Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

วาสนา

อังคาร 10 ส.ค. 2021 9:31 am

#ถาม – หลวงปู่มีอะไรจะแนะนำในเรื่องการปฏิบัติทางจิตบ้างครับ

#ตอบ – จะเอาทางจิตทางใจก็แ แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นี้มีขึ้นที่ใจอย่างเดียว รักษาแต่ใจอย่างเดียวให้แน่นหนา รักษาแต่ใจอย่างเดียวตลอดชีวิต รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ ตั้งอยู่ในกุศลกรรมบถสิบ รักษากายวาจาใจให้บริสุทธิ์ นี่เป็นเบื้องต้น

".. เวลาอยู่ในคนหมู่มาก ได้พูดกับคนหมู่มาก บางทีก็จะลืมตัวไป จงมองเข้ามาดูใจนี้ ใจนี้เป็นใหญ่ คุมกายกรรม วจีกรรม ให้รู้เข้ามาในกาย ให้มองมาดูใจนี่แหละ เอาใจนี้เป็นผู้รู้ ใจนี้เองน่ะแหละเป็นผู้หลง ใจนี้แหละเป็นผู้ละ ปฏิบัติกายวาจาใจนี่ให้เรียบร้อย กายนี่ก็ออกไปจากใจนี่แหละ ให้พิจารณา กายนี่เขาก็ไม่เที่ยง ใจนี่เขาก็ไม่เที่ยง

แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ก็ชี้เข้ามาที่ใจนี่แหละ ใจนี้เป็นเหตุ ให้ใจนี้ละ ให้ใจนี้วาง ให้ใจนี้ถอน ถอนทุกสิ่งทุกอย่างหมด มันจึงจะได้

ถอนทีแรกก็เอาใจนี่แหละถอน ถอนอยู่ที่ใจนี้ ละอยู่ที่ใจนี้ วางอยู่ที่ใจนี้ ให้ใจนี้รักษา ต้องรักษาตา รักษาหู รักษาจมูก รักษาลิ้น รักษากายวาจานี้แหละ

รูปมาทางตานี่ ก็นึกที่ใจ พอใจก็ดี ไม่พอใจก็ดี ก็ที่ใจนี่แหละ เอาศีลนำออกมาให้หมดจากใจของตน ละออกจากใจนี่แหละ เอาใจนี่วาง เอาใจนี่ถอนมันให้หมด เวลาไปหาหมู่มาก พูดไปพูดมาแล้วก็หลง มันหลงใหลอยู่เท่านั้นแหละ ต้องน้อมเข้ามาที่ใจของตน สิ่งใดก็ตามเถอะ ให้น้อมเข้ามาสู่ใจ

แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ก็ชี้เข้ามาที่ใจของตน อุปัชฌายะสอนก็สอนเข้ามาถึงกายนี้แหละ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ปัญจกกัมมัฏฐาน กายคตากัมมัฏฐาน ฐานที่ตั้งของกายนี้แหละ กายเขาไม่รู้แจ้ง จะรู้แจ้งก็รู้แจ้งที่ใจนี่แหละ เอาใจละสิ่งทั้งหลายที่มาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ มาทางตา ที่พอใจก้ดี ม่พอใจก็ดี มาทางหู ที่พอใจก็ดี ไม่พอใจก็ดี มาทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ที่พอใจก็ดี ที่ไม่พอใจก็ดี เอาศีลนี่แหละนำออกเสียด้วยปัญญาของตนออกไปจากใจนี้

ใจเป็นผู้รู้ ผู้ละ ผู้ถอน ผู้วาง รับเอาทุกเรื่องก็ไม่ไหวละ มันเป็นธรรมเมาเท่านั้นแหละ

เรื่องอดีตอนาคตก็ใช้ปัญญานำออกให้หมด ตัดอดีต อนาคตหมดอย่าให้มันเหลือ อดีต อนาคตมันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ตัดอดีตอนาคตออกแล้ว ให้จิตนิ่งอยู่กับปัจจุบัน เดินอยู่กับปัจจุบัน ว่างอยู่กับปัจจุบันวางอยู่กับปัจจุบัน มันจึงเป็นพุทโธ มันจึงเป็นธรรมโม สังโฆ อยู่นี่แหละ

มัวเอาที่อื่นก็ไม่ไหวละ รักษาตา รักษาจมูก รักษาลิ้น รักษาหู รักษากาย ใจ ให้ตลอด เวลาพบคนมาก มันก็ต้องมีหลายสิ่งหลายประการ พูดอยู่ก็ต้องน้อมเข้ามาหาใจ มากำหนดให้รู้ใจของตน อุปาทานทั้งห้ามันเกิดมาจากใจนี่แหละ อนิจจังทั้งห้ามันก็เกิดจากใจนี่แหละ เหตุมันก็มาจากใจนี่แหละ ทุกขังทั้งห้าก็ดี อนัตตาทั้งห้าก็ดี นิจจังทั้งห้าก็ดี มันเป็นนิจจัง มันอยู่คงที่ มันเที่ยงอยู่ อนัตตาทั้งห้ามันวางหมด แล้วทีนี้มันเป็นอัตตาตั้งอยู่ภายใน ยึดเรื่อยไปก็เป็นอัตตา แต่อาศัยอนัตตาอยู่ เพราะว่าไปพิจารณาอยู่

