#คำสอนหลวงปู่หมุน
" ให้พิจารณาจิตของเจ้าของให้บริสุทธิ์ อย่าให้กิเลสมาครอบงำ ให้ละ ให้ทาน ให้รักษาศีล ให้รู้จักเคารพครูบาอาจารย์ เเละคุณพระ บิดามารดาของเจ้าของ
จะทำกิจสิ่งใดลงไปก็ตามให้ท่องจำไว้ให้ขึ้นใจ อย่าไปยุ่งกับวัดกับวาให้มาก ตายไปจะเป็นเปรตแก้ยาก อย่าโลภอยากได้ของคนอื่น ให้มีความละอายแก่ใจ ให้มีความเกรงกลัวต่อบาป ยามเจ้าละจากโลกนี้ไป มีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่จะติดตามเจ้าไป คือบุญกับบาป หนีไม่พ้น เจ้าอยู่เจ้าได้กินข้าว เจ้าตายไปเจ้าได้กินบุญ ภพชาติมีจริงไม่ใช่เรื่องเหลวไหล จงอย่าเกียจคร้านหมั่นทำบุญทำทาน ผีมีจริง เทวดามีจริง พระพุทธเจ้ามีจริง ฉันหลวงปู่หมุนไม่ใช่ผู้วิเศษ ฉันเสกให้เจ้าได้เพียงดึงเอากิ่งไม้ ขอนไม้ที่ขวางทางชีวิตเจ้าออกให้ ที่เหลืออยู่ที่บุญวาสนาเก่าก่อนของเจ้าโชคลาภสมควรแก่บารมีของเจ้าของ ''
น้อมกราบครูบาอาจารย์หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล
พระโสดาบัน”
ธรรมะรุ่งอรุณ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔
การที่จะบรรลุพระโสดาบันได้ นอกจากพิจารณาความตายแล้ว ก็ต้องพิจารณาความเจ็บด้วย พระโสดาบันนี้ปล่อยได้ทั้งความเจ็บของร่างกายและความตายของร่างกาย
วิธีที่จะพิจารณา คือ ให้นึกถึงความตายบ่อยๆ นึกว่าร่างกายนี้เกิดมาแล้วก็ต้องตาย ร่างกายนี้เป็นเพียง ดิน น้ำ ลม ไฟ เราไม่ได้เป็นร่างกาย เราเป็นธาตุรู้ ร่างกายเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เพียงแต่มารวมกัน เวลาที่ร่างกายตายไป ธาตุรู้คือเรานี้ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย เราก็จะปล่อยร่างกายได้ไม่กลัวตาย ส่วนความเจ็บเราก็ต้องฝึกอยู่กับมัน ดูว่ามันก็เป็นสิ่งที่อยู่กับร่างกาย ใจไม่ได้เจ็บ ผู้ที่เจ็บคือร่างกาย แต่ร่างกายเขาไม่เดือดร้อนกับความเจ็บ ผู้ที่เดือดร้อนแต่ไม่เจ็บก็คือใจ เราไม่ได้เจ็บเราเพียงแต่มารับรู้ความเจ็บของร่างกายแล้วเราก็ทนความเจ็บของร่างกายไม่ได้ เพราะเราอยากจะให้ความเจ็บของร่างกายหายไป ต้องสอนอย่างนี้ เราต้องปล่อยวางความเจ็บ ปล่อยวางความตายให้ได้ ถ้าปล่อยได้เราก็จะเป็นพระโสดาบันได้
หนังสือสติธรรม
#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารมฯ จังหวัดชลบุรี ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
ทุกสิ่งในโลกนี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงและดับไปในที่สุด นี่เป็นสัจจรรม สมเด็จพระบรมศาสดาผู้ทรงรู้โลกได้ตรัสเตือนให้พยายามระลึกถึงความจริงนี้กันไว้ ทั้งนี้ด้วยทรงมีพระมหากรุณาปรารถนาจะให้ผู้ระลึกอยู่ถึงความจริงนี้ได้มีสติไม่ทุกข์โศกเสียใจเมื่อต้องประสบกับความไม่เที่ยง คือความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ในขณะที่ไม่ปรารถนาจะให้ความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นกับตนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับตน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดแจ้งว่า ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเตือนไว้นี้เป็นสัจธรรม