Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

สติ รอบคอบ

พฤหัสฯ. 24 มิ.ย. 2021 8:30 am

#ตัวเจตนาคือบุญกุศล

พูดถึงการบริจาค ยกหลวงปู่มั่นขึ้นมา เรื่องเงินทองนี่ ถ้าเรามีครอบครัวเราต้องดูแลครอบครัวให้มีความสุข ใครจะถวายเงินหลวงปู่มั่น ท่านบอกพอแล้วหรือ ถ้าพอแล้วก็แบ่งมา ถ้ามีครอบครัว อยากจะได้บุญก็เลี้ยงครอบครัวให้มีความสุขก็ได้บุญเหมือนกัน

เดี๋ยวนี้คนเอาแต่ความสะดวก บ้านเล็ก ๆ ก็มีตู้เย็น แต่เป็นตู้หนี้ นี่อำนาจของความอยาก วัดเราจึงไม่ให้เอาเข้ามา เรื่องไฟฟ้า เรื่องอะไรที่จะเป็นหนี้เป็นสินอย่าเอาเข้ามา พระหาเงินไม่เป็นจะไปเบียดเบียนเขา เขามาวัดไม่ได้มาเอาความวุ่นวาย แล้วก็งดกฐินออก คิดถึงคำสอนหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านก็ไม่ได้บอกให้ทอดกฐิน ใครมาท่านก็ให้บังสุกุลเอา ท่านเอาง่าย ๆ

อย่างเรื่องเจ้กไฮ เจ้กไฮไปทำบุญกับหลวงปู่มั่นด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ ไปทำอาหารถวายหลวงปู่มั่น ใส่บาตรเสร็จแล้วถึงเวลารับพรเขาก็เรียกเจ้กไฮมารับพร เจ้กไฮว่า อั้วไม่เอา สวดอั้วก็ไม่สวด อั้วได้บุญตั้งแต่อั้วคิดที่บ้าน หลวงปู่มั่นชมเชยเจ้กไฮมาก แต่พวกเรานี่ยัดใส่มือยังบอกฉันให้หน่อยน่า ก็ตัวเจตนาเป็นตัวบุญมันเสร็จแล้ว คนมาใส่บาตรตั้งเท่าไร เป็นร้อย ๆ จะให้ฉันหมดต้องฉันตั้งกี่วัน เจตนานั่นคือตัวกุศล ได้แล้วน่ะ คนอิสานนี่ครูบาอาจารย์สอนแนะนำพอเข้าใจกัน คนกรุงเทพนี่ว่าอิมานิอยู่นั่น ก็เลยว่า เวลาตัวเองจะทาน ทานร้อน ๆ อร่อย พระก็อยากร้อน ๆ เหมือนกันนะ ก็ว่าอยู่นั่นน่ะจนข้าวเย็น มันเกินไป...

หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร







#หลวงตามหาบัวสอนเรื่องทาน

หลวงพ่อสังวาลย์ ท่านใจบุญ
พระเวสสันดร ในนามของพระเรานะ หายากนะ
พระใจบุญกว้างขวางอย่างนี้นะ หายากมากนะ

ไปที่ไหนบริษัทบริวารเยอะ
เพราะท่านทําบุญ ท่านเป็นนักเสียสละ
ไปที่ไหนเสียสละเรื่อย ๆ

ทีนี่เวลาเปิดทางกว้าง ให้ไหลออกเรื่อย
สละออกเรื่อย ๆ มันก็ไหลเข้ามามากเหมือนกัน
เข้าใจไหม.?

ทีผู้ใดตะหนี่ถี่เหนียว ไม่อยากให้ทาน
ปิดตึ๊ก..! ไม่ให้มันออก.. เข้าใจหรือ?
ไม่ให้มันออก.. มันเลยไม่เข้า..! (หัวเราะ)

ใครตะหนี่ถี่เหนียว ปิดไม่ให้มันออก มันไม่เข้า
ใครไม่ตะหนี่ เปิดออก ๆ เมื่อเปิดออก มันก็ไหลเข้าได้สิ
กว้างขวางนะ.. เอ่อ เอาละ เอ้า...!

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน









#การจะสัมผัสผลแห่งการประพฤติปฏิบัติ #มันต้องสม่ำเสมอ

ทุ่มเทความพากเพียร อยู่ในอิริยาบถไหนก็ตาม สติเป็นตัวสำคัญอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ตื่นนอนมา พยายามฝึกตนเอง อย่าปล่อยจิตปล่อยใจตัวเองให้เร่ร่อนออกไปแบบไม่มีเจ้าของ ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์

จิตเรากำกับมันได้ เอาสติกำกับไว้ นับตั้งแต่ตื่นนอน รู้สึกตัวแล้วเอาสติจับจิตทันที มันจะฟุ้ง มันจะเร่ร่อนออกไปเกาะเกี่ยวยุ่งเหยิงวุ่นวายกับอารมณ์อันใด ดูซิว่าอารมณ์อันนั้น มันเป็นอนิจจัง หรือ นิจจัง มันทุกขัง หรือ สุขขัง มันอัตตา หรือ อนัตตา ดูเปรียบเทียบเข้าไป

อารมณ์อันใดก็ตาม จะเป็นเรื่องน่ายินดีน่ายินร้ายก็ตาม จิตจะยินดียินร้าย คุ้ยเขี่ยพิจารณาดูว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีความเที่ยงอยู่ในตัวของมันไหม

ก็เมื่อมันเห็นอยู่ในตัวของมันแล้ว มันเป็นอนิจจัง มันไม่เที่ยง แล้วเราจะไปคำนึงถึงอะไร จะไปเสียดายอะไรกับมัน หรือจะไปอาลัยอาวรณ์อะไรกับมัน จะไปต้องการหรือไม่ต้องการอะไรกับมัน

มันจะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ก็ตาม มันก็เพียงแค่มาประเดี๋ยวประด๋าวแล้วจากไปตามหลักอนิจจังเท่านั้น

พยายามให้เท่าทันต่อสิ่งที่เข้ามาสัมผัสที่จิตของเราเอง อย่าปล่อยชนิดที่ว่า มีอะไรมาสัมผัสมาครอบงำจิตใจขนาดไหน จิตใจฟุ้งซ่านไปตามสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ฟุ้งไปจนมันกินทั้งตัว มันเบื่อแล้วมันคลายออกมา โอ้ย .. เราไม่น่าคิดอย่างนั้น เราไม่น่าคิดอย่างนี้

มันเพิ่งมารู้ตัวเมื่อโมหะความลุ่มหลงต่าง ๆ มันคลายออกมาแล้ว เราจึงมารู้ตัว อย่างนั้น แล้วมันมีประโยชน์อะไร ลองมาพิจารณาดู

เรานักปฏิบัติ จะมีความเจริญในธรรมะ ในข้อปฏิบัติแล้ว เราจะต้องตื่นตัว ต้องเท่าทันมัน ไม่ใช่ตามรู้มัน ตามรู้มันไม่มีวันสิ้นสุด มันจะคิดอะไรตามไปเรื่องโน้นตามไปเรื่องนี้ ตามไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด แล้วมันมีประโยชน์อะไรกับการเดินไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด มันหาประโยชน์แก่นสารสาระอะไรไม่ได้

เพราะฉะนั้น การตามรู้ มันต้องให้รู้ทัน รู้ทันในขณะที่จิตมันกระเพื่อมออกไป กระเพื่อมออกไปยังไม่ทันเป็นเรื่องเป็นราว เรารู้ตัวทันที ระลึกได้ทันที เพราะมีสติกำกับไว้ ด้วยการฝึกนับตั้งแต่ตื่นนอน เราฝึกเรื่อย ๆ ไป นับตั้งแต่ฝึกเบื้องต้น

ได้บ้างเสียบ้าง ล้มลุกคลุกคลานไป จากได้บ้างเสียบ้าง ต่อไปมันจะได้มากกว่าเสีย ต่อไปเสียน้อยลง น้อยลง มีแต่ได้มีแต่ได้ ต่อไปไม่เสียเลย มีแต่ได้อย่างเดียว

นั่นเห็นไหม สติมันแนบแน่นอยู่กับจิตแล้ว มันกำกับจิตอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ตื่นนอนมา จิตจะกระเพื่อมไปในแง่มุมไหน สติมันกำกับไว้เท่าทัน

เท่าทันก็รู้ตัว รู้ชัดเจนขึ้นมา จิตมันจะกระเพื่อมออกไปทางไหน มันระงับได้ มันจะไม่เป็นเรื่องเป็นราวอะไร มันระงับแล้ว นั่นคือการฝึกของพวกเรา การฝึกด้วยความสม่ำเสมอ

การฝึกด้วยปัญญา ปัญญาอย่าอยู่เฉย ๆ เป็นหัวหลักหัวตอ มันไม่ได้เจริญก้าวหน้า ปัญญามันต้องคุ้ยเขี่ย ปัญญามันต้องแยกแยะ ปัญญามันต้องพิจารณา ยิ่งพิจารณายิ่งคุ้ยเขี่ย เข้าไปเท่าไหร่ ๆ ปัญญายิ่งแหลมคม รวดเร็ว ยิ่งมีความเฉลียวฉลาดขึ้นมา

นั่นแหละเราจะเห็นความชัดเจนถึงการปฏิบัติธรรมของพวกเราว่ามีความเจริญก้าวหน้า เพราะปัญญาพาเดิน ถ้าปัญญาพาเดินแล้วมันจะมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจนเลย

#พระอาจารย์สุธรรม #สุธัมโม
วันเสาร์ที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓








#อย่าไปศรัทธาเลื่อมใสเวทมนต์กลคาถาคุณไสยอีหยัง

พระรัตนตรัย คือ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐสุดแล้ว

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งของเรา

นับถือให้ท่านสว่างไสวขึ้นในใจ ศรัทธาหนักแน่นมั่นคง ไม่ยึดสิ่งอื่นใดเป็นที่พึ่ง นอกจากนี้

#หลวงปู่แสง_ญาณวโร









"คนเราจะมีความสุข
มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า.. มีเท่าไร
แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเรา.. พอเมื่อไร"

หลวงปู่ชา สุภัทโท





“บุญนั้น ไม่สามารถเอาอะไรมาวัดชั่งได้
บางบุคคล ทำบุญไปแล้ว มีความปลื้มปิติ
ยินดีจนน้ำตาไหล ใจมีความสุข
จนร่างกายสะเทือน

ใจก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันมีน้ำหนักเท่าไหร่
บอกไม่ได้ เป็นเรื่องของตนเองที่จะรับรู้
ว่าใจมีความสุขแค่ไหน สบายแค่ไหน
เพราะ บุญมันอยู่ที่ใจ”

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป









"การหัดนึกย้อนหลัง หัดนึกก่อนทำ
หัดนึกก่อนโกรธ หัดให้มีความรู้ตัว
หัดให้มีความยับยั้ง การหัดอยู่เสมอ
สติจักเกิดมีทวีเป็นลำดับ จนถึงเป็นสติรอบคอบ
ถ้าไม่หัดทำ จะให้มีสติขึ้นเองนั้นเป็นการยาก
เหมือนอย่าง เมื่อประสงค์ให้ร่างกายมีพลานามัยดี
ก็ต้องทำการบริหารให้ควรกัน"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
ตอบกระทู้