พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เสาร์ 26 มิ.ย. 2021 7:58 am
"คิดปล่อยวางเฉยในสิ่งที่ควรปล่อย สิ่งใดที่ตนหมดความสามารถจะช่วยเหลือได้.. ก็ปล่อยวางเสีย ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ"
#ท่านพ่อลี #ธมฺมธโร
วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ๑๐ วิธี
๑. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก
๒. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ
๓. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ
๔. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอขมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่
๕. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่
๖. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดามารดา
ตัวอย่าง “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง” เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง…พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด
๗. ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล
๘. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี
๙. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา..พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง
๑๐. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
“หลวงพ่อเคยเตือนพวกเราเรื่อยๆ
เรามีคู่ วันหนึ่งเราก็ต้องอยู่คนเดียว
เคยอยู่ ๒ คน เหลือคนเดียว
มีลูก ลูกก็ไปอยู่ที่อื่น สังคมมันเป็นอย่างนี้
เราต้องอยู่กับตัวเองให้ได้ มีความสุขให้ได้
อยู่กับธรรมะ มีความสุข
พึ่งคนอื่น ความสุขเราอิงอาศัยคนอื่น
อิงอาศัยสิ่งอื่น มีแต่ของไม่แน่นอน
ความตาย มาถึงเมื่อไหร่ก็ได้
ความพลัดพราก มาถึงเมื่อไหร่ก็ได้
พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ละเอียดรอบคอบ
ไม่ให้เราประมาท บอกว่าความตาย
เป็นของแน่นอน ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก
การประสบสิ่งที่ไม่รัก ความไม่สมปรารถนา
เราต้องเจอ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย
เราต้องเจอ
ทีนี้ ทำอย่างไร เราจะสามารถผจญกับมันอย่างเข้มแข็ง”
พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
"จงอย่าช้า รีบเร่งทำความดี
ทุกชีวิตมีเวลาจำกัด
อย่างมากไม่เกินร้อยปี
ก็ต้องละร่างนี้ ละโลกนี้ไป
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำความดี
เพราะถ้าสายเกินไปเมื่อไหร่
ตัวเองนั่นแหล่ะ จะต้องได้เสวยผล
ของการไม่กระทำกรรมดี
ไม่มีผู้อื่นใด จะรับผลของความดีความชั่ว
ที่ตนเองทำไว้ เจ้าตัวเองเท่านั้น
จักเป็นผู้รับผลของความดีความชั่ว ที่ตนทำ”
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
..เห็นไหมปู่ย่าตายายของพวกเราทั้งหลายตายจากพวกเราไป ทั้งพ่อทั้งแม่เขาก็ตายจากพวกเราไปอยู่เรื่อยๆ เพื่อนฝูงก็ตายไปทุกวัน ๆ ถ้าไม่เชื่อก็ไปดูตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ วันหนึ่งเขาตายไปกี่คน ตายด้วยโรคอะไรบ้าง ตายด้วยเฒ่าด้วยแก่หรือโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย แล้วควบคุมดูแลได้ไหม เขาควบคุมดูแลตนเองเขาได้ไหม เขาไม่อยากตาย
..บัดนี้เราเอาคนอื่นเข้าไปคุมไม่ให้เขาตายได้ไหม เอาไปเอามาตัวของเราก็เหมือนกัน เราคุมไม่ให้ตายมันก็ดื้อดึงตายเข้าไปได้เมื่อมันดื้อตายอย่างนี้ มันเป็นใคร มันเป็นตัวเราหรือเป็นตัวของบุคคลอื่น นั่นแหละพระพุทธเจ้าท่านสอน แต่ถ้าเป็นตัวเรามันก็ต้องไม่ตาย อันนี้ไม่ใช่เรามันก็ดื้อดึงตายไปได้
..แล้วมันดื้อดึงตายไปอย่างนี้ เราก็ต้องยอมรับว่ารูปร่างกายนี้ไม่ใช่ของพวกเรา แต่พวกเราก็ยังดื้อดึงหวงแหน อันพวกเราหวงแหนพากันกินหยูกกินยา พยาบาลกันไว้จนใหญ่จนโตขึ้นมาอย่างนี้ เขาเรียกว่า เรารักษาไว้เพื่อสร้างความดีเท่านั้นเอง
หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
#การให้ด้วยความเต็มใจนั้นมีอานิสงส์มหาศาล
ของที่ให้แม้จะน้อย แต่ให้ด้วยความเต็มใจ ก็มีอานิสงส์มากกว่าเงินจำนวนมากแต่ให้เพราะอยากได้หน้า หรือให้แต่เสียดาย เราเหลือกินเหลือใช้ก็ให้เถอะ เลี้ยงคนไม่ทำให้จนลงหรอก...
