นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 18 ม.ค. 2025 7:01 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: มรรคผล
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 04 ส.ค. 2021 5:17 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4806
การอยู่ศึกษากับองค์หลวงตา (มหาบัว) ถ้าเราถอดแบบองค์หลวงตามาได้ ไม่ต้องมากหรอก ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ไปที่ไหนนี่สบายทุกสิ่งทุกอย่าง ไปที่ไหนเข้าสังคมสบายหมด ท่านจะมีความระมัดระวังกับทุกสิ่งทุกอย่าง และจริงจังกับข้อปฏิบัติ ไม่มีย่อหย่อน ปฏิปทาของครูบาอาจารย์ที่พาดำเนินมา ท่านเอาจริงเอาจัง บางทีก็จะแตกต่างกับที่อื่นมากเหมือนกัน เพราะที่อื่นบางทีครูบาอาจารย์ท่านเห็นว่าไม่เสียหายท่านก็ยอมสังคม คือยอมโลกให้ได้รับความสะดวกสบายไปบ้าง แต่องค์หลวงตามไม่เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ใครเข้าไปศึกษากับองค์หลวงตา มีตาก็ให้รู้จักดู ดูองค์หลวงตาทุกการเคลื่อนไหว มีหูให้รู้จักฟัง ฟังหลวงตาได้ทุกคำพูด มีใจให้รู้จักเอาสิ่งที่เราได้ยินได้ฟังได้เห็นมาคิดพิจารณา เราจะได้เหตุได้ผลทุกสิ่งทุกอย่าง

หลวงตาท่านไม่ได้พูดอะไรเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไป ล้วนแต่มีหลักธรรมคำสอนอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นเวลาท่านพูด ท่านชี้นกชี้ไม้ไปตามเรื่อง เราไม่ต้องไป ภาษาอีสานเรียกว่า “ส่อ” ถ้าเราไปส่อนี่ ไปเรื่องอื่นเลยนะ เพราะฉะนั้น ฟังไปเรื่อย ท่านจะถามหรือไม่ถาม เราฟังไปเรื่อย ถ้าท่านพูดไป เราส่อไปปุ้บ เป๋ไปเรื่องอื่นเลย ไม่ได้ฟังเรื่องดี ๆ เลย

แล้วยิ่งท่านดุองค์ไหน องค์ไหนทำให้ท่านได้ดุนะ องค์นั้นล่ะเป็นกุญแจเปิดตู้พระไตรปิฎกเลย ยิ่งดุนั่นล่ะ เรายิ่งได้ฟังของดี ๆ เวลาท่านดุใคร ตอนแรกไม่มีใคร พอท่านดุปั้บ ดูข้างหลัง มาเต็มไปหมด มาคอยฟังธรรมะออกมาจากใจของท่าน ตอนนั้นล่ะ จะเป็นธรรมะตรง ๆ ล้วน ๆ เลย แรงถึงจิตถึงใจจริง ๆ

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
#พระธรรมเทศนาพระอาจารย์สุธรรม_สุธัมโม_โดยคณะศิษย์








#คำทำนาย
#เร่งภาวนาอย่าประมาท

หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม (พระลูกชายของ หลวงปู่บัว สิริปุณโณ) ท่านก็เคยพูดไว้ เมื่อตอนที่ อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีนายทุน กำลังหาเสียงเลือกตั้ง ตอนนั้น ท่านมาพักที่บ้าน ท่านเรียกเข้ามาดูทีวี แล้วชี้ไปที่นายทุนคนนั้น ท่านบอกว่า

” มึงจำคำกูไว้นะ ไอ้คนนี้ เมื่อไหร่ที่ไอ้คนนี้ ขึ้นมาครองเมือง เมื่อนั้นคนจะตายเป็นเบือ ยังกับใบไม้ร่วง และไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย จะเป็นไปทั่วโลก เพราะว่า ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมันมาเจอกันพอดี๊พอดี “

ทีนี้หลวงปู่ท่านก็พูดอีกว่า ” ไอ้คนนี้ มันบ้าอำนาจ มันจะพยายามหาคนมาแทน พระสังฆราช จ้างก็ไม่มีทาง มันช่างไม่รู้เอาเสียเลยว่า พระสังฆราช กว่าจะมาเป็นได้นั้น มาจากไหน หวังจะล้ม พระเจ้าแผ่นดิน เมินเสียเถอะ กว่าจะมาได้เป็น พระเจ้าแผ่นดิน เขาคัดเลือกมาเพื่อคู่กันกับพระสังฆราชแล้ว “

