#การแก้กรรมที่ได้ผลจริงๆ_ต้องแก้ที่ใจตนเอง
การแก้กรรม ตัดเคราะห์ ต่อชะตา ด้วยการเซ่นไหว้ บวงสรวง ทำพิธี ของหมู่นี่นั่น ในศาสนาพุทธของเฮา..บ่มีดอก
อิหยังต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว มันแก้บ่ได่ดอกเนาะ ขั่นสิแก้กรรม พระพุทธองค์เพิ้นทรงสอนวา ให้แก้ที่ใจจะของ แก้ที่การเฮ็ดจะของ ให้เฮ็ดโตใหม่ ให้มันดีขึ้น
#นั่นละคือการแก้กรรมที่เห็นผลอิหลี
บ่ต้องไปเสียเงินเสียทอง เสียเวลาไปทำพิธีเลย
….แปลความ
”การแก้กรรม ตัดเคราะห์ ต่อชะตา ด้วยการเซ่นไหว้ บวงสรวง ทำพิธี ของเหล่านี้นั้นในศาสนาพุทธของเรา ไม่มีหรอก
อะไรต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว มันแก้ไม่ได้หรอกนะ ถ้าจะแก้กรรมพระพุทธองค์ท่านทรงสอนว่า ให้แก้ที่ใจตัวเอง แก้ที่การกระทำตัวเอง ให้ทำตัวใหม่ให้มันดีขึ้น
นั่นแหละคือการแก้กรรมที่เห็นผลจริง ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทอง เสียเวลาไปทำพิธีเลย”
เทศนาธรรมบรรยาย #หลวงปู่จื่อ #พนฺธมุตฺโต
เข้าพรรษาสวดมนต์ไหว้พระ ไม่จำเป็นต้องมาสวดที่วัดก็ได้ เราก็ใช้ห้องพระที่บ้านเราเป็นวัด ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็นที่ห้องพระ นั่งภาวนาก็เปิดเทศน์ครูบาอาจารย์ แค่นี้ก็ทำบ้านให้เป็นวัดแล้ว ที่สำคัญให้ตั้งสัจจะกับตัวเองไว้ด้วย ว่า..พรรษานี้เราจะทำอะไรให้กับตัวเอง ถ้ารักษาสัจจะได้มันจะเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ทำอะไรก็สำเร็จ คำพูดเราก็จะศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย
หลวงพ่อทองพูน กาญจโน ให้โอวาทก่อนเข้าพรรษา ปี ๒๕๖๔
…จิตจะไปสุคติหรือไปทุคติ
“ อยู่ที่บุญที่บาป ที่ทำไว้ “. ………………………………………….. ธรรมะหน้ากุฏิ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๓ พระอาจารสุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
“บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตน มีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แก่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง” การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้าง ต้องทำเอาเอง
คำสอน : หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
" การปฏิบัตินี้อย่าสงสัยเลย อย่าประมาทนะ ทำไว้ได้ น้อยหนึ่งก็ให้เอาเถิดพอใจเถิด
เพราะเป็นจริงเฉพาะตน เป็นที่พึ่งเฉพาะตน ให้นึกถึง ตัวเอง ใครเป็นผู้เกิด แก่ เจ็บ ตาย รูปนาม ชีวิตเป็นอยู่ มันมิใช่ของเรา อย่าเอา ตัวเองไปสกปรกอยู่กับทุกข์ "
โอวาทธรรม แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
เราฝึกภาวนา. ได้ดีหรือไม่ดี. ต้องดูตอนเจออุปสรรค.