อุปัชฌาย์สอน ก็ชี้ลงที่กายนี้เสียก่อน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ นึกถึงปัญจกัมมัฏฐาน กายคตากัมมัฏฐาน เวลาได้โอกาสก็ให้นั่งทำความสงบ ทุกข์มันจะเกิดขึ้น มันก็เกิดที่นี่ ที่ใจนี่แหละ เจ็บแข้ง เจ็บขา เจ็บหลัง เจ็บเอวก็เกิดขึ้น กำหนดทุกข์เข้าจนรู้เหตุรู้ผล รู้เหตุว่ามันนำทุกข์มาให้เสวย เหตุดับ ทุกข์ดับ ปัจจัยของเราก็ดับ อวิชชาความมืดก็ดับ

นี่แหละให้หมั่นตั้งใจรักษา ศีลก็บัญญัติลงที่ใจนี่แหละ สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี บัญญัติลงในกายในใจนี่แหละ สองอย่างเท่านี้แหละ รุ้ทางกายก็วางไว้หมด รู้ทางกาย ก็ชวนเข้ามาที่ใจนี้แหละ แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์รุ้ที่ใจนี้แหละ ใจจึงเป็นเหตุ ก็เอาใจนี่แหละละ ก็เอาใจนี่แหละถอน เอาใจนี่แหละวาง วางอยู่ที่ใจนี่แหละมันจึงจะใช้ได้ ถ้าไปเอาอันอื่นมาละ มันใช้ไม่ได้หรอก

ที่อุปัชฌาย์สอนก็สอนที่กายนี้ ดีสงบก็ที่กายนี้ ดีสงบก็ที่ใจนี้ คิดดีก็ใจนี้ คิดชั่วก็ใจนี้ ดูไป ๆ มันก็ได้กำลังนะ เอาเข้า ๆ มันก็ได้กำลัง เบิกยา รูแจ้งเห็นจริง ผู้ปฏิบัติน้อมเข้ามาปฏิบัติกาย วาจา ใจ ธรรมะเกิดขึ้นในดวงใจนี้ เวทนาคือตัวกรรม ไม่ใช่มีกับเราเท่านั้น เวทนาคือตัวกรรมบุญ เวทนาคือตัวกรรมบาป น้อมทเข้ามาที่นี่จนถึงอัพยากตธรรม ทางนี้ไม่มีกิเลสหนา อัพยากตธรรมเป็นฐาน น้อมเข้ามาที่นี่ พูดมากคุยมากมันก็มากไป จงหยุดน้อมเข้ามาในใจเสียก่อน เดี๋ยวจะลืมไป

เอาแค่นี้ก็อยู่ได้ เอามามากมายก็จะทุกข์ ใจนี่มันคิด ใจนี่มันทุกข์ ตัดออกให้หมด ไม่คิดไม่นึก เมื่อไม่คิด จิตของเราก็ตั้งอยู่เป็นปกติ ไม่ได้ไปที่ไหน รูป เสียง กลิ่น รส ธรรมารมณ์ทั้งห้า นำเอาเข้ามาหมักหมมไว้ในใจ ให้เขาผ่านไป ไม่เก็บเข้ามา ใจก็เป็นปกติ ไม่ไปที่ไหน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นปกติ รูป เสียง กลิ่น รสนี่เป็นธรรมดาโลกนะ ดีเขาก็ว่า ชั่วเขาก็ว่า ร้ายเขาก็ว่า ก็มีอยู่อย่างนี้แหละ รักษาจิตให้ดี ทำทุกวัน เวลาได้โอกาส พักผ่อนให้ทำไป ทำให้มาก มันก็ทำจิตให้เบิกบานผ่องใส... "

#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ










#หลวงปู่สอนว่า..

