Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

ความสงบ

เสาร์ 24 ก.ค. 2021 6:16 am

#อาตมาได้ยินมามากนะ_พวกที่ทำโรงทานนี่ #ใครมีอุปสรรคขัดข้องอะไรในชีวิต_พอมาทำโรงทานแล้ว_ชีวิตก็ดีขึ้น

อาตมาบอกพวกที่ไปออกโรงทานกับอาตมา พวกที่อาตมาพาทำโรงทาน อาตมาบอกว่าใครจะไปกับเราต้องทำความรู้สึกเสียก่อน ต้องมีความรู้สึกว่า ของที่เราเอาไป ไม่ใช่ของเรานะ พอเราตั้งเจตนาปุ๊บ เป็นของเขาทันทีเลย เราเพียงแค่เป็นผู้ทำเท่านั้น ถ้าเรายังคิดว่าเป็นของเรา เราจะไปทะเลาะกับคนกินทันทีเลย ไม่ได้นะ ต้องทำอย่างที่บอกคือ ของเขาหอบไปนี่ หอบใส่ถุงใส่อะไรไปนี่ เราไปมองหน้าเขา โถ่ ไม่มีใครเอาไปทิ้งหรอก อย่างน้อยก็เอาไปฝากลูกฝากหลานเขา หรือแม้กระทั่งจะเอาจะฝากหมูฝากหมา มันก็มีประโยชน์ทั้งนั้นล่ะ เราเชื่อแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า เขาไม่มาช่วยเราเอาไปทิ้งแน่นอน ใครจะมาเหน็ดเหนื่อยมาแย่งมาเมื่อยมาเข้าคิวยืนขาแข็งแล้วเอาไปทิ้ง

เพราะฉะนั้น เอาไปเถ๊อะ ต้องเปิดใจไว้ พอเปิดใจแล้วรับรองขายดิบขายดี นี่ ทำบุญใจต้องยิ้ม แต่ถ้าเราว่า โอ้ยอย่ามาโลภ อย่ามาแย่งคนอื่นกิน อันเดียวก็พอ นี่ใจมันเศร้าหมอง เพราะฉะนั้น ทำความรู้สึกไว้ว่า ของที่เราเอามา เราตั้งเป้าไว้เลยว่าเป็นของ ๆ เขา เราแค่มาช่วยเขาทำ ความคิดมันมีทั้งหัวทั้งก้อย ที่เขาเอาไปเขาก็อาจจะเอาไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานก็ได้ อาตมาว่า เขาไม่เอาไปทิ้งแน่นอน

อะไรก็แล้วแต่ เราคิดดีไว้ก่อนดีกว่า คนเรามันไม่มีชั่วอย่างเดียว มันมีทั้งดีทั้งชั่ว ถ้าเรามองแต่ชั่วของเขา ใจเราก็เศร้าหมอง แต่ถ้าเรามองดี จิตใจเราก็เป็นบุญ แล้วเราจะเอาจิตใจที่เป็นบุญหรือเป็นบาปล่ะ ส่วนที่ว่าจริง ๆ แล้ว เขาจะเป็นคนบุญหรือคนบาป มันก็เรื่องของคนอื่นเขา เรามันห้ามยาก