ท่านพ่อไพบูลย์ สุมงฺคโล
#ถวายชีวิตพรหมจรรย์
".. จากนั้น สมัยหนึ่ง ขึ้นไปภาวนาที่ถ้ำผาบิ้ง ซึ่งอยู่ในบริเวณวัดถ้ำกลองเพลนั่นแหละ ภาวนาอยู่ ๗ วัน ๗ คืน โดยไม่นอน ข้าวก็ไม่กิน กินแต่น้ำ เดินจงกรมอย่างหนัก อานิสงส์ของการเดินจงกรม มี ๕ อย่างนะ
๑. เดินจงกรม เพื่อปลุกไฟธาตุให้ลุกขึ้นเผาผลาญอาหารให้ย่อยยับ ช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น
๒. เดินจงกรม เพื่อปลุกไฟธาตุให้ลุกขึ้นเผาเส้นเลือดลมให้เดินสะดวก ทำให้ร่างกายอบอุ่นดี
๓. เดินจงกรมมาก ๆ ทำให้อดทนต่อการเดินทางไกล โดยไม่ปวดแข้งปวดขา
๔. ผู้เดินจงกรมนั้น จิตจะสงบลงสู่สมาธิได้ และสมาธิของบุคคลผู้นั้นจะไม่เสื่อม มีแต่จะเจริญขึ้น
๕. ผู้เดินจงกรม เมื่อจิตสงบแล้ว จะได้เห็นเทพยดาถือธูปเทียนมาบูชา
ในวันนั้น เมื่อเดินจงกรมจนจิตสงบแล้ว ก็ได้เห็นจริง ๆ นะ เป็นฝูงเทพยดามานั่งถือธูปเทียนบูชาอยู่เป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ ๒ - ๓ คน จึงกำหนดถามไปว่า
“มาทำอะไร ?”
เขาก็ตอบว่า... “มาบูชา อนุโมทนาส่วนบุญกับท่าน”
“เออ เอา ...อยากได้ก็ตั้งใจเอา”
นั่นแหละ ปีติเกิดขึ้น ร่าเริงบันเทิงใจดีในวันนั้น เสร็จแล้ว ๔ - ๕ ทุ่ม ก็เข้าที่ ไหว้พระสวดมนต์อุทิศส่วนบุญ เสร็จแล้วก็เข้าที่ นั่งภาวนา กำหนดจิตวางพุทโธพับ จิตก็รวมพับ ลงสู่ภวังคภพ อุปจาระ อันแน่นแฟ้น นั่นแหละ ในขณะนั้นก็ร่าเริงบันเทิงดี
ทีนี้ก็มาพิจารณาธาตุขันธ์ น้อมลงสู่ไตรลักษณ์ เห็นแจ้งประจักษ์ จนถึงสภาพตาย เปื่อย เน่า สาบสูญไม่มีอะไร ทีนี้ก็กำหนดถามผู้รู้ว่า...
“ธรรมที่ประพฤติมานี้ ได้มาจากอะไรบ้าง ?”