เป็นความจริงแท้ ผู้ที่ยอมรับฟังและน้อมใจเชื่อพระพุทธดำรัสนี้พอสมควร ย่อมเป็นผู้ที่สามารถรักษาจิตใจให้เป็นปรกติได้สม่ำเสมอ ไม่ยินดียินร้ายจนเกินไป เมื่อต้องประสบพบเหตุการณ์ทั้งหลายที่เป็นไปตามสัจธรรม คือเกิดขึ้นแล้ว ก็เปลี่ยนแปลง ก็ดับไป ทั้งที่ชอบและที่ไม่ชอบ ทั้งที่ปรารถนาและไม่ปรารถนา ผู้ที่สามารถรักษาจิตใจให้เป็นปรกติได้ ไม่ว่าจะประสบเหตุการณ์ที่พึงยินดีหรือพึงยินร้ายเพียงใดก็ตาม ย่อมเป็นผู้มีความสุขทางใจสม่ำเสมอ
อันความสุขทางใจนี้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาเป็นอย่างยิ่งและเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็ด้วยการมีสติควบคุมใจของตนเองให้รู้เท่าทันความจริงดังกล่าวแล้ว ไม่ยึดมั่นว่าอะไร ๆ ทั้งนั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง จะไม่สิ้นสุด เหตุการณ์ก็เช่นกันชีวิตก็เช่นกัน ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องสิ้นสุด
พระนิพนธ์ การบริหารทางจิตสำหรับผู้ใหญ่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
“พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ผัว ตัวเมีย ทรัพย์สมบัติ”
…ทุกข์สิ่งทุกอย่างที่เรามี ที่เราไปเกี่ยวข้อง “ ล้วนเป็นของไม่เที่ยงทั้งนั้น “
.สักวันหนึ่งก็ต้องจากกัน สักวันหนึ่งก็ต้องไปกันคนละทิศคนละทาง “ ไม่อยู่ร่วมกันไปตลอด “
.ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว “ ปล่อยได้ ..ยอมรับได้ “
.เรา ก็จะไม่ทุกข์กับอะไร เวลาที่จะต้องจากเราไป . …………………………………………… พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จงชลบุรี กำลังใจ ๒๕, กัณฑ์ที่ ๒๗๓ วันที่ ๑๗ ธ.ค. ๒๕๔๙
“…โลภก็รู้ว่ามันไม่ดีแต่ก็ยังโลภอยู่ โกรธก็รู้ว่ามันไม่ดีแต่ก็ยังโกรธอยู่ หลงก็รู้ว่ามันไม่ดีแต่ก็ยังหลงอยู่ เหตุเพราะใจไม่มีสติไม่มีปัญญา โลภ โกรธ หลงมันมาชวนไปก็ไปตามมัน กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เผลอโลภไปแล้ว โกรธไปแล้ว หลงไปแล้ว ดังนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้ทำสติปัญญาให้แก่กล้า จะได้รู้เท่าเอาทันกลมายาของกิเลส…”
พระอาจารย์สุรวุฒิ เขมจิตฺโต (พระอาจารย์กอล์ฟ)
" อารมณ์ทั้งปวงนั้น เป็นตัวขันธ์ เป็นตัวทุกข์ ผู้ปฏิบัติมีหน้าที่รู้เท่านั้น
อย่าอยากที่จะไปละมันเข้า "
โอวาทธรรม หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
"ให้หาอยู่ที่ใจบ้างซิ อย่าไปหาตั้งแต่ภายนอกนะ เพราะต่างคนก็หาด้วยกันมาหมดแล้ว ใครจะได้ของดิบของดีเป็นสาระมาอวดกันก็ไม่เห็นมี เห็นมีแต่กองทุกข์ ทีนี้หาภายในใจบ้างซิ ให้มันได้รู้ภายในใจ มันจะต่างกันอย่างไรบ้างก็จะรู้แหละ พอเห็นขึ้นภายในใจแล้วมันจะปล่อยข้างนอกเข้ามา ปล่อยเข้ามาที่ใจ หนักแน่นที่ใจ ใจก็ยิ่งส่งเสริมธรรมมากขึ้น ๆ ใจยิ่งสว่างไสว"
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ๑๑ มกราคม ๒๕๔๖
#วันหนึ่งคืนหนึ่งผ่านไป_อายุและวัยของเรา_ก็ชื่อว่าก้าวเคียงกันไป_กับวันคืนเดือนปีด้วย