ไอ้เรื่องคิดลบนี่มันห้ามยาก แต่เราก็พยายาม เราก็ฝึก มันฝึกได้ เหมือนตอนที่หลวงตาออกโครงการช่วยชาติ ก็มีคนบอกว่า หลวงตาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยหิว พวกเราก็ระดมกำลังทรัพย์ช่วยหลวงตา แล้วมีคนรอบข้างมาแอบเอาไป นี่เราเหน็ดเหนื่อยหาเงินมาให้คนพวกนี่เหรอ อาตมาก็ว่า โอ้ย อย่าไปคิดอย่างนั้น เราคิดแต่ว่า หลวงตาทำโครงการนี้ เป็นโครงการบุญที่เราเห็นชัดเจนว่าเป็นบุญที่กระจายไปยังทุกคนในประเทศไทยเรา เพราะฉะนั้น เราเห็นด้วยศรัทธา ถวายองค์หลวงตาแล้ว พอ เราได้ทำบุญกับหลวงตาแล้ว เป็นบุญของเราแล้ว ส่วนใครจะอะไรยังไง มันเรื่องของเขา อย่าไปคิดมาก เราก็ต้องยอมรับว่าทุกกลุ่มมีทั้งดีไม่ดี จะให้ทุกคนดีหมด จะเป็นไปได้ยังไง เลวเหมือนกันหมดก็เป็นไปไม่ได้ มันก็มีทั้งดีทั้งเลว เรามาทำโรงทานนี่ ทุกคนมีปากมีท้อง เราทำโรงทานต้องทำให้ทั่วถึงนะ”

#พระอาจารย์สุธรรม #สุธัมโม
วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร
ปรารภธรรมแก่คณะผู้ออกโรงทาน
ในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก









"อย่าไปกังวลกับเรื่องอะไรทั้งหมด
โลกเราไม่มีอะไรหรอก มีแต่ใจเราไปกังวลกับเขาอย่างเดียว หาเรื่องหาราวให้มันยุ่งไปเอง
ตัดออกด้วยสติ ด้วยปัญญาของเรา
อยู่ที่ไหนก็เราคนเดียว คนเดียวเท่านั้นแหละ
เกิดก็เกิดคนเดียว
ญาติที่มุงล้อมอยู่นั้น ไม่ใช่ ผู้เจ็บในขณะนั้น
เราเท่านั้นเป็นผู้เจ็บ ตายก็เราเท่านั้นเป็นผู้ตาย
คนอื่นตายแทนไม่ได้ เจ็บแทนไม่ได้
เราต้องเป็นคนเจ็บ คนตาย เท่านั้น
แล้วต้องเป็นผู้ช่วยตัวเอง “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” ด้วยสติปัญญาของเราเองนั่นแหละ
เป็นความถูกต้องเหมาะสมอย่างยิ่ง
พระพุทธเจ้าท่านทรงปลงชนมายุสังขารในวันนี้
เราก็ปลงกิเลส ตัณหา อาสวะ ให้มันตกเสียในวันนี้ เพราะตัวนี้...
เป็นตัวสำคัญ ปลงให้ตกเสีย!
การตายเมื่อไรก็ตาม
จะไปตายวันนั้นวันนี้ ดังพระพุทธเจ้าท่านว่า
ก็ไม่สำคัญ
สำหรับเราน่ะ มันหมดลมหายใจเมื่อไร วันนั้นเป็น
วันตายของเรา
เราเอาแต่ลมหายใจหมดนี้เท่านั้น ลมหายใจยังมี
อยู่ มันก็ยังไม่ตาย เอ้า! หายใจไปเรื่อยๆ
มันไม่เป็นปัญหาอะไร เรื่องเหล่านี้ เรื่องลมๆ แล้งๆ
ที่สำคัญ ก็คือ...สร้างหลักฐาน
เตรียมพร้อม
เพื่อจิตใจของตนเป็น “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ”
อย่างเต็มภูมิ นั่นเป็นที่พอใจ
การเป็นการตาย ตายที่นั่น ตายที่นี่
กาลนั้นสมัยนี้ ไม่มี อะไรเป็นปัญหาทั้งหมด
เพราะ...มันเป็นเรื่องสมมุตินี่..
เอาละการแสดงธรรม ก็เห็นว่าสมควร ขอยุติฯ."