“โอ๋...กิจวัตรทุกประเภท ปัดกวาดเสนาสนะ กุฏิ วิหาร ศาลา เป็นบุญทั้งนั้น เป็นมรรค เป็นเครื่องส่งนะ ปฏิบัติครูบาอาจารย์ให้อยู่เย็นเป็นสุข ก็เป็นมรรคเป็นเครื่องส่งทั้งนั้น อดนอนผ่อนอาหารก็เป็นบุญใหญ่ เดินจงกรม ยืนภาวนา ไหว้พระสวดมนต์ก็เป็นบุญทั้งนั้น นั่นแหละ ทำเอาทุกอย่างให้มันเป็นมรรค เป็นเครื่องส่ง”
แล้วก็กำหนดพิจารณาธาตุขันธ์อีกต่อไป เอามีดปาดเถือเนื้อออกทั้งหมดเป็นชิ้น ๆ เอาไปบูชาแก้ว ๓ ประการ นั่นแหละ จิตรวมใหญ่พึบ ก็เหลือแต่ผู้รู้กับสติเท่านั้น
...เมื่อเห็นผลเกิดขึ้นเป็นเช่นนั้น ก็มั่นใจ จึงได้ถวายชีวิตพรหมจรรย์ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...
นี่แหละ ก่อนที่จะถวายชีวิตได้ ก็เพราะได้เห็นของจริงเกิดขึ้น ลึกซึ้งอัศจรรย์ นั่นแหละ ก็เลยถวายชีวิตเพศพรหมจรรย์ตั้งแต่วันนั้น ไม่กลับโลกอีก นี่ข้อสำคัญมั่นหมาย
คืนนั้น นั่งภาวนาคืนยันรุ่ง ตอนเช้ามาทำกิจวัตร หลวงปู่ขาว ท่านถามว่า...
“ทา...พ้นทุกข์หรือยัง ? ผมเข้าใจว่าท่านพ้นทุกข์แล้วนะ เพราะเห็นท่านนั่งภาวนาแล้ว มีรัศมีรุ่งโรจน์คืนยันรุ่งนะท่าน”
“โอ๋...ยังหรอกครับ หลวงปู่ แต่ว่าตั้งแต่ผมบำเพ็ญความเพียรกับหลวงปู่มาหลายปีแล้ว รู้สึกว่า เมื่อคืนนี้จะสำคัญที่สุดกว่าทุกคืนนะ จิตรวมลงเห็นธรรม โอ้...น่าเลื่อมใส แปลกประหลาดใจ จนถวายชีวิตพรหมจรรย์ได้ไม่หวั่นไหวทั้งนั้น ไม่กลับโลกอีกแล้ว”
แต่ก่อน จิตยังไม่สงบ ฝึกยังไม่ทันได้ ก็ไม่เห็น เมื่อจิตฝึกได้สงบลงไป มันก็เห็นเป็นอย่างนั้น เปรต ผี ช้าง เสือ ยักษ์โขโมฬี มีอยู่ ผีกองกอย สะมอยดง ร้องสนั่นหวั่นไหว ค่ำมาแล้วก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไร จิตสงบลงไปเป็นครั้ง ๆ แหม...ฝูงรุกขเทวดา ภุมเทวดา ปัพตาเทวดา อากาสาเทวดานั้น หญิงชาย จุดธูปเทียนบูชาอยู่เป็นกลุ่ม ๆ สาธุการส่วนบุญ สนั่นหวั่นไหว
ทีนี้ เราฝึกอบรมตนได้แล้ว เปรียบเหมือนดอกไม้มีกลิ่นหอม แมลงภู่ผึ้งมาตอมเอาเกสรไปทำรวงรัง นั่นแหละ ฝูงเทพบุตร เทพยดาทั้งหลายเหล่านั้น เปรียบเหมือนแมลงภู่ผึ้ง มาสาธุการส่วนบุญ จุดธูปเทียนบูชา นี่มันก็เห็นอานิสงส์ที่ประพฤติปฏิบัติมาอย่างนั้น แล้วก็มีกำลังใจ มาตลอดจนถึงทุกวันนี้.. "
#อัตโนประวัติของ
#หลวงปู่จันทา_ถาวโร_วัดป่าเขาน้อย
ต.วังทรายพูน อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร
อิหยังต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว
มันแก้บ่ได้ดอกเนาะ
ขั่นสิแก้กรรมพระพุทธองค์เพิ่นสอนว่า
ให้แก้ที่ใจเจ้าของ ให้เฮ็ดโตใหม่
ให้มันดีขึ้น นั่นล่ะคือการแก้กรรม
หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.