พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เสาร์ 03 ก.ค. 2021 7:19 am
" ศีลและธรรม เป็นที่ตั้ง
แห่งความไม่ประมาท
ศีลเป็นเหตุให้งดเว้น
ไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษ
ธรรมเป็นเครื่องบำรุงจิต
ให้งดงาม สร้างอัธยาศัย
นิสัยที่ดี
ศีลเป็นเหตุให้งดเว้น
ไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษ
ถ้ามีเพียงศีลก็มีเพียง
งดเว้นได้จากโทษ
แต่ก็ยังมิได้ทำความดี
ถ้ามีธรรมอยู่ด้วย
จึงจะนำให้คุณความดี
และทำให้จิตใจงาม
ดังเช่นไม่ฆ่าสัตว์เพราะมีศีล
และเกื้อกูลสัตว์ด้วย
เมตตา กรุณา เพราะมีธรรม
ความเมตตา กรุณา
ซึ่งเป็นธรรม จึงอยู่คู่กับ
การไม่ฆ่าสัตว์ คือมีศีล "
พระคติธรรม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร
"อยู่ในสังคมใดก็ตาม..แม้เราจะพูดเราก็รักษาการพูดของตัวเอง..แสดงออกก็แสดงออกในทางที่ดีให้มีสติ..ให้มีปัญญา..ตอนที่เราแสดงออก..อย่าให้มันไปกระทบกับคนอื่น..แม้คนอื่นเค้าจะไปกระทบเรา..แต่ถ้าจิตของเรามีธรรมะ..เหมือนกับไม่กระทบ..มันเป็นอย่างนั้น...คนที่ปฏิบัติธรรมมันต้องคุ้มครองตัวเอง..มีเกราะป้องกันตัวเองคืออย่างนี้..คือสติปัญญาคุ้มครองตัวเองอย่างนี้ นี่แหละหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า..เราปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติหาทางที่พ้นทุกข์..ไม่ใช่หลงความสุขอย่างเดียว..ความสุขนี้ถ้ามันไม่พ้นทุกข์แล้วมันจะสุขได้อย่างไร"
.....พระธรรมเทศนาองค์หลวงปู่ไม....อินทสิริ...วัดป่าเขาภูหลวง...อ.วังน้ำเขียว....จ.นครราชสีมา
อย่าเห็นสิ่งใดมีค่า
ยิ่งกว่าการดำเนิน
เพื่อความพ้นทุกข์ของตน
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ถาม – จะรู้ได้อย่างไรว่า ใครเคยเป็นอะไรมาแต่ชาติก่อน ๆ
.
ตอบ – อันนั้นมัน วิชชาจรณะสัมปันโน ต้องพร้อมด้วยวิชชาสาม มีปุพเพสันนิวาสานุสสติญาณ เหมือนครูอาจารย์มั่น ท่านศึกษาจนรุ้ดีว่า ท่านปรารถนาพุทธภูมิมานี่ได้กี่ภพกี่ชาติกี่อสงไขย หรือพระพุทธเจ้าได้พยากรณ์ไว้แล้ว สาวเข้าสาวเข้าก็ถึงวันที่ตั้งความสัตย์ ปรารถนาพุทธภูมิ แต่ที่ ตาย ๆ เกิด ๆ นี่ก็หลาย ตายก็เพราะกาม เกิดก็เพราะกาม ทุกข์ก็เพราะกาม สุขก็เพราะกาม
.
ท่านมองดูชั้นฟ้าท้องฟ้าจนจดพุทธภูมิ พุทโธ่ เราจะมาตายมาเกิดอย่างไม่มีกำหนดอีกแล้ว จากนั้นท่านก็เร่งความเพียร จนตีสองก็ได้วิชชาสอง คือ จุตูปปาตญาณ รู้ว่าสัตว์ภพนี้ ดับที่นี้ ไปเกิดที่โน้น ภพโน้น ดับที่โน้น ดับที่นี่ไปเกิดที่โน่น ดับที่โน่นไปเกิดที่นั่น อันนี้ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ วิชาชั้นสาม รุ้จักกิเลสของตนว่าสิ้นไปหมดไป กิเลสของกายวาจาสิ้นไปหมดไป กิเลสของใจเราสิ้นไปหมดไป เรามีกรรมเป็นอันขาด มีกรรมอันไม่งอกแล้ว จิตดวงหลังดับไปอยู่แล้ว อาศัยกำลังทั้งห้า คือกำลังศรัทธา กำลังความเพียร กำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังปัญญา ให้รู้แจ้งชัชวาล เพื่อดับขันธปรินิพพาน เราไม่ยินดีจะก่อภพใหม่อีก ก็หมดเรื่องไป
.