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๑๙
มาฆบูชา








"ให้เกิดศรัทธาของเขาเอง"

ไม่ต้องไปบอกเขา ไม่อยากให้ไปเบียดเบียนครอบครัวเขา หากครอบครัวเขาอยู่ดีมีสุข
เขาจะมาร่วมสร้างบุญบารมีเอง

พระราชภาวนาวชิรคุณ
หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต






ผู้ปรารถนาจะเข้าสู่นิพพานอย่างแท้จริง ต้องสละละความอาลัยในโลก และสิ่งของสำหรับโลกนี้เสีย

เตรียมตัวพร้อม ยอมเป็นคนยากจน ไม่ต้องหวังพึ่งเพื่อนฝูง และญาติ พี่น้องผู้ใด คือ ให้สงัดกาย สงัดใจ วิเวกธรรม อดทน ต่อความ ติฉินนินทา ความเกลียดชัง และ ความหมิ่นประมาทของผู้อื่น อดทนต่อทุกข์ ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่มาถึงตน แม้จะ ต้องเสียชีวิตก็ยอมสละเพื่อเห็นแก่ธรรม อุตส่าห์กระทำตามรีตรอย แห่งพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ที่ปฏิบัติสืบสายกันมาแต่ปางก่อน โดยไม่ท้อถอย จึงเป็นการถูกชอบ และสมความมุ่งมาดปรารถนา

การอยู่ในโลกนี้ ให้เข้าเหมือนอยู่ในกองไฟ และเหมือนอยู่ในคุกตะราง ให้เร่งรีบแสวงหาทางออกเสมอ

อย่าได้นิ่งนอนใจ และหลงยินดีเพลิดเพลินอยู่ จงถือเอาศรัทธา ความเชื่อ เป็นทางเดินแห่งวิถีจิต

เอาสติ คือ ความระลึกรู้สึกตัว พร้อมเป็นเพื่อนพ้องเดินทาง

เอาวิริยะ คือ ความเพียรพยายามเป็นกำลังกาย

เอาขันติ ความอดทนเป็นอาวุธสำหรับป้องกันอันตราย

เอาปัญญา ความรอบรู้เป็นประทีปส่องทางไป

แล้วรีบเร่งเดินอย่าแวะซ้ายแวะขวา อย่าหยุดพักอยู่ในที่ใด ๆ ก็จะได้ถึงซึ่งที่สุดแห่งขันธ์โลกคือ พระนิพพานดังที่พระพุทธ องค์ทรงตรัสว่า

" ชีวิตเป็นของน้อย ถูกชรารุกรานเงียบๆ อยู่เสมอ รุกรานไปสู่ความตาย ไม่มีอะไรต้านทานไว้ได้ ถ้าใครเพ่งเห็นภาวะที่น่ากลัวอันนั้น ในความตาย แล้วพึงรีบคืนคลาย ละโลก พอใจในนิพพาน "

ซึ่งเป็นถ้อยคำที่สูงและมีคุณค่ายิ่ง พุทธบริษัทผู้หวังปฏิบัติต่อโลกุตรธรรมพึงจำใส่ใจ แล้วพิจารณาคืนคลายละเสียซึ่งความสุข ความสนุกเพลิดเพลินในกามารมณ์ อันเป็นเหยื่อล่อของโลก

แล้วตั้งใจประพฤติ ปฏิบัติ ตามองค์แห่ง อัฏฐังคิกมรรค มี องค์ 8 ซึ่งย่อ เข้ามาได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เกิดมีขึ้น ในสันดาน ก็จะได้ เป็นปัจจัยแก่ มรรคผล นิพพาน อันเป็นจุดมุ่งหมายของผู้ปฏิบัติธรรมโดยแท้

ครูบาพรหมา พรหมจักโก
วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน








ถาม : รู้สึกว่าเจ้ากรรมนายเวรตามทัน คือ ทำอะไรติดขัดไปหมด ไม่สำเร็จ ต้องตั้งอารมณ์อย่างไรเจ้าคะ ?

