนสามวันสามคืน คอยมองคอยเฝ้าท่านอยู่อย่างนั้น ไปแอบมองดูมุงกลดและบริขารของท่าน หากกลดยังกางอยู่ก็ห้วนคืนกลับที่พักของตน จะข่มตาหลับก็หลับไม่ลง ผุดลุกผุดนั่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งได้อรุณ “ จักสิไป่จั๋งได บวชใหม่เดะ โอ้ว... ทุกข์หลายแล่ว ” คิดในใจว่าถ้าหากท่านหนีไปเราจะอยู่จะไปอย่างไร เราเป็นพระบวชใหม่ มีความทุกข์มากในตอนนั้น “..คึดเห็นความเว้าครูบาสีทา เพิ่นสั่งไหว้วา อย่าไป่ปาเพิ่นเด้อ เห็นต้องติดโลด. ” คิดถึงคำพูดครูบาสีทาซึ่งเคยออกธุดงค์กับพ่อแม่ครูจารย์ ท่านสั่งไว้ว่า อย่าทิ้งห่างองค์หลวงตาน่ะ เห็นแล้วต้องรีบตามติดๆ ท่านจะดุด่าว่ากล่าวอย่างไร ให้ให้เราเฉยไว้ หัดเป็นคนดื้อถ้าจะตามท่าน คำพูดคำนี่แหละ มันย้อนมาสอนใจเรา
“ ..บ่น้อยใจเดะล่ะ ความเฮาบ่ดี๋ มีแต่เพิ่นสอนเฮา ฟังเหตุฟังผลข้องเพิ่นเว้า ทรมานกิเลสเฮาซื่อๆ ”
เดินตามท่านก็เดินเท้าเปล่าเท้านี่หนาเหยียบหนามหัก ส่วนนาฬิกาเล่าก็ต้องอาศัยคอยมองท้องฟ้าหรือฟังสำเนียงสัตว์เทียบเวลาเท่านั้น “ ..เพิ่นพักเสียก่อนแล่ว คั้นเพิ่นจะออกเดินทาง นิสัยเพิ่น ต้องย่างออกมาเบิ่งพุนเบิ่งพี้เสียก่อน ” เป็นสัญณาณว่าท่านจะไปแล้ว เราเห็นแล้ว ต้องรีบเตรียมบริขาร มิฉะนั้นจะไม่ทัน ท่านจะไม่บอก ท่านจะไปทันทีเลย ทันก็ทันไม่ทันก็ไม่ทัน ท่านนิยมออกเดินธุดงค์ตอนบ่าย “ ..เพิ่นครูบาสีทา เพิ่นเคยไปนำเพิ่นเดะ บอกไหว้เบิ่ดเป็นจั๋งซันเป็นจั๋งซี่. ” ต้องรู้อัธยาศัยองค์ท่านเสียก่อน พ่อแม่ครูจารย์ท่านสอนแบบไม่ให้ลืมหูลืมตา ไม่ให้ลืมตาอ้าปาก ข่มไว้โดยตลอด ปรามไว้โดยตลอด ท่านทรมานเราอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งจิตใจมันอ่อนจึงเข้าไปกราบกับท่านว่า “ ข้าน้อย.. สิขอปรนนิบัติพ่อแม่ครูอาจารย์ ถึงจะลำบากเพียงใด เกล้า ก็จะขอปรนนิบัติติดตามพ่อแม่ครูอาจารย์โดยตลอด. ” หลวงปู่ลีท่านเล่าในตอนนี้ ด้วยความรื่นเริงในธรรม และซึ่งใจ แล้วแสดงกิริยาน่ารักท่าทางอ่อนน้อมประกอบ ทำให้ภาพระหว่างศิษย์กับอาจารย์ คือหลวงปู่ลีกับหลวงตามหาบัว ผู้เคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาหลายภพหลายชาติจนกลายมาเป็นความคุ้นเคยยิ่งในปัจจุบันชาติ ในขณะนั้นองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านได้ผ่านพ้นไปจากกองกิเลสแล้ว ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ยังเหลือแต่องค์หลวงปู่ลีที่องค์หลวงตาต้องดึงให้ข้ามพ้นไปด้วย .
องค์หลวงปู่ลี กุสลธโร
|