รู้กว้าง ๆ ไม่จำเป็นต้องไปโฟกัส หรือซูมเข้าไป ที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
แค่รู้ กว้าง ๆ สบาย ๆ แค่รู้ แค่รู้สึกไปนะ
วิบากกรรม เป็นสิ่งที่ต้องค่อย ๆ ชำระออก เราสะสมมาเนิ่นนาน อยู่ ๆ จะหลุดทุกสิ่งทุกอย่าง ดูมันจะง่ายไปถูกไหม ?
ก็แค่รู้ แค่รู้สึก ค่อย ๆ เพียรปฏิบัติไป ค่อย ๆ ชำระตนเองไป
สิ่งที่จะช่วยได้มาก ก็คือ ฝึกตามที่ลงสอนเป็นประจำ เช้า-ค่ำ อันนี้สำคัญยิ่งในการชำระตนเองนั่นเองนะ ก็ค่อย ๆ ชำระตนเองไป
ยุคนี้ เป็นยุคที่คนจะมีเรื่องวิบากมาก ความอัดแน่นข้างใน ต้องเข้าใจนะ
ในสมัยพุทธกาล ตอนที่พระองค์ตรัสรู้ขึ้นมา คนที่มีบุญบารมีเต็มเลย จะเจอก่อนเลย จะออกันมาช่วงแรก
ช่วงที่พระองค์ประกาศศาสนาแรกๆ สังเกตว่า คนบรรลุธรรมกันมาก เพราะว่าท่านที่มีบารมีธรรมเต็มแล้ว .. ก็จะมารอ
พอหลังจากนั้น ก็จะค่อย ๆ คลายตัวละ สังเกต 20 พรรษาหลังนี่ ก็จะเริ่มหลากหลาย ระดับรองลงไปแล้ว
พระธรรมวินัย .. ก็จึงเกิดมาก
เพราะว่า พวกที่อินทรีย์อ่อน จะเริ่มเข้ามามาก นั่นในสมัยที่พระพุทธเจ้าดำรงอยู่นะ แล้วนี่เราผ่านมา 2000 กว่าปีแล้วนะ จะถอยระดับลงมาขนาดไหน ?
เพราะฉะนั้น เป็นยุคที่คนมีวิบาก ที่ต้องชำระมาก เป็นเรื่องธรรมดา
แต่เราได้รับโอกาส ได้เป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ชำระตนเองเช่นกัน
เพราะฉะนั้น ให้เพียรชำระตนเอง ให้มีขันติ มีความอดทน อดกลั้น ก้าวเดินในวิถีที่ถูกต้อง
ถ้าเราไม่ชำระตอนนี้ เราจะไปชำระกันเมื่อไหร่ ?
ถ้าพ้นจากรอบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ? เราจะได้มีโอกาสอีก
และความหนักที่ดึงไปสู่ความมืดมิด เจ็บปวดทุกข์ทรมาน กว่าชีวิตบนมนุษย์โลก อย่างแสนสาหัส
เรื่องที่เราประสบตอนมีชีวิตอยู่นี้ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยนะ
เพราะฉะนั้น #โอกาส อยู่ต่อหน้าเรา ถ้าเราไม่ชำระกันตอนนี้ จะชำระกันตอนไหน ?
ก็พิจารณากันให้ดีนะ ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ชำระตนเอง คือ วิถี เป็นสัจธรรมเดียวกัน ของทุกดวงจิตในวัฏสงสารอยู่แล้ว
เราทำอะไรไว้ เราก็ต้องค่อย ๆ ชำระออกนั่นเอง . ธรรมบรรยาย โดย #พระมหาวรพรต กิตฺติวโร พระวิปัสสนาจารย์
…ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วไม่เกิดศรัทธา ก็แสดงว่า.. “ จิตใจยังมีความมืดบอดมาก “
.แม้แสงสว่างแห่งธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถ..” ส่องทะลุผ่านเข้าไปสู่ใจ “ เพื่อให้เห็นถึงความจริงที่ พระพุทธเจ้าได้ทรงรู้ ทรงเห็น
.ก็ต้องถือว่า.. “ เป็นบุคคลที่มีกรรมมาก “ เคยสะสมกิเลสตัณหา โมหะอวิชชา มามาก
.จนไม่สามารถรับธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าได้ . ………………………………………….. . พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี กำลังใจ ๑๐, กัณฑ์ที่ ๑๕๕ วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
หลวงพ่อชาสอนว่าขยันก็ปฏิบัติ ขี้เกียจก็ปฏิบัติ ถ้าใครไปอยู่ที่วัดหรือศูนย์ปฏิบัติธรรม สิ่งแวดล้อมช่วยให้เราชนะใจตัวเองได้ สามารถปฏิบัติทั้งๆ ที่รู้สึกขี้เกียจบ้าง แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว สิ่งแวดล้อมไม่เอื้อต่อการชนะใจตนเลย ตรงกันข้ามมีแต่สิ่งกระตุ้นกิเลสตลอดเวลา