ในรอบของคืนหนึ่งและวันหนึ่ง ควรถือเป็นเวลาสำคัญ เพื่อคิดบัญชีของตัวสักหนึ่งเวลา คือการบำเพ็ญความดี เพื่อเป็นชิ้นเป็นอันของตัวบ้าง ได้แก่ แบ่งเวลาไว้ อบรมจิตตภาวนา เพื่อรู้วิถีทางเดินของชีวิตจิตใจ
#ทางที่ดีควรตั้งความสัตย์_กำหนดเวลาบังคับตนบ้าง_เพื่อไม่ให้จิตหาเรื่องออกตัว
เพราะจิตขั้นเริ่มแรกแห่งการอบรม รู้สึกจะมีเรื่องมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเรื่อง เช่นเดียวกับเราบังคับเด็กให้ทำงาน โดยมากเด็กชอบออกตัวเพื่อหลบงานเสมอ ถ้าผู้ใหญ่เผลอ เด็กก็หาทางหลีกงานไปได้ ถ้าถูกบังคับเข้าจริง ๆ จนหาทางหลบหลีกไม่ได้ เด็กก็ยอมทำงานให้ตามคำสั่ง
#จิตขั้นเริ่มแรก_ก็รู้สึกจะเป็นเช่นนั้น
ถ้าสติไม่บังคับและความสัตย์ไม่บีบตัวจริง ๆ จิตอาจหาทางออกได้ อย่างหนึ่งไม่ยอมทำงาน คือ การภาวนา อย่างหนึ่งยอมทำงาน แต่ไม่จดจ่อกับงาน พอให้เสียเวลาโดยไม่ได้ผล
#ฉะนั้น_การตั้งกฎเกณฑ์และตั้งสติบังคับใจ_จึงเป็นกิจที่ควรทำอย่างยิ่ง #สำหรับผู้มุ่งความก้าวหน้า_ทางด้านจิตตภาวนา
จนกว่าจิตจะมีความเคยชินต่อกฎเกณฑ์ เคยชินต่อตัวเอง และปรากฏผลขึ้นมาบ้างแล้ว จากนั้นจิตจะมุ่งทำงานในหน้าที่ของตัวไปเอง แม้จะมีธุระมากน้อยก็ไม่ยอมลดละ พอถึงเวลาอันควร จิตจะปล่อยวาง และย้อนกลับเข้ามาหางานภายในทันที โดยไม่ต้องบังคับขู่เข็ญดังที่เคยเป็นมา
#หลวงตาพระมหาบัว #ญาณสัมปันโน #เทศน์อบรมฆราวาส ณ #วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๘
“เรื่องทางโลก คือ เรื่องทางโลก เรื่องศีลธรรม เรื่องบุญกุศลมันเรื่องจิตใจ อย่าได้ห่างเหิน เราอยู่ ณ สถานที่ใดก็ตาม ถึงจะไม่ได้ไปวัดไปวา แต่เราก็ต้องเข้มงวดกวดขัน กับตัวเอง
ถ้าห่างเหินจากวัดใจ ก็จะถลำไปในทางกิเลส ไหลลงไปในทางต่ำ โดยมากจะไปในทางโลก ทางโลภ โกรธ หลง กับลูกกับหลาน กับการกับงาน กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะฉะนั้น ให้พยายามฝืนพยายามฟิตตัวเองอยู่เสมอ ประกอบคุณงามความดี ให้มีกฎกติกา มีเบรคในจิตใจ มองคุณงามความดีอยู่เสมอ แต่ละวัน แต่ละเวลา แต่ละอาทิตย์ แต่ละเดือน ถ้าเราห่างเหินจุดไหน เราก็ต้องมองดู ไม่มีใครรู้ดียิ่งกว่าตัวเราเอง ตัวของเรา รู้ว่าเราห่างเหินจากคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมมากน้อย แค่ไหน ใจของเราเป็นยังไงในขณะนี้ ไหลไปทางโลก มากใช่ไหม ไปทางกิเลส โลภโกรธหลงมากใช่ไหม เราอยากจะอยู่ในโลกคิดว่าตายไม่เป็นใช่ไหม เราต้องสอนตัวเอง”
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
อาการบังคับตัวเอง ให้กำหนดลมหายใจ ข้อนี้เรียกว่า "ศีล"
การกำหนดลมหายใจได้ และติดต่อไปจนจิตสงบ ข้อนี้เรียกว่า "สมาธิ"
การพิจารณากำหนดลมหายใจ ว่าไม่เที่ยง ทนได้ยาก มิใช่ตัวตน แล้วรู้การปล่อยวาง ข้อนี้เรียกว่า "ปัญญา"
หลวงปู่ชา สุภัทโท
"การที่คิดจะทำ คำที่คิดจะพูด เรื่องที่คิดว่าจะคิด เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตน เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น เป็นอกุศล ให้เกิดโทษทุกข์ มีทุกข์เป็นวิบาก ก็จงงดเว้นเสีย ไม่ทำ ไม่พูด ไม่คิด"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
|