ต่อจากนั้นท่านก็พูดอีกว่า ” น้ำจะท่วมเมืองทั่วโลก เพราะเขาเริ่มคัดคน มันเป็นทีของพวกนาคแล้ว ทีใครทีมัน เมื่อก่อนหากมีเรื่อง ใครตาย ใครเป็น ใครเจ็บ จะมีลมพัดมา เรียกว่า ลมส่า (ภาษาอีสาน เรียกว่า ส่า ภาษาไทย หมายถึง ลมกระพือข่าว) คือ เทวดาเขาส่งข่าว และ ถ้าดีเทวดาก็จะดูแลรักษา แต่ไม่ดีก็ไม่รักษา แต่ คนปัจจุบันนี้ หาดียากมาก และ ไม่ค่อยสนเทวดา มันว่ามันเก่งกว่าเทวดา เทวดาเลยไม่สนคนเหมือนกัน เรื่องของมึง เรื่องของกู ทีนี้คนก็เป็นเหมือน “คน” จริง ๆ คนกันอยู่นั่นแหละ คนเท่าไหร่ ก็ไม่ทั่ว มีแต่เรื่องราวให้ตีแตกแยกแยะกัน พวกมึงเร่งทำบุญภาวนาเข้า พวกมึงจึงจะรอด”

” ต้องทำยังไงบ้าง หลวงปู่ “

” มันจะยากอะไร ก็ให้รักษาศีล ข้อไหนที่มันขาด ก็เอาใหม่ เริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้ ข้อไหนพร่องหย่อนยานไป ก็ให้ดึงให้มันตึงเข้าไว้ ในที่สุด มันก็จะเข้าใจ และ รักษาได้สบายๆ แล้วก็ทำบุญไป อย่าไปขัดบุญใคร บุญเราก็เร่งทำของเราไป ภาวนาไปด้วย “

” ภาวนาอย่างไรบ้างปู่ อยากได้แบบลัดๆ “

” คนสมัยนี้ ความดีมันไม่ค่อยอยากทำ แต่พออยากได้ มันก็อยากได้ลัดๆ เลย “

” ก็มันไม่มีเวลาแล้ว ขอได้ไหมปู่ “

” มึงพอไหว เริ่มเข้าเดี๋ยวนี้ ชำระสิ่งชั่วจากใจเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้ไหมว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่ เขาคัดคน เขาบอกว่า โลกจะแตกนั้น มันไม่ใช่แตกดังโป๊ะเหมือนลูกโป่งนะ มันค่อยๆ แตกทีละน้อยๆ คือเลือกคนนั่นแหละ “

” คนที่ทำบุญ จะรอดไหมปู่ “

” รอด คนมีศีลมีธรรมเท่านั้น จึงจะรอด พยายามกันเข้า มันจะแย่ไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ คนนั้นขึ้นครองเมือง การสู้รบตบมือมากมาย และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้ดูไว้นะ ข้าวจะยากหมากจะแพง“

#ให้เร่งภาวนาอย่าประมาท

ความตายมันไม่มีสัญญาณเตือน หรือนิมิตหมายบอกเราให้รู้ล่วงหน้า คนแก่ก็ตาย คนหนุ่มก็ตายได้ทั้งนั้น

การปฏิบัติธรรม.. จึงไม่ต้องอ้างเมื่อนั้นเมื่อนี้ ทำให้มากๆ ทำให้บ่อยๆ แล้วจะรู้จะเห็นเอง

#หลวงปู่เพ็ง #พุทธธัมโม








…ถ้าใครมีปัญหาข้องใจอะไร

..โดยเฉพาะ
“ปัญหาเรื่องของความเครียดในตอนนี้ “

.อโรคยา ปรมาลาภา
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
…” ขอให้เกิดกับท่านทั้งหลายทุกคน
ทั่วหน้ากันเทอญ “.