หลวงพ่อสุบรรณ สิริธโร
#ชาวลับแล
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าจากประสบการณ์ของอาตมาเอง ชาวลับแลมีอยู่ทั่ว ๆ ไป #เหมือนอย่างกับว่าเขาซ้อนอยู่กับโลกของเรานี่แหละ เพียงแต่ว่าเขาจะเปิดให้เราเข้าไปหรือเปล่า ? ถ้าไม่เคยมีเวรมีกรรมเนื่องกันมาก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไป
ที่รอยต่อระหว่างจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี กับอุทัยธานี มีอยู่จุดหนึ่งเรียกว่า #เขาเทวดา #ตรงนั้นเป็นแดนลับแล ชาวบ้านเขาบอกว่า ก่อนหน้านี้พวกชาวลับแลยังออกมาช่วยเกี่ยวข้าว ช่วยนวดข้าว แต่พอผู้ชายไปวุ่นวายกับสาวของเขามาก ๆ #เขาก็เลยไม่ออกมาอีก ช่วงที่ยังเป็นพระใหม่เดินธุดงค์อยู่ อาตมาก็เตือนรุ่นน้องว่า ตรงจุดนั้นถ้าจะเข้าไปต้องระวังให้ดี เพราะถ้าพลาดจะหลุดเข้าไปในเขตของลับแล”
“ปรากฏว่ารุ่นน้องจากวัดท่าซุงคือ พระสหชาติ สุธมฺมเทวธฺมโม ท่านธุดงค์ไปเจอชาวบ้านแล้วถามทาง เดินหายไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ออกมาแล้วบอกสั้น ๆ แค่ว่า "หลงทาง" #แล้วไม่พูดเรื่องอะไรอีกเลย ส่วนอีกท่านคือ ท่านชาติชาย สุธมฺมธนปาโล ก็รุ่นน้องที่วัดท่าซุงเหมือนกัน ท่านบอกว่าก้มหน้าก้มตาเดินแล้วรู้สึกผิดปกติ เพราะว่าแสงสว่างไม่เหมือนกับดวงอาทิตย์ #คือสว่างมาทุกทิศทุกทาง #ไม่มีเงา ท่านก็เลยรีบถอยออกมา ท่านบอกว่าตอนที่เดินเข้าไป ดูนาฬิกาแล้วประมาณแปดโมงครึ่ง แค่ไม่กี่นาทีถอยออกมา เกือบบ่ายสองโมง #ระยะเวลาของเขาต่างกับเรามาก
ส่วนอาตมาเองนั้นไปเจอที่ทางฝั่งพม่า วันพระญาติโยมเขามาทำบุญกันมาก ดูวุ่นวาย อาตมาก็หลบไปหลังวัด นั่งกรรมฐานเงียบ ๆ อยู่คนเดียว ปรากฏว่ามีคนโผล่มาตรงหน้า เห็นแล้วผิดปกติ มาลักษณะอย่างนี้ จู่ ๆ มาปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่น่าจะใช่คนทั่วไป ก็เลยถามว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ? #เขาบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าชาวลับแลอยู่ตรงจุดนั้น ก็เลยถามเขาว่าการปรากฏตัวแบบนี้ เป็นอภิญญาหรือกัมมวิปากชาฤทธิ์ ?”
“กัมมวิปากชาฤทธิ์คือฤทธิ์ที่ติดตัวมา #เขาบอกว่าเป็นกัมมวิปากชาฤทธิ์ ชาวลับแลทุกคนจะมีฤทธิ์นี้ ก็เลยถามเขาว่า “#ลองแข่งกันไหม ?” คืออยากจะรู้ว่าฤทธิ์โดยกำเนิด กับฤทธิ์ที่เกิดจากการฝึกอย่างของเรา ต่างกันมากหรือเปล่า ? เขาบอกว่าถ้าแข่งกันเฉย ๆ ไม่สนุก ขอมีเดิมพันหน่อย ก็ถามเขาว่าจะเดิมพันอะไร ? เขาหยิบถุงเงินให้ดู เป็นเหรียญเงินใหญ่ ๆ น่าจะเป็นรูปของควีนอลิซาเบธที่หนึ่งของอังกฤษ เป็นเหรียญเงินใหญ่ ๆ ทั้งถุงเลย
เขาบอกว่า “ถ้าท่านชนะ ผมให้หมดเลย แต่ถ้าท่านแพ้ ให้ท่านพาพระอีก ๔ รูป รวมท่านแล้วเป็น ๕ รูป เข้าไปให้ผมทำบุญ ๑ วัน” #อาตมาเคยได้ยินว่าวันหนึ่งของเขาเท่ากับ ๑ #ปีของเรา #ก็เลยไม่ตกลง เพราะไม่แน่ใจว่าเราจะสู้เขาได้ เนื่องจากว่าพวกนี้เขาเป็นฤทธิ์โดยกำเนิด เท่ากับว่าเขาซ้อมอยู่ทุกวัน ส่วนของพวกเราถ้าสนิมขึ้นนี่เจ๊งแน่เลย
ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่ตกลง เพราะว่าโอกาสแพ้มีมาก เขาก็เลยเปิดทางเข้าให้ดู คือถ้าไปถึงหลังวัดแล้วจะมีซอกเขาไป ข้ามไปจะเป็นลำห้วยแห้ง #ข้ามลำห้วยแห้งไปก็เป็นเขตของเขา เขาบอกว่าถ้าท่านจะไป เปลี่ยนใจเมื่อไร ให้พาพวกมายืนอยู่ที่ห้วยแห้งฝั่งนี้ แล้วเรียกเขา เขาจะมารับ จนป่านนี้อาตมายังไม่ได้ไปเลย เกิน ๒๐ ปีแล้ว”
“ตรงส่วนนี้ทำให้เข้าใจว่า ชาวลับแลจริง ๆ #เขาก็คือคนเหมือนกับพวกเรานี่แหละ #เพียงแต่ว่ากำลังบุญยังไม่พอที่จะเป็นเทวดา #แต่ก็ดีเกินกว่าที่จะมาอยู่ร่วมกับพวกเรา ก็เลยต้องมีเขตต่างหากของตัวเอง แต่ทึ่งตรงที่ว่าฤทธิ์โดยกรรมวิบากของเขา เขาสามารถปรากฏตัวตรงจุดไหนก็ได้ที่ต้องการ ลักษณะเหมือนกับอภิญญา เขาบอกว่า #วันพระเขาก็เลยออกมาทำบุญหากุศลใส่ตัว
เรื่องนี้ก็ไปพบที่วัดหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่วัดหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์จะมีชาวลับแลออกมาทำบุญเสมอ แต่ว่าพอชาวบ้านตามไป เขาก็จะหายไปเฉย ๆ เหมือนอย่างกับเดินตามไม่ทันนี่แหละ เพียงแต่หายไปต่อหน้าต่อตา ก็คงจะลักษณะเดียวกัน #คือเขาใช้ฤทธิ์อำนาจนี้เพื่อที่จะไปให้พ้นจากพวกเรา หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์บอกว่าให้สังเกต ชาวลับแลนั้นถ้ามาทำบุญ เขาจะมีกล้วยมาด้วย กล้วยน้ำว้าธรรมดานี่แหละ แต่ไม่ธรรมดาตรงที่ว่า เครือหนึ่งจะมีอย่างน้อย ๑๓ หวี หวีหนึ่งจะมีอย่างน้อย ๑๖ ลูก..!
ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว #อาตมาไปเจอที่วัดห้วยน้ำอุ่นของหลวงปู่ครูบาบุญยัง ลูกศิษย์รุ่นแรกของหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ที่ท่านส่งให้ไปดูแลวัดห้วยน้ำอุ่น แล้วท่านก็ทำจนเจริญ ท่านจัดงานสืบชะตา อาตมาเองก็ไปเป็นพระเถราจารย์นั่งภาวนาให้ท่าน #ปรากฏว่าลืมตาขึ้นมา #กล้วยตรงหน้าเครือสูงท่วมหัวเลย..! มีเกิน ๒๐ หวี ก็เลยบอกน้องเล็ก จำไม่ได้ว่าน้องเล็กได้ถ่ายรูปมาหรือเปล่า ? บอกว่านี่ของลับแล ไม่ใช่ของชาวบ้านหรอก ของบ้านเรามีถึง ๑๐ หวีก็เก่งตายชักแล้ว จำไว้นะ…อย่างน้อยเครือหนึ่งมี ๑๓ หวีขึ้นไป หวีหนึ่งอย่างน้อยมี ๑๖ ลูก”
“มีอยู่เที่ยวหนึ่งธุดงค์อยู่ที่ป่าลึกของเมืองกาญจน์ ไม่มีอะไรจะกิน เสบียงหมด เจอโยมเดินหาบของกินสวนมา อะไรรู้ไหม ? ส้มตำเดลิเวอรี่..! #หาบส้มตำ #เหมือนกับพร้อมที่จะวางขายที่ไหนก็ได้ แล้วเขาก็ทำส้มตำถวายพระ อาตมาก็ตั้งหน้าตั้งตาฉัน ฉันไปก็มองไป ท้ายสุด ยถา สัพพีฯ เสร็จก็ต่างคนต่างไป #กูจะไม่พูดเรื่องนี้กับเขา #เพราะว่าเดี๋ยวจะอด..!
เพราะว่าที่เขาหาบมา #มีมะละกออยู่ลูกเดียว #โตเต็มหาบเลย อีกด้านหนึ่งเป็นเครื่องใช้ไม้สอย ครกกระบากสากกะเบือที่เขาเอาไว้ทำส้มตำนี่แหละ #แต่อีกด้านหนึ่งใส่มะละกอมาลูกเดียว เห็นก็รู้ว่าผิดปกติ แต่พูดไม่ได้ เพราะว่าถ้าพูดแล้วจะอด ...(หัวเราะ)... เพราะฉะนั้น..ตั้งหน้าตั้งตากินก่อน เพราะว่าเคยพูดมากจนอดมาแล้ว..!