ตอบ : ตั้งใจภาวนาให้เป็นปกติ เพราะตัวภาวนาเป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา ถ้าอารมณ์ใจของเราทรงตัว ผลบุญใหญ่นี้จะทำให้เราหนีห่างจากกรรมเก่าไปได้ โดยเฉพาะถ้าภาวนาพระคาถาเงินล้าน ความคล่องตัวต่าง ๆ จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เนื่องจากว่าในตัวพระคาถามีทั้งคาถาปัดอุปสรรค มีทั้งคาถาให้ลาภสารพัดรวม ๆ กันอยู่

พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
เก็บตกบ้านวิริยบารมี
เดือนสิงหาคม ๒๕๕๙









แสวงหาเพื่อพลัดพราก
สมบัติภายนอกที่เราได้ ที่เราว่าเราได้
เราต่างแสวงหากันมาแทบล้มแทบตาย
ถึงกับเสียสละชีวิตชีวาก็พากันแสวงหา
สิ่งที่เราแสวงหาด้วยการเสียสละชีวิตชีวา
ด้วยความเหน็ดเหนื่อยทุกข์ยากนั้น
ล้วนแต่เป็นของที่เราจะต้องพลัดพรากทั้งนั้น
สิ่งเหล่านั้นจะต้องเสียหายไปจากเราทั้งนั้น
เพราะอันนั้นเขาเกิดมาเพื่อพลัดพราก
เราจะสมมุติเขาว่า เป็นเงินเป็นทอง
เป็นข้าวของวัตถุอะไรก็ช่าง
อันนั้นก็เกิดมาเพื่อที่จะแตกจะสลาย
เราก็เหมือนกัน เกิดมาก็เพื่อเพื่อแตกเพื่อสลาย
เกิดมาก็เพื่อแตกเพื่อตาย
จึงว่าไม่มีอะไรที่จะเป็นสมบัติของใครได้หรอก….

หลวงปู่แบน ธนากโร









"..คนที่กำลังจะตายนั้น ถ้าจิตไปเกาะยึดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง วิญญาณที่ออกจากร่างไปก็วนเวียนไปเกาะอยู่กับสิ่งนั้นเหมือนกับผลไม้ที่ห้อยอยู่กับกิ่งบนต้นของมัน ถ้ากิ่งมันเอนไปอยู่ตรงที่ดี ผลของมันก็หล่นลงมางอกตรงที่ที่ดี ถ้ากิ่งมันเอนไปอยู่ตรงที่ที่ไม่ดี ผลที่หล่นลงมาก็จะงอกตรงที่ที่ไม่ดีนั้น

คนที่ไม่มีสมาธิ จิตใจมีนิวรณ์ความกังวล ห่วงลูกห่วงหลาน ห่วงคนโน้นคนนี้ เวลาตายวิญญาณก็ไปเกาะอยู่ที่ลูกที่หลาน
บางคนกลับไปเกิดเป็นลูกของลูกตัวเองก็มี

บางคนที่พ่อแม่ทิ้งมรดกที่สวนไร่นาไว้ให้ ก็เป็นห่วงสมบัติของตน พอตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในสวนในนาก็มี

บางคนก็ไปเกิดเป็นผีสางนางไม้เฝ้าทุ่งนาป่าเขาก็มี พวกนี้เป็นพวกสัมภเวสี คือ วิญญาณลอยไปเที่ยวหาที่เกาะ

ถ้าจิตของเราตั้งอยู่ในบุญกุศล เราก็จะมีสุคติเป็นที่ไป

ถ้าจิตของเราตั้งอยู่ในบาปอกุศล วิญญาณของเราก็จะต้องไปสู่ทุคติไม่ได้ไปเกิดในโลกที่ดี โลกที่ดีนั้น คือ โลกที่ไม่มีภัย เป็นโลกแห่งเทวบุตร เทวดานางฟ้าไม่มีความทุกข์ภัยใดๆ ในโลกของเทวดานั้นมีแต่เกิดกับตายไม่มีแก่ไม่มีเจ็บ โลกมนุษย์มีทั้ง เกิด แก่ เจ็บ ตายโลกนิพพานไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย.."