หนังสือ: อโรคยาปรมาลาภา
หน้า ๒๖
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










#สมัยสมเด็จพระผู้มีภาคเจ้าเสด็จประทับที่พระเชตวนาราม_กรุงสาวัตถี
#ได้ตรัสภัทเทกรัตตสูตรแก่ภิกษุทั้งหลายว่า

ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งล่วงไปแล้วมาตามไม่ควรหวังสิ่งซึ่งยังมาไม่ถึง เพราะว่าสิ่งใดล่วงพ้นไปแล้ว สิ่งนั้นอันเราละเสียแล้ว อนึ่งสิ่งใดซึ่งไม่มาถึงเล่า สิ่งนั้นก็ยังไม่มาถึง เพราะฉะนั้นผู้มีปัญญาจึงไม่ควรให้สิ่งซึ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งซึ่งไม่มาถึง ก็ผู้มีปัญญาได้มาเห็นธรรม ซึ่งเป็นปัจจุบันเกิดขึ้นจำเพาะหน้าแจ้งชัดอยู่ในที่นั้นๆ ความเห็นแจ้งธรรม ซึ่งเป็นปัจจุบันของท่านนั้นไม่ง่อนแง่น ไม่กำเริบด้วยดี

ผู้มีปัญญาอันมาได้ความเห็นแจ้งในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบันอันไม่ง่อนแง่นและไม่กำเริบด้วยดีแล้ว ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน อันผู้มีปัญญาควรรีบทำเสียในวันนี้ทีเดียว ใครจะพึงรู้ว่าความตายจักมีในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าสู้ความหน่วงเหนี่ยว ความผูกพันกับด้วยมฤตยูความตายซึ่งมีเสนาใหญ่นั้นไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้นความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน
อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้ทีเดียว นักปราชญ์ผู้สงบระงับ ย่อมกล่าวสรรเสริญ ผู้มีปัญญาซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน ไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้ ผู้นั้นแล ว่าผู้มีราตรีเดียวเจริญดังนี้

#เมื่อตรัสอุเทศนี้จบแล้ว_จึงตรัสวิภังค์ต่อไปว่า...

ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลให้สิ่งซึ่งล่วงไปแล้วมาตามอยู่ไฉน? บุคคลมาคิดว่า ณ กาลล่วงไปแล้วเมื่อก่อน เราได้เป็นผู้มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อย่างนี้ๆ แล้ว นำความเพลิดเพลินในขันธ์ มีรูปขันธ์เป็นต้น ซึ่งล่วง
ไปแล้วนั้นมาตามอยู่ ภิกษุทั้งหลายอย่างนี้แล ชื่อว่าบุคคลให้สิ่งซึ่งล่วงไปแล้วมาตามอยู่

ภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลไม่ให้สิ่งซึ่งล่วงไปแล้ว มาตามอยู่เป็นไฉนเล่า? บุคคลมาคิดว่า ณ กาลไกลล่วงไปแล้วเมื่อก่อน เราได้เป็นผู้มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณอย่างนี้ๆ แล้วไม่นำความเพลิดเพลินในขันธ์ มีรูปขันธ์เป็นต้น ซึ่งล่วงไปแล้วนั้นมาตาม อยู่ ภิกษุทั้งหลายอย่างนี้แลชื่อว่าบุคคลไม่ให้สิ่งล่วงไปแล้วมาตามอยู่ เบื้องหน้าก็ไม่ปรารถนา ไม่ให้มาตามอยู่ และปัจจุบันก็ไม่ให้มาตามอยู่ ไม่ถือว่าเราว่าเขา ชื่อว่าไม่ง่อนแง่นอยู่ในธรรมทั้งหลาย

พระอริยสาวกและสัตบุรุษท่านไม่ตามเห็นว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยความเป็นตัวตนบ้าง ไม่ตามเห็นตัวตนว่ามีรูป เวทนา สังขาร วิญญาณบ้าง ไม่ตามเห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณในตัวตนบ้าง ไม่ตามเห็นตัวตนในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณบ้าง ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แลชื่อว่า บุคคลไม่ง่อนแง่นอยู่ในธรรมทั้งหลาย ซึ่งเกิดขึ้นจำเพาะหน้าฉะนี้แล

