การทำใจให้สงบ.. "..บัดนี้ เราทุกคนตั้งใจลองดูว่า เอาจิตของเรามารู้อยู่กับลมหายใจเข้าออกอยู่ ระลึกดูอยู่ เอาจิตมาดูอยู่ หากเราเห็นว่าลมหายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้ายาว หายใจออกยาว หายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้น ให้รู้ ให้จิตมันมารู้อยู่ที่นั่น อย่าไปรู้อยู่ที่อื่น ..ให้เราประคองจิตเราไว้อย่างนี้ ถ้าหากเมื่อมันรู้แล้ว เราควรหายใจให้เบาๆลงไป หายใจให้สบาย หายใจให้ปลอดโปร่ง หายใจให้โล่งๆ เราอยากสบายเราต้องหายใจให้สบาย ..เมื่อตั้งกายตรงนั่งอยู่สบายๆแล้วอย่างนี้ บัดนี้ เราก็ใช้สติปัญญาประคองจิตเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออกอย่างเดิม เมื่อจิตของเราอยู่สัก ๑๐ นาที เดี๋ยวมันก็ถอนออกไป เรียกว่าเป็น ขณิกสมาธิ เพียงเฉียดๆนิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวจิตก็ถอนไป ออกจากสมาธิไป เราก็ใช้สติปัญญานั้นตามเอาจิตขึ้นมาอีก แล้วก็มาอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกอีก เพราะเมื่อมารู้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออกอีก ก็หายใจให้สบายๆ หายใจให้ละเอียด ให้สุขุมลงไปเรื่อยๆ เมื่อเราหายใจให้ละเอียดลงไปเรื่อยๆ ..ตอนนี้แหละ เมื่อหายใจเบาลงไปเท่าไร ทุกขเวทนา เจ็บแข้ง เจ็บขา เจ็บหลัง เจ็บเอวก็ดี มันก็จะเบาลงไปเรื่อยๆ เบาลงไปด้วยกัน ทุกขเวทนาจะหายไปด้วยกันเรื่อยๆ อันนี้อีกอย่างหนึ่ง ..บัดนี้หากว่าจิตของเรามันจดจ่ออยู่ที่ลม เห็นลมละเอียดลงไปเรื่อยๆ จนสุขุมลึกลงไปจนเหมือนไม่มีลม ตอนนี้อย่าไปคิดว่าตนเองจะตายนะ เมื่อมันไม่มีลม เหมือนไม่มีลมอยู่ในรูจมูกของเรานี่ ดูแล้วมันไม่เห็น ลมมันเดินละเอียด ..ระยะนั้นแหละ ร่างกายของเรา แข้งขาก็ดี ที่ไหนมันเจ็บมันจะหายไป เหมือนเราได้กินยาแก้ปวดรักษาทุกขเวทนา ไม่มีที่เจ็บปวด เรามั่นใจว่า เอ๊ะ..บัดนี้เราจะนั่งได้ทน นี่อย่างหนึ่ง แต่อย่าไปกลัวว่าตัวเองจะตาย เดี๋ยวจะหายใจขึ้นมา เดี๋ยวจิตจะถอนออกจากสมาธิ อันนี้เรียกว่าอยู่ในวงของขณิกสมาธิ.."
หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
การเจ็บปวดเมื่อนั่งสมาธิ พระพุทธเจ้าว่าให้สู้มัน มันจึงจะเห็นทุกขเวทนา นั่งสมาธิ มันเจ็บ ให้ดูมัน มันเกิดมาจากไหน เวทนามันก็เวทนาต่างหาก ไม่มีตัวเรา การพิจารณาให้รู้เท่านั้นแหละ ของไม่มีตนมีตัว มันเกิดขึ้นก็เกิดจากร่างกายนี้อย่างหนึ่ง แล้วก็มันรู้สึกถึงจิต รู้ถึงกัน จิตก็ไปยึด ยึดก็เจ็บ หนักเข้าไม่สู้มัน ต้องสู้มัน มันจะเห็น.
- หลวงปู่ขาว อนาลโย -
คนไม่เคยเรียนรู้เรื่องของใจ จะรู้ได้ไง คนปฏิบัตินั่นเอง ถึงจะรู้
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ความรักมันก็ไม่สงบ. ความชังมันก็ไม่สงบ. มันวุ่นวาย. ความไม่รักไม่ชัง. นั่นแหละมันสงบ
หลวงปู่ชา สุภัทโท
"อย่าไปคิดว่าเวลาเราแก่ หรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย หรือใกล้ๆ จะแตกจะตายแล้ว จึงภาวนา ถ้าคิดอย่างนั้น ก็เป็นอันว่าคิดผิด เพราะเวลาอยู่ดี สบายนี้แหละ เป็นเวลาที่เรา จะต้องริเริ่มภาวนา ให้ได้ให้ถึงกิเลส อะไรที่ยังไม่ออกจากจิตใจเรา ก็จะได้ละกิเลสนั้นเสีย"
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
ผู้ที่ไม่มีสติ จึงมักมองออกนอกตัว เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะโยนไปให้คนอื่นตลอด โดยไม่ได้สนใจเลยว่า ตัวเองทำผิดหรือไม่ สุดท้ายแล้ว ความชั่วที่โยนออกไป ก็ไม่ได้ไปที่ไหน ก็อยู่ที่ใจคนโยน นั่นเอง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนว่า "เมื่อให้สิ่งใดกับใคร สิ่งนั้นก็จะอยู่กับเรา"
พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ
"คำนินทาใดๆ ไม่อาจทำคนดี ให้เป็นคนไม่ดีไปได้ คนจะดี ก็เพราะกรรม คนจะเลว ก็เพราะกรรม หาใช่จะดี เพราะสรรเสริญ หรือจะเลว เพราะนินทา ก็หาไม่ "
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
"คำนินทาใดๆ ไม่อาจทำคนดี ให้เป็นคนไม่ดีไปได้ คนจะดี ก็เพราะกรรม คนจะเลว ก็เพราะกรรม หาใช่จะดี เพราะสรรเสริญ หรือจะเลว เพราะนินทา ก็หาไม่ "
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
|