ถาม – หลวงปู่มีอะไรเกี่ยวข้องกับใครบ้างไหม
.
ตอบ – นิมิตต่าง ๆ มันต้องศึกษา พอรู้เท่าแล้วก็วาง ๆ ๆ เข้าไปเล่นวนอยู่ก็เป็นธรรมเมาละ ประเทศชาตินี่ก็อาศัยคนมาก จะตั้งทางไหน ก็ตั้งอยู่กับความยุติธรรม จะตั้งทางไหน ก็หมั่นทำ ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ มันเกิดอะไรเบียดเบียนละก็น้อมเข้ามาหาใจ ให้มันสงบก็สบายเท่านั้นแหละ ให้รู้อยู่กับปัจจุบันนี้แหละ มันจึงเป็นพุทโธ ธัมโม สังโฆ ทำอยู่แค่นี้ก็พอแล้ว ความเกิดแก่เจ็บตายมันเป็นกงจักร กงจักรมันบดสัตว์ ความเกิดแก่เจ็บตาย มันเป็นของจริงเมื่อเรายังมีภพมีชาติอยู่ เวลาหยุดพักผ่อนก็ให้ทำความสงบทันที ปฏิบัติที่ใจนี้ คนมันมาก พูดกับคนนี้ก็เป็นอย่างหนึ่ง กับคนโน้นก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง มันไม่ลงรอยกันสักที อายุสังขารของเรามันก็เต็มที่แล้ว วันคืนเดือนปีมันก็สิ้นไปหมดไป เราจะทำอะไรอยู่ก็ตามก็ต้องหมั่นทีจิตของเราไปเรื่อย ๆ เวลาธาตุทั้งสี่ ขันธ์ทั้งห้า จะพรากจากกัน ดินก็ไปเป็นดินของเก่า น้ำก็ไปเป็นน้ำของเก่า ไปมันก็ไปเป็นไฟของเก่า ลมก็ไปเป็นลมของเก่า อากาศธาตุมันก็วางไว้อย่างเก่านั่นแหละ เหลือแต่ใจ ดินก็ไม่ใช่ใจ น้ำก็ไม่ใช่ใจ ไฟก็ไม่ใช่ใจ ลมก็ไม่ใช่ใจ แต่เราก็อาศัยสิ่งเหล่านี้แหละ นี่มันก็เป็นสมบัติของบิดามารดา นะ กับ โม นี่แหละสมบัติ ของดี จะไปตั้งศีลก็อาศัยสมบัติของบิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย นี่แหละ เวลาจะทำบุญสุนทานก็อาศัยสมบัติของบิดามารดาเป็นที่ตั้ง จะเล่าเรียนวิชาของโลกมันก็เอาสมบัติของบิดามารดานี่แหละเป็นที่ตั้ง
.
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
คัดจากหนังสือ สุจิณฺโณรำลึก
ได้พุทโธ หรือยัง?
หลวงปู่ ชอบถามพระเณรที่ไปหาท่านเสมอว่า ที่พวกคุณภาวนานี้ พวกคุณได้พุทโธ หรือยัง?
ผู้ที่ยังไม่แน่ใจก็จะตอบว่า ยังขอรับ ผู้ที่ค่อนข้างแน่ใจก็ตอบท่านว่า ได้แล้วขอรับ แล้วหลวงปู่มักจะย้อนถามว่า ได้แน่จริงหรือ?