#พระอาจารย์มั่น_ภูริทตฺตเถระ








สติ คือ อะไร

สติ คือ ความระลึกได้
มีลักษณะคือ ความไม่เลื่อนลอย ใจไม่ลอยหนีไป
สติ ทำหน้าที่อารักขาจิตไม่ให้ตกไปสู่ความชั่ว
ทันทีที่สติเกิด อกุศลต้องดับทันที
สติ มีการจำสภาวธรรมได้แม่นยำเป็นเหตุใกล้ให้เกิด
สติ เป็นตัวระลึกได้ถึงความมีอยู่ของกาย ความมีอยู่ของใจ
ถ้าเมื่อใดเรารู้สึกอยู่ที่กาย รู้สึกอยู่ที่ใจได้ ก็เรียกว่ามีสติ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
จากหนังสือ ประมวลพระธรรมเทศนา เล่ม 1

จงรักษาใจให้เหมือนนาฬิกา
เพราะหน้าที่ของนาฬิกา คือ
การอยู่กับปัจจุบันขณะ
ด้วยสัจจะและความเที่ยงตรง

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล








"ความอันตรธาน
ความวิบัติ
ความเสื่อมสลาย
ความพลัดพรากจากกัน
สิ่งเหล่านี้มันมีประจำโลกอยู่แล้ว
ทีนี้ผู้มีธรรมะ
ผู้ปฏิบัติธรรมะ
เมื่อประสบกับภาวะเช่นนั้นแล้ว
จะวางใจอย่างไรจึงไม่เป็นทุกข์
อย่างนี้ต่างหาก
ไม่ใช่ธรรมะช่วยไม่ให้แก่
ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว
ไม่ให้ไฟไหม้ ไม่ใช่อย่างนั้น..”

#หลวงปู่ดูลย์_อตุโล








วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ๑๐ วิธี

๑. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก

๒. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ

๓. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ

๔. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอขมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่

๕. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่

๖. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดามารดา
ตัวอย่าง “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง” เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง…พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด

๗. ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล

๘. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี

๙. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา..พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง

๑๐. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม







#พุทโธ กางเอาไว้ -กั้นเอาไว้เลย ต่างคนต่างมีความแคล้วคลาดปลอดภัยไปด้วยกัน

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







ขับของไม่ดีคนไม่ดี ใครจะขับหรือไม่ขับขับไปเถอะ เราจะขับของไม่ดีอยู่ในหัวใจของเรา อะไรไม่ดีในหัวใจของเราเราจะขับออกหมด ให้ยังเหลือแต่จ้าอยู่อย่างนั้นพอ

หลวงตามหาบัว #ญาณสัมปันโน







"ทุกคนจะต้องเข้ามหายุทธสงครามสักวันหนึ่ง
คือ การต่อสู้กับมัจจุราช เมื่อถึงเวลานั้น แต่ละคน
จะต้องสู้เพื่อตนเอง และต้องสู้โดยลำพัง
ผู้ที่สู้ได้ดีก็จะไปดี คือไปสู่สุคติ ผู้ที่เพลี่ยงพล้ำ
ก็จะไปร้าย คือไปสู่ทุคติ อาวุธที่ใช้ต่อสู้มีเพียงสิ่งเดียว
คือ "สติ" ซึ่งจะสร้างสมได้ด้วยการเจริญภาวนาเท่านั้น"

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร







“มรรคผลนิพพานนั้น ไม่ได้อยู่ที่อื่น
มันอยู่ที่หัวใจของเราทุกคน ถ้าเราทุกคนอยู่บ้าน
ก็ไหว้พระสวดมนต์ นั่งภาวนา มีลูกเต้า หลานเหลน
เกิดมาในตระกูลของเรา ก็ช่วยกันอบรมสั่งสอน
อย่าไปปล่อยให้ทางโรงเรียนอย่างเดียวไม่พอ

พ่อ แม่ ผู้บังเกิดเกล้า ก็ช่วยอบรมสั่งสอนเด็ก
ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่มาทีเดียวแหละ คือว่า
เมื่อเราตั้งครรภ์จะมีลูกกับเขาในโลก ก็ให้รักษาศีล ๕ ประการ

เมื่อเรารักษาศีล ๕ ประการแล้ว ดวงจิต ดวงวิญญาณ
ของคน ของสัตว์ที่จะมาเกิด ก็เป็นดวงวิญญาณดี
ถ้าผู้ใดไม่มีหลักศีล ๕ อยู่ในตัว เวลาลูกจะมาเกิดก็
เปรตมาเกิดบ้าง ยักษ์มาเกิดบ้าง มารมาเกิดบ้าง
สัตว์นรกมาเกิดบ้าง ก็เดือดร้อนเหมือนทุกวันนี้แหละ”

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 107 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO