พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
จันทร์ 23 ส.ค. 2021 5:37 am
ทานบารมีจะรักษาสมบัติ ศีลบารมีจะรักษาความเป็นมนุษย์
ไม่ให้ต่ำกว่านี้ ภาวนาบารมีจะรักษาใจใม่ให้ไขว้เขว เพราะฉะนั้น
ผู้รักษาความดีได้มากที่สุดคือผู้รักษาใจ คือผู้ภาวนาพุทโธ ถ้าใจมีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นใจที่ไม่หลงทาง ทำบุญทำทานก็ได้เยอะ รักษาศีลก็เป็นคนเคร่งครัดเพราะไม่ลืมสติ
ต้องคอยเช็คอยู่เรื่อย กายวาจาใจอย่าให้เสียศูนย์ นี่ล่ะศูนย์กรรมฐาน ไปตั้งศูนย์กรรมฐานวัดนั้นวัดนี้ นั่นมันข้างนอก
ศูนย์กายวาจาใจ ศูนย์ภาวนาพุทโธ จิตก็พุ่งตรงเข้าสู่พุทโธ
นี่ศูนย์ เข้าสู่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่ก็ศูนย์ จนกระทั่งให้กิเลสสูญจากหัวใจ นี่ก็ศูนย์ นอกนั้นเข้าไม่ถึงศูนย์
หลวงพ่อโสภา สมโณ
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
".. ก่อนที่ท่านจะละสังขารเข้าสู่แดนอนุปา
ทิเสสนิพพานท่านได้ฝากธรรมะภาคปฏิบัติจิตตภาวนาสำหรับฆราวาส ดังนี้.."
"วันหนึ่งๆ เฉพาะอย่างยิ่งเวลาจะนอน ให้ไหว้พระเสียก่อนเรียบร้อยแล้วนั่งภาวนา เอาเพียง ๑๐ นาทีนี้เป็นยังไง ในรอบวันหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมงขอเพียง ๑๐ นาทีเป็นการภาวนา เพื่ออบรมจิตใจเราให้สงบอารมณ์วุ่นวายทั้งหลาย จะได้หรือไม่ได้ ต้องทดสอบเจ้าของ บังคับเจ้าของ ไม่อย่างนั้นหาความดีไม่ได้นะ ไม่ได้มากล่ะ เอาวันหนึ่งเวลาจะหลับนอนขอให้ได้ ๑๐ นาทีก็ยังดี ใน ๒๔ ชั่วโมง ชั่วโมงหนึ่ง ๖๐ นาทีขอเพียง ๑๐ นาทีเท่านั้นจะไม่ได้เหรอบังคับตัวเอง ภาวนาให้ได้วันละ ๑๐ นาที เอ้ามันจะตายจริงๆ หรือ ว่างั้นนะ บังคับตัวเอง วันคืนหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมงขอเพียง ๑๐ นาทีมาบำเพ็ญจิตใจ ซึ่งเป็นของมีคุณค่า ธรรมอันมีคุณค่าเข้าหัวใจตนเองเพียง ๑๐ นาทีเท่านี้ไม่ได้เหรอ บังคับเข้าต้องได้ ว่างั้นเลย เช่นให้ทานเป็นประจำ หรือไหว้พระสวดมนต์นั่งภาวนาขอ ๑๐ นาทีเป็นประจำ นอกจากนั้นให้ท่านทั้งหลายเสาะแสวงหาเองเพื่อความดีสำหรับท่านทั้งหลายเอง ครูบาอาจารย์เป็นแต่เพียงผู้บอกผู้ชี้แนวทาง การกระทำเป็นเรื่องของเราทั้งหลายเอง ดังพระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงไว้.. "
"เรื่องนั่งตลอดรุ่ง หามรุ่งหามค่ำพูดเพื่ออะไร เราพูดเพื่อเป็นคติ นี่ไม่ได้ถึงตลอดรุ่งอะไรเพียงขอ ๑๐ นาทีเท่านั้น ขอจากท่านทั้งหลายเพื่อฝึกทรมานตนให้เป็นคนดีสำหรับเรา นี่ฟาดตลอดรุ่งๆ ไม่เห็นตายว่ะมาสอนท่านทั้งหลายอยู่เวลานี้ ขอเพียง ๑๐ นาทีให้ไปปฏิบัติดัดแปลงตัวเองทำไมจะไม่ได้วะ เราเป็นลูกศิษย์มีครูจำให้ได้นะ..
อานิสงส์ที่เกิดขึ้นจากการภาวนานี้มีอานิสงส์มากนะ ใครจะเอาพุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้มากำกับใจเป็นคำบริกรรม เช่น พุทโธๆ เป็นต้น มีสติกำกับใจของตน กำกับคำบริกรรมของตนในช่วงเวลา ๑๐ นาที เอาให้ได้ ว่างั้นนะ ถ้าท่านทั้งหลายอยากเป็นคนดี ต้องบังคับตนเองนะ.. "
#หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
#ทำบุญเองเสียแต่บัดนี้
“เราอย่าไว้ใจคนอื่นเลย เมื่อเราตายแล้วเขาจะทำบุญหาอย่างนี้นะ ไม่ควรคิดอย่างนั้น เผื่อว่าเขาไม่ทำให้ล่ะ เราก็ยากเราก็ลำบากสิ บัดนี้นะ เราจะไปไว้ใจคนได้ไงล่ะ แต่ใจตัวเอง ตัวเองก็ยังห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ฉะนั้น อย่าไปไว้ใจคน มันจะจนใจเอง
เพิ่นว่าเราทำเอาเสียแต่ยังชีวิตอยู่นี้ ทำเอาให้เต็มความสามารถซิ เรามีช่องทางไหนที่จะก่อให้เกิดบุญเกิดกุศล เราก็ทำเองแหละ...มันเป็นอย่างนั้น เมื่อเราทำถูกทางแล้ว กุศลมันก็เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป นี่หมายความว่า ชีวิตของคนเรานี่ จะมีความสุขมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับบุญกุศลโดยตรง
บุญกุศลที่เป็นหนทางไปสู่โลกุตตรธรรมก็มีบุญกุศลที่นำจิตวิญญาณนี้ไปเกิดสวรรค์ชั้นฟ้าก็มี บุญกุศลที่นำดวงจิตวิญญาณนี่ให้เกิดเป็นคนอีกก็มีมันแล้วแต่ใครสร้างบุญมากน้อยเพียงใด บุญมันก็แต่งให้ตามกำลังของบุญที่ผู้นั้นทำนั่นแหล่ะ”
.
--- โอวาทธรรม หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
"เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องเจอความทุกข์รุมเร้า ต้องอดทนต่อทุกข์นั้น และเอาการภาวนานี่แหละเป็นตัวช่วยให้ผ่านพ้นไปให้ได้
ไม่ใช่ว่าพอเจอทุกข์รุมเร้าแล้วต้องเที่ยวไปหาคนอื่นให้ช่วยอยู่ทุกทีไป
นักภาวนาต้องภาวนาสู้กับวิกฤติ ปัญหาและทุกข์ต่างๆ ถ้าจะหลบก็ต้องหลบไปภาวนา"
ธรรมะคำสอน
หลวงปู่ไม อินทสิริ
โลกนี้มีความพร่องอยู่เป็นนิด
ไม่มีความเต็มสำหรับโลกนี้
เห็นไหม...กินข้าวไปแล้ววันนี้
พรุ่งนี้ก็หิวอีก มากินข้าวอีกแล้ว
โลกนี้ไม่เคยเต็ม มีแต่ความพร่อง
กิเลสก็ไม่เคยเต็ม
หลวงพ่อทองพูน กาญจโน
ปรารภก่อนฉันท์เช้า ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔
"อย่าพูดตามความคิด
อย่าทำอะไรตามความคิด
อย่าปล่อยให้ความคิดออกหน้า
ให้สตินำหน้า
พูดกับผู้อื่นให้น้อย
เตือนตนเองให้มาก
ความหลงเป็นศัตรู
ความรู้สึกตัวเป็นมิตร
ให้กลัวความหลง
ให้กล้ากับความรู้สึกตัว
ฉลาดในการเอาชนะตน
ยอมแพ้คนอื่นในทางสมมติ
มีสติเฝ้าดูตัวเอง"
หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ
"พระพุทธเจ้าท่านทรงรู้แจ้งว่า โลกนี้...จะพ้นโง่มันก็ยาก การที่จะได้เกิดเป็นคนนี่ยากที่สุด
แล้วเป็นคน จะเอาคนชนิดไหน
คนมีบุญ คนลำบาก คนพิการ ง่อยเปลี้ย จะหาคนสบายมีกี่คน
ถ้าเทียบจำนวนทั้งหมด
อย่างเดียรัจฉานนี่ มันกินกันเอง กัดกันเอง คนบ้าฆ่ากันเอง
กระดูกของแต่ละคนนี้ ท่านว่ากองเท่าภูเขา น้ำตา และเลือดของแต่ละชีวิตที่ผ่านมามีมากกว่าน้ำในมหาสมุทร ดูซิมันยาวนานแค่ไหน ?
การจะเกิดเป็นคนนั้นมันยากมาก ยากอย่างที่ท่านเปรียบว่า... เต่าตาบอด... มันจะว่ายน้ำเข้าฝั่ง แต่ทะเลมีตาข่ายกั้นอยู่ และมีรูเท่าตัวเต่าอยู่รูเดียว
ถ้าหัวไม่โดนตาข่าย มันจะจมลงไปอีก ๑๐๐ปี จึงจะได้โผล่มาใหม่
คือ...จะลอดได้มันต้องฟลุ๊คที่สุด
แต่อย่างนั้น...โอกาสก็ยังง่ายกว่าโอกาสจะได้เกิดมา...เป็นคน... และเป็นคน อยู่...ในพระพุทธศาสนามันยาก ไม่พ้นวัฏสงสารไปได้."
หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
#พระนิพพาน..
แล้วก็จงจำไว้ด้วยว่ามันไม่ใช่แต่ขันธ์ ๕ ของฉัน แม้แต่ขันธ์ ๕ ของเธอ ก็เหมือนกัน ขันธ์ ๕ของคนอื่นใด ๆ ในโลกก็เหมือนกัน แม้วัตถุต่าง ๆ ที่เป็นธาตุ ๔ คือ ธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุเหล็ก ตึก บ้านช่อง วัตถุแข็ง อ่อน อากาศคือ ธาตุลม ก็เหมือนกัน มันไม่ใช่ฐานที่ตั้งของความสุข มันเป็นฐานที่ตั้งแห่งความทุกข์ มันไม่มีสภาพทรงตัว ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนในที่สุดมันก็สลายตัว ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า อนัตตา
ความจริงฉันไม่มีอะไรวิเศษเลย ขันธ์ ๕ ของฉันมันก็เลว มันจะพังสลาย สภาพร่างกายก็ไม่ดี ความจำก็ไม่ดี อะไรก็ไม่ดี ทุกอย่างมันหาความดีอะไรไม่ได้
ตราบใดที่พระธรรมคำสอน ขององค์สมเด็จพระจอมไตรยังมีอยู่ครบถ้วน ทั้งพระธรรมวินัย ในขณะนั้นถ้าคนเอาจริงปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนเป็นพระอรหันต์ได้หมดทุกคน
การเป็นพระโสดาบันก็ดี การเป็นพระสกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์ก็ดี เขาศึกษากันตัวเดียว คือ สักกายทิฏฐิ เมื่อตัดสักกายทิฏฐิ คือ ร่างกาย (หรือ ขันธ์ ๕ หรือ รูปนาม) ได้ตัวเดียวก็เป็นพระอรหันต์
ก่อนที่จะใช้อารมณ์วิปัสสนาญาณ อันดับแรกต้องเข้าฌานให้ถึงที่สุดที่เธอทรงได้เข้าฌานออกฌานสลับกันมาสลับ กันไป ให้มันมีอาการทรงตัว แล้วทำจิตให้ทรงในฌานให้แนบสนิททรงตัว มีความสุขที่สุด ถ้าได้สมาบัติ ๘ เป็นกำลังใหญ่ ถ้าได้มโนมยิทธิก็ยกจิตไปไว้พระนิพพานกับองค์สมเด็จพระบรมพิชิตมารสัมมา สัมพุทธเจ้า ถอยกำลังถึงอุปจารสมาธิ พิจารณาขันธ์ ๕ ว่า ขันธ์ ๕ มันเป็นภัยสำหรับเรา มันเป็นวัตถุธาตุที่สร้างแต่ทุกข์ สร้างแต่โทษ ไม่มีอะไรเป็นปัจจัยของความสุข
มองดูขันธ์ ๕ คือ ร่างกายเกิดมาเราต้องเลี้ยงดูมันเท่าไร มันชอบอะไร เราให้มันกินหมด แต่เราคือจิตไม่ต้องการให้มันป่วย แล้วร่างกายยังขืนป่วย เพลีย เจ็บปวด หิวกระหาย ร้อนหนาว ยุ่งวุ่นวาย ฉันก็ไม่เคยต้องการให้มันแก่มันก็แก่ แล้วคนที่ตายไปก่อนเราเขาไม่ต้องการจะตายมันก็ตาย
ในเมื่อร่างกายหรือขันธ์ ๕ มันมีความเลวทรามอย่างนี้ จิตเราจะคบค้าสมาคมมันเพื่อประโยชน์อันใด
ตั้งใจจับจุดไว้เพื่อพระโสดาบัน
#๑_ระงับความพอใจในขันธ์_๕ เสีย คิดว่าร่างกายมันตายอยู่ตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกไม่ลืมความตาย เป็นทั้งสมาธิและวิปัสสนารวมกัน
#๒_ทรงศีลให้บริสุทธิ์ ควรทำเป็นสีลานุสสติกรรมฐาน ทรงศีลให้เป็นกำลังฌาน คือ ทรงอารมณ์อยู่ในศีลตลอดวันตลอดคืน ไม่ยอมให้ศีลบกพร่องทางใจ ไม่ใช่ต้องไปนั่งหลับตาปี๋ ให้ลืมตาทำงาน คุยกับหมากับแมว หรือเจอะหน้าคนด่าคนนินทา ศีลเราทรงตัวไม่หวั่นไหวใช้ได้ เป็นการตัดสังโยชน์ ข้อ ๒ สีลัพตปรามาส
#๓_ตัดวิจิกิจฉา โดยการน้อมใจเคารพในคุณพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการ คือ ทรงพระกรรมฐาน ๓ ให้เป็นฌาน คือ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ให้ทรงตัว
#๔_ตัดสินใจทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานในชาตินี้ ไม่ต้องการเกิดเป็นคนรวยสวยแข็งแรง ไม่ต้องการเกิดเป็นเทพ เทวดา พรหม กำลังใจมุ่งพระนิพพานเป็นอุปสมานุสสติกรรมฐาน
การที่จะหลีกหนีบาปกรรมชั่วหรือนรกได้ ก็ต้องปฏิบัติให้ได้ทั้ง ๔ ข้อนี้ หรือตัดสังโยชน์ ๓ ประการได้ ท่านให้ชื่อว่าผู้เข้ากระแสพระนิพพาน คือ พระโสดาบัน ท่านผู้นั้นบาปเก่าทั้งหมดตามไม่ทัน ไม่สามารถถูกลงโทษได้แล้วก็ท่านผู้นั้นจะไม่มีการตกนรก ไม่เกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไปอีกทุกชาติที่เกิด จะวนเวียนเฉพาะเป็นมนุษย์ เทวดากับพรหม และต่อไปถ้ากำลังใจเต็มไม่สนใจร่างกาย ไม่สนใจเทวดาพรหมก็ไปนิพพาน
การเป็นพระสกิทาคามีก็มี ๔ ข้อ เช่นพระโสดาบัน แต่มีคุณธรรมเพิ่มขึ้นมาจากศีล ๕ ข้อ คือ กรรมบถ ๑๐ คือ เพิ่มอีก ๕ ข้อ นอกจากศีล ๕ แล้วคือไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล ไม่คิดอยากได้ของของผู้อื่น ไม่คิดผิดจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ คือ มีความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง คือ ไม่มีอะไรในโลกนี้จีรังแน่นอน มีแต่ความเสื่อมทรุดโทรมสูญหายแตกสลายในที่สุด
#การปฏิบัติจิตเพื่อเป็นพระอนาคามี คือ.. นอกจาก ๔ ข้อ แรกของการเป็นพระโสดาบัน และกรรมบท ๑๐ ของพระสกิทาคามีแล้วก็เพิ่ม
#๑_กายคตานุสสติกับอสุภกรรมฐาน ให้ชั่งใจควบกับสักกายทิฏฐิ นอกจากเห็นว่าร่างกายตายแน่แล้ว เมื่อมีชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความสกปรกเน่าเหม็นตลอดเวลา
#๒_ระงับความโกรธความพยาบาท ด้วยความเมตตา พรหมวิหาร ๔ หรือ ระงับด้วยญาณสมาบัติ ใช้วิปัสสนาญาณ คือ สักกายทิฏฐิควบคุมไว้ คนที่เขาโกรธเรา แกล้งเรา ด่าว่าเรา เขาด่าขันธ์ ๕ และขันธ์ ๕ ก็ไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว จิตเราก็ไม่ใช่ขันธ์ ๕ เขาอยากจะดุด่าก็เชิญว่าไปตามใจ เราไม่สะดุ้งสะเทือน คนด่าว่าเราเขาก็ตกนรกไปเอง
ความเป็นพระอรหันต์ นั่นก็เป็นเรื่องขี้ผงแล้วง่ายมาก เพิ่มเข้ามาจากร่างกาย ธาตุ ๔ คือ รูปทั้งหมดในโลกอย่าคิดว่าดีงาม
#๑_อย่าติดในรูปฌาน ที่เราเข้าฌานได้ว่าเป็นของวิเศษ รูปฌานก็คือร่างกาย ธาตุ ๔ คือ รูปทั้งหมดในโลกอย่าคิดว่าดีงาม
#๒_อย่าติดในอรูปฌาน คือ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณนัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญา นาสัญยตนะ ที่เราได้แล้วว่าเป็นของวิเศษ ให้ถือว่าเป็นกำลังใหญ่ที่ช่วยให้เราคือ จิตเข้าประหัตประหารกิเลส โลภ โกรธ หลง เท่านั้น ผู้ที่ไม่ได้อรูปฌานก็ไม่จำเป็น อรูปฌาน ก็คือ นามในขันธ์ ๕ มีสังขาร ความคิด เวทนา ความรู้สึก สัญญา ความจำ วิญญาณ ประสาท ไม่ใช่ของจิต
#๓_กำจัดมานะออกจากจิต อย่าทะนงตนว่าเป็นผู้วิเศษ ได้อภิญญา สมาบัติเราดีกว่าเขา เขาดีกว่าเรา เราดีเท่าเขา อารมณ์นี้ไม่ดีก็ทิ้งไปเสีย ด้วยการคิดว่า ทุกคนเกิดมามีทุกข์จากขันธ์ ๕ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นกัน ให้มีเมตตาเห็นอกเห็นใจทั้งคนและสัตว์
#๔_อุทธัจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน ไร้สาระ คือ คิดทางโลกไม่มี พระอนาคามีก็ฟุ้งไปในด้านของกุศลที่ไม่ตรงกับพระนิพพาน คือ คิดว่า แค่เทวดา พรหมก็พอ ท่านห้ามคิดแบบนั้น ให้จิตมุ่งตรงพระนิพพานเป็นพรหมก็ไม่พ้นทุกข์
#๕_อวิชชา เป็นสังโยชน์ข้อ ๑๐ ข้อสุดท้าย ตัดอารมณ์พอใจ (#ฉันทะ) อารมณ์รัก (#ราคะ ) ในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เพราะมีปัญญาเข้าใจแล้วว่า พระนิพพานเป็นแดนทิพย์ อมตะสูญจากความทุกข์ ความไม่แน่นอน สูญจากขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ มีอิสระเสรีจากบาปกรรม มีความสุขชั่วกาลนาน มีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอรหันต์ทุก ๆ พระองค์ ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืนมีความสุขหาเปรียบมิได้ ทุกอย่างเป็นทิพย์วิเศษ จิตเป็นสุขสมปรารถนาทุกประการ
พระพุทธเจ้าท่านตรัส บอกว่า พระนิพพานดับธาตุทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดที่โลกมี ดับขันธ์ ๕ หมด พระนิพพานไม่มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่มีรัก โลภ โกรธ หลง ไม่มีตัณหา อุปาทาน ไม่มีบาปกรรม ไม่มีร่างกายแบบคนนี้ แต่ว่า อายตนะ ตาหู จมูก ลิ้น กายทิพย์ มีจิตทิพย์ที่จะสะอาดบริสุทธิ์ มีกายโปร่งใสแพรวพราวสว่างไสว ไม่รู้สึกไม่มีระบบประสาทสมอง อยากรู้อะไรรู้ได้เพราะจิตเป็นทิพย์
ทุกข์ ใด ๆ ไม่มี แต่ความรู้สึกเป็นสุข มีเมตตา มีห่วงลูกห่วงหลานแต่ไม่เป็นทุกข์ เพราะท่านมีอุเบกขาไม่ต้องกินต้องถ่ายหรือหลับ ไม่มีการอ่อนเพลีย...
#โอวาทของหลวงพ่อเนียม_วัดน้อย
( #กล่าวถึงพระนิพพาน
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.