อยู่บ้านอยู่ห้อง ก็อย่าอยู่เฉยๆ
พุทโธ พุทโธบ้าง
ไปอยู่ไหน ก็ให้มีพุทโธบ้าง

ยุงกัด ฝ่ามือเพี้ยะเลย
ไม่ได้แบบนี้น่ะ
เมตตาให้มันบ้าง
เมตตายไม่เอา

นั่งหาเหตุและผลของมัน
นั่งดูอารมณ์
อารมณ์ดี อารมณ์ร้าย
ให้รู้จัก ให้พิจารณา

โอวาทคำสอน
#หลวงปู่สมภาร #ปัญญาวโร
#วัดป่าวิเวกพัฒนาราม
อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
ณ กุฏีหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร
วัดถ้ำประทุน อ.บางละมุง
จ.ชลบุรี (วันที่ 3 มิ.ย.2562)

บันทึกธรรม : นรินทร์ ศรีสุทธิ์









#เสือภายใน_คือความโกรธ

เมื่อนึกให้ละเอียดแล้ว เสือกิเลสก็ตั้งบ้านตั้งเมือง อยู่รอบเมืองใจอีก

คำว่าเสือ แปลว่า ผู้ยังมีโกรธโหดร้ายอยู่ เห็นแต่กระเป๋าไส้ กระเป๋าท้องของตน พระอนาคามีเท่านั้นจะพ้นจากปากเสือโกรธไป ต่ำกว่านั้นลงมา ไม่พ้นจากปากเสือโกรธเลยแลหนอ

เมื่อน้อมเข้ามาภายใน เป็นอัชฌัตตาธัมมาแล้ว เรื่องเสือภายนอกก็แบ่งเบาผ่อนปรนลงมาได้

#มหันตโทษของเสือภายใน

สามารถใช้กาย วาจา ไปทำอนันตริยกรรมทั้ง ๕ ได้

ฉะนั้น ศีล ๕ ศีล ๘ (มีศีล) ข้อต้นเป็นรากเหง้าของศีลอย่างสมบูรณ์ ถ้าล่วงศีลข้อต้นแล้ว ศีลข้ออื่นๆ ก็จะพลอยล่วงไปด้วย

ตรงกันข้าม ถ้ารักษาศีลข้อต้นได้ ข้ออื่นๆ ก็พลอยจะสมบูรณ์ไปด้วย เพราะได้รากแก้วของศีลที่มีเมตตา เมตใจ เมตธรรม

เพราะตัดสิน ลงในใจในธรรมแล้วว่า จะไม่ฆ่าตายหงายไว้ แก่ใครๆ ทั้งปวง โดยมิได้เลือกหน้า เป็นเมตตาธรรมาธิปไตย เห็นธรรมเป็นใหญ่แล้ว ไม่ได้เห็นตนเห็นโลก เป็นใหญ่กว่าธรรมใดๆ ทั้งสิ้น

#ผู้มีศีล_๕_บริบูรณ์

ก็คือ ผู้มีทรัพย์ภายใน บริบูรณ์อริยทรัพย์นั้นเอง ฉะนั้น ศีล ๕ ของผู้มีศีลบริบูรณ์ จึงเป็นโลกุตตรศีล เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ของพุทธศาสนา...

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต








“ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นนะ สร้างความดีไว้
ความดีช่วยคุ้มครองเรา บุญกุศลติดตามรักษาเราไป
เส้นทางเดินในสังสารวัฏยาวไกลที่สุดเลย
ระหกระเหินที่สุด น่ากลัวที่สุด มีโอกาสนะชาตินี้
ได้สร้างคุณงามความดีนะ ทำให้เต็มที่”

พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช








“ผู้ที่มีโยนิโสมนสิการ ระลึกถึงความตาย
ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นไป ตามธรรมดา
ของชีวิต ก็ทำให้เกิดความไม่ประมาท เพราะเห็นว่า
สิ่งทั้งหลายมีความไม่เที่ยงแท้แน่นอน

กาลเวลาผ่านไปนั้น เป็นไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง
ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น เราจะรีรอนอนคอยเวลา
อยู่ไม่ได้ จะเป็นคนเฉื่อยชาอยู่ไม่ได้ เพราะเวลา
ไม่รอเรา และความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นจะต้องเร่งรัดตนเอง ในการที่จะทำกิจหน้าที่
ทำกุศลทำความดีต่างๆ”

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)








"เราทั้งหลาย ต่างเกิดมาด้วยวาสนา
มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้ อย่างเต็มภูมิ
ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ อย่าลืมตัว ลืมวาสนา
โดยลืมสร้างคุณงามความดี
เสริมต่อภพชาติของเรา ที่เคยเป็นมนุษย์
จะเปลี่ยนแปลง และกลับกลายหายไป
เป็นชาติที่ต่ำทราม

ท่านจึงสอน ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน
เมื่อเห็นเขาตกทุกข์ หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ
เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น หรือยิ่งกว่านั้นก็ได้
เมื่อถึงวาระเข้าจริงๆ ไม่มีใครมีอำนาจ
หลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมดี กรรมชั่ว
เรามีทางสร้างได้ เช่นเดียวกับผู้อื่น"

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต







"อารมณ์ภายนอกต่างๆ
ที่เราเก็บมายึดถือไว้
ก็เปรียบเหมือนเรา
เอาหาบของหนักๆ มาวางไว้บนบ่า
ถ้าเราปลดปล่อยเสียได้
ก็เท่ากับเราวางหาบนั้นลง"

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
ตอบกระทู้