โดนกับตัวเองมาจนจำเป็นบทเรียนเลยว่า ถ้าอะไรผิดปกติอย่าเพิ่งพูด มะละกอเขาก็ลูกอ้วน ๆ สั้น ๆ นี่แหละ แต่ทำไมถึงใหญ่เต็มหาบ ? ถ้าไม่ใช่ของที่ออกมาจากลับแล ไม่มีทางที่จะใหญ่ได้ขนาดนั้น
ถ้าใครอยากดู ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองมีเม็ดข้าวชาวลับแล เม็ดเดียวโตเกือบเท่ากล้วยหอม..! หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง ท่านเก็บไว้ให้ดู นั่นพระมหาเถระรัตตัญญูอีกรูปหนึ่ง ปัจจุบันท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นหิรัญบัฏเหมือนกัน สมณศักดิ์ที่พระพรหมมงคล”
“ที่ว่าพูดจนอดกินก็คือ สมัยที่อยู่เกาะพระฤๅษี ออกบิณฑบาตทุกเช้า เดินขึ้นเขาไปห้ากิโลฯ กว่า..! ก็คือเข้าป่าลึกไปดี ๆ นี่เอง พยายามซักซ้อมมโนมยิทธิไว้ทุกวันตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่ง กำหนดใจดูว่าวันนี้ใครใส่บาตรเป็นคนแรก ผู้หญิงหรือผู้ชาย หน้าตาเป็นอย่างไร ใส่เสื้อผ้าสีสันแบบไหน เดินไปเกือบจะถึงเขตหมู่บ้านเขาแล้ว ห่างไม่ถึงร้อยเมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ผ้าเก่า ๆ ดักใส่บาตรอยู่เป็นคนแรก
ด้วยความเคยชิน ถึงเวลาเปิดบาตรแล้วก้มหน้า เพราะว่าพระเขาห้ามมอง ให้มองดูได้แต่ในบาตร ปรากฏว่าตอนก้มมองเห็นผ้าสวย ๆ แลบซ้อนผ้าเก่าขึ้นมา ก็เลยปิดบาตร บอกว่า “เดี๋ยว..อย่าเพิ่งใส่บาตร คุยกันก่อน ถามจริง ๆ ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ?” เขาก็เลยแสดงตนให้ดู ปรากฏว่าเป็นรุกขเทวดาอยู่แถวนั้น แต่บุญน้อยมาก จะมาทำบุญเพิ่มบุญให้ตัวเอง ก็ดูรูปร่างหน้าตาสะสวย แต่ว่าเนื้อหนังเหมือนของพวกเรา แสดงว่าบุญน้อยจริง ๆ เพราะว่าพวกนางฟ้าเทวดายิ่งบุญมากเท่าไร เนื้อจะใสมากเท่านั้น นั่นขนาดจน ๆ นะ แม่เจ้าประคุณใส่เข็มขัดทองเส้นเกือบเท่าฝ่ามือ..!
ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นผลบุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ขออุทิศให้แก่เธอ ขอให้เธอโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เธอได้รับด้วย แม่เจ้าประคุณก็โมทนาสาธุ แทบจะกลายเป็นแก้วทั้งตัว แล้วก็ไปเลย..! พอได้บุญแล้วดันไม่ใส่บาตร ตั้งแต่นั้นมาก็จำเลยว่า ต้องใส่บาตรเสียก่อนแล้วค่อยให้เขา ไม่อย่างนั้นไม่ให้หรอก..!”
“เจตนาเขาก็คือมาสร้างบุญ ในเมื่อได้บุญแล้ว เขาก็ไปเลย ดังนั้น..ต่อไปถ้าทุกคนเจอลักษณะอย่างนี้ จำไว้เลยนะ อย่าพูดมาก สงสัยให้หุบปากไว้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเหมือนกับญาติโยมที่หลงทางอยู่ในป่า ไปเจอบ้านชาวบ้าน มีคุณยายแก่ ๆ แต่ว่าหน้าตาผ่องใส เรียกลูกเรียกหลานมา ช่วยกันทำอาหารเลี้ยง แต่กลุ่มนั้นเขาฉลาด เขาเห็นว่าผิดปกติเขาไม่พูดอะไร ขอบอกขอบใจ กินตามที่เขาเลี้ยงนั่นแหละ แล้วก็นอน ตื่นขึ้นมาอยู่ใต้ต้นตะเคียน แต่ว่าตอนนอนนั้นนอนอยู่บนบ้าน ...(หัวเราะ)...
ตอนเขาเลี้ยง ตอนเขาหาที่นอนให้นั่นอยู่บนบ้านเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นกระต๊อบเก่า ๆ ในป่าก็เถอะ ตอนตื่นมาดันอยู่ใต้ต้นตะเคียน ...(หัวเราะ)... แต่คณะนี้เก่งนะ พอเห็นผิดปกติเขาสะกิดกันเลย ห้ามพูด มีอะไรว่ากันตามมารยาท ห้ามสงสัย ห้ามถาม เขาน่าจะมีบุญเนื่องกันมาก่อน รุกขเทวดาถึงได้มาสงเคราะห์ ถ้าลักษณะอย่างนั้นต่อให้นอนอยู่กลางดงเสือดงช้างก็ปลอดภัย”
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน) เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒
|