ถ้าหากว่าได้แล้ว ก็ให้ฟังและพิจารณาอย่างนี้ก่อน คือ ถ้าหากใครเขาด่าเราว่า ‘ไอ้หัวหงอก’ ให้เราลองนั่งชั่งดูใจของเราว่า เราโกรธเขาไหม
ถ้าเรายังโกรธอยู่ ก็หมายความว่า เรายังรับรู้การด่าของเขาอยู่ นั่นหมายถึง เราเอาจิตออกมารับคำด่า เรายังอดทนไม่ได้ เรายังโกรธ หมายถึง เรายังไม่ถึง หรือยังไม่ได้พุทโธอย่างแท้จริงนั่นเอง
ที่มาบทความ:หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
ตัดตอนจากโครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๒
"ที่จริงแล้ว ทุกคนรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว
แต่ไม่พยายามรับรู้ความจริงนั้น
ว่าเป็นความจริงสำหรับตนเองด้วย
มักจะให้เป็นความจริงสำหรับผู้อื่นเท่านั้น
ดังที่ปรากฏอยู่เสมอ ผู้ที่ว่าคนนั้นไม่ดี
อย่างนั้นอย่างนี้ และตัวเองก็เป็นเช่นนั้นด้วย
โดยตัวเองก็หาได้ตำหนิตัวเอง เช่นที่ตำหนิผู้อื่นไม่
ถ้าจะให้ดีจริงๆ ถูกต้องสมควรจริงๆ แล้ว
ก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้า ท่านทรงสอนให้เตือนตน
แก้ไขตน ก่อนจะเตือนผู้อื่นแก้ไขผู้อื่น"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
ผู้เข้านิโรธสมาบัติหรือฌาน๔ไม่หายใจ
มีผู้อ่านพบในมิลินทปัญหาว่า
ผู้เข้าถึงฌานแล้วไม่หายใจ
จริงหรือไม่?
หลวงปู่
"ผู้ที่เข้าถึงฌานที่ ๔ ไม่หายใจ จริงอยู่
และคนที่ไม่หายใจนั้น
พระพุทธศาสนาบัญญัติว่า
คนดำน้ำ ๑
คนอยู่ในครรภ์ ๑
คนตาย ๑
คนเข้านิโรธสมาบัติ ๑ หรือเข้าฌานที่ ๔
ดังว่ามาแล้วนั้น
แต่สิ่งเหล่านี้อยู่ใต้อำนาจอนิจจังเหมือนกัน
ไม่ใช่ของเที่ยงเลย
และก็ไม่ใช่พระนิพพานด้วย
เพราะเกิดดับเป็น
พวกที่เข้าฌานนั้น หมดกำลังก็ถอนออกมา
เหตุนั้นพระอรหันต์ทั้งหลาย
ที่เข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว
จึงไม่ได้เข้าฌานทั้งปวง
อีกอันอยู่ในโลก
แม้การแสดงฤทธิ์ก็อยู่ใต้อำนาจอนิจจัง ทั้งหมดนั้น
หมดกำลังก็หยุดกัน
เหมือนถ่านไฟฉายที่หมดแสง"
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
“ ... ได้ธรรมนี่บ่เสีย ได้ธรรมเป็นของดี บ่มีอดีต บ่มีอนาคต เป็นปัจจุบัน ใหม่อ่องต่องตั้งแต่นี้ต่อไป เอาละบัดนี้ตั้งใจ ไผอยู่ไสก็ตั้งสัจจะของไผของมัน ตั้งเพื่อเจ้าของน่ะ จะเฮ็ดได้แค่ไหนก็เฮ็ดเอา อย่าให้มันเหนื้อกำลัง ความพอดีเป็นธรรม ... ”
องค์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโน
บ่ทันพอร้อยปีกะตายดอก..อันใด๋ดีให้พากันเฮ็ดซะ พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์..เฮาเอาอันใด๋ไปนำบ่ได้ดอก..สมบัติพัสถาน มีน้อยกะเอาบ่ได้ มีหลายกะเอาบ่ได้ ต้องแบ่งเวลา..ภาวนาพุทโธนำ ต้องรักษาศีลนำ
ศีลห้า ศีลแปดตามสติกำลังปัญญาของเฮา เท่าที่เฮาสิทำได้ แนวสิเอาไปได้กะแมนทาน ศีล ภาวนาท่อนล่ะหมู่เฮาสิเอาไปได้ ลูกหลานกะเอาไปนำบ่ได้ เฮาต้องแบ่งเวลาเฮ็ด มื่อหนึ่งๆ เฮาได้เฮ็ดบุญอีหยังแนให้ตรวจเบิ่ง.. หรือว่าเฮาคึดหาตั้งแต่อบายมุขฮั่นเบาะ..นี่ให้ตรวจเบิ่งเจ้าของ...
#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.