ท่านพ่อลี ธัมมธโร







…ถึงแม้จะอยู่บ้านเดียวกัน
เป็นสามีภรรยากันก็ตามเถอะ

.บางทีเวลาตาย..ไปคนละทิศก็ได้
สามีไปทางหนึ่ง ภรรยาไปทางหนึ่งก็ได้

.เพราะขึ้นกับบุญกับบาปที่ทำไว้
นอกจากว่าทำบุญทำบาปเท่ากัน
ก็จะไปทางเดียวกัน.
………………………………………
ธรรมะหน้ากุฏิ
วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๓
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี









…. “ เราจะรอให้โลกนี้หมุนกลับไปสู่ความสงบโดยลําพังของโลกเองนั้นมันก็ไม่ไหว ; มันยังอีกนานนัก เราตายแล้วตายอีกกี่ร้อยชาติมันก็ยังจะไม่ถึงยุคแห่งความสงบนั้นด้วยซ้ำไป ฉะนั้น ต้องจัดการกันที่นี่และเดี๋ยวนี้ ให้จิตใจกลายเป็นสิ่งที่มีความทุกข์ไม่ได้อีกต่อไป.
.
โลกนี้จะเป็นอะไรก็เป็นไป,
แต่ว่า “จิตใจ” นี้
ทุกข์กับเขาไม่เป็นก็พอแล้ว,
ทุกข์กับเขาไม่ได้ก็พอแล้ว
.
…. ถ้าเรียนธรรมะในพระพุทธศาสนา ก็จงเรียนเพื่อความเป็นอย่างนี้เถิด. ถ้าจะปฏิบัติในธรรมะในพระพุทธศาสนา ก็จงปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนี้ เถิด ถ้าได้บรรลุธรรมะอะไรในการปฏิบัตินั้น ก็ให้ได้บรรลุธรรมะ คือความเป็นอย่างนี้เถิด อย่าให้เป็นอย่างอื่นเลย
…. จงระมัดระวังรักษาสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเราให้ดี ไม่ว่าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือทางใจ เกิดขึ้นอย่างไร เมื่อไร, ก็ต้อง “มีสติ” ที่เพียงพอสําหรับจะไม่ให้เผลอตัว ปรุงขึ้นมาเป็นความยึดมั่นถือมั่น; เป็นผู้ปฏิบัติชนิดที่ได้เข้าถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ คือ ธรรมชาติที่ปราศจากความยึดมั่นถือมั่นอยู่ตลอดเวลา ทําตนเป็นคนไม่ยึดมั่นถือมั่นอย่างเดียวก็พอแล้ว ; สิ่งใดเป็นความยึดมั่นถือมั่น ก็ศึกษาให้เข้าใจ, แล้วอย่าให้สิ่งชนิดนี้เกิดขึ้นมาได้ ให้อยู่ด้วยอาการปกติตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์มาแต่เดิม. นี่คือ สติ หรือผลของการใช้สติ ระวังไม่ให้เกิดการปรุงแต่งใหม่ๆ ขึ้นมา, ที่เรียกว่า กิเลส ตัณหา และความทุกข์ นี้ไม่ใช่ธรรมชาติเดิม, นี้ไม่ใช่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์, เป็นของใหม่ : ปรุงแต่งขึ้นมาด้วยความเผลอสติ...”
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายชุมนุมล้ออายุ หัวข้อเรื่อง “เครื่องรางกันบ้า” บรรยายเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๑๑ กัณฑ์ค่ำ บนเขาพุทธทอง จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ชุมนุมล้ออายุ เล่ม ๑” หน้า ๒๘๘-๒๘๙,๓๐๗-๓๐๘







#ให้เห็นอกเห็นใจกัน..

มีเมตตาต่อกัน รักใคร่สามัคคีกัน อย่าอิจฉาริษยากัน อย่าใส่ร้ายป้ายสีกัน ยุยงให้เกิดความแตกแยก

#ถ้าใครที่รู้ตัวว่าเป็นอย่างนั้น_ให้เปลี่ยนตัวเองนะ

#หลวงปู่ทุย #ฉันทกโร​
#วัดป่าดานวิเวก จ.บึงกาฬ
ตอบกระทู้