เงื่อนไขหรือคุณธรรมสำคัญที่จะรับประกันว่าการปฏิบัติของเราจะสม่ำเสมอต่อเนื่องได้ก็คือฉันทะ ฉันทะ คือ ความอยากหรือความปรารถนาฝ่ายกุศล แต่ฉันทะจะเกิดขึ้นได้ด้วยการพิจารณาเห็นโทษของการไม่ภาวนา (ความทุกข์และกิเลสที่ไม่มีวันจบสิ้น) และคุณประโยชน์ของการภาวนาบ่อยๆ (ความเจริญด้วยสติ สมาธิ และปัญญา) จะเกิดด้วยการพิจารณามรณสติบ่อยๆ และจะเกิดด้วยการไม่หักโหม ไม่ทนต่อทุกขเวทนามากเกินไป เพราะถ้าสู้กับเวทนามาก ไม่นานจะเบื่อ ไม่อยากภาวนา ให้อดทนบ้าง แต่ก็ให้รู้จักประมาณ (ผู้ชอบทนเวทนานานๆ ถ้าเกิดเบื่อหน่ายหรืออคติต่อการภาวนา คงเป็นว่าเกินพอดีเสียแล้ว)
โดยสรุปแล้วผู้ที่จะก้าวหน้าในธรรมจนถึงขั้นปฏิบัติชอบ ต้องฝึกให้ชอบปฏิบัติเสียก่อน
พระอาจารย์ชยสาโร
#อานิสงส์รักษาอุโบสถศีล
การให้ทานอันใดๆ ก็ให้กันมามากแล้ว ย่อมมีผลานิสงส์มากเหมือนกัน แต่ยังสู้ผู้เข้ามาบวชเป็นตาผ้าขาว เป็นแม่ชีแล้วรักษาศีลอุโบสถไม่ได้ มีอานิสงส์มากกว่าให้ทานนั้นเสียอีก
ถ้าใครอยากได้บุญมาก ๆ เพื่อได้ไปสวรรค์ ไปพระนิพพาน หรือเพื่อการพ้นทุกข์แล้วละก็ ควรบวชเป็นตาผ้าขาว เป็นแม่ชี รักษาศีลอุโบสถเสียในวันนี้ ”
คำสอน:หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
#อาศัยซากศพเกาะข้ามแม่น้ำ
ถ้าหากไม่มีซากศพ เราจะข้ามไปโดยกำลังของตัว ก็กลัวจะข้ามไม่ได้ ก็อาศัยเกาะซากศพเน่าไปอย่างนั้นแหละ
พอไปถึงฝั่งเมื่อใด จะทิ้งเมื่อนั้น เพราะซากศพเป็นของปฏิกูล อาศัยซากศพสร้างคุณงามความดีเท่านั้น มิใช่เราจะมาหลงธาตุหลงขันธ์
การเกิดอีก จะเป็นกี่ภพกี่ชาติก็ตาม ถ้าหากเป็นธาตุเป็นขันธ์ จะต้องนำทุกข์มาให้
รู้ธาตุขันธ์ของตน ก็ไม่หลงธาตุขันธ์ของบุคคลอื่น
ให้ใจหลุดพ้นในชาตินี้ จะไม่ยอมเกิดอีกตายอีก
ทุ่มเทความพากเพียรลงไป หนักหนาเข้า เอาใจฝักใฝ่ ทำสม่ำเสมอ พินิจพิจารณาไม่หยุดไม่ถอย จะมีวันเป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และ อรหันต์ไปได้ #พระอาจารย์สิงห์ทอง #ธัมมวโร วัดป่าแก้วบ้านชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
#หัดมองให้เห็นสภาพร่างกายที่ตายแล้ว หัดมองให้เห็นร่างกายของตนเอง ที่ตายแล้วขึ้นอืดอยู่ในโลง เริ่มปริแตก มีน้ำเหลืองน้ำหนองไหลออกจากขุมขน เส้นผมเปียกแฉะด้วยเลือดด้วยหนอง ลิ้นที่เคยอยู่ในปากเรียบร้อยก็หลุดออกมาจุก นัยน์ตาถลนเหลือกลาน รูปร่างหน้าตาของตนเองขณะนั้น อย่าว่าแต่จะให้ใครอื่นจำได้เลย แม้ตัวเองก็จำไม่ได้ อย่าว่าแต่จะให้ใครอื่นไม่รังเกียจสะดุ้งกลัว แม้ตัวเองก็ยากจะห้ามความรู้สึกนั้น ผิวพรรณที่อุตสาหพยายามถนอมรักษาให้งดงามเจริญตาเจริญใจ ใส่หยูกใส่ยา เครื่องอบเครื่องลูบไล้ เครื่องประทินอันมีกลิ่นมีคุณค่าราคาแพงทั้งหลาย มีลักษณะตรงกันข้ามกับความปรารถนาอย่างสิ้นเชิง เมื่อความตายมาถึง ทรัพย์สมบัติสักนิด เมื่อตายไปก็นำไปไม่ได้
เมื่อความตายมาถึง ไม่มีผู้ใดจะสามารถถนอมรักษาทะนุบำรุงร่างกายของเขาไว้ได้ แม้สมบัติพัสถานที่แสวงหาไว้ระหว่างมีชีวิตจนเต็มสติปัญญา ความสามารถแม้ด้วยเล่ห์กล เพื่อใช้ทะนุถนอมรักษาเชิดชูบำรุงตัวของเรา ก็ติดร่างไปไม่ได้เลย แม้ร่างกายของเราก็ต้องทิ้งไว้ในโลก เป็นจริงดั่งพุทธศาสนสุภาษิตว่าทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้ ให้ความสุขความสมบูรณ์ ความสะดวกสบาย ความปกป้องคุ้มกันร่างของคนตายไม่ได้ ต้องปล่อยให้ร่างนั้นผุพัง เน่าเปื่อยคืนสู่สภาพเดิม เป็นดิน น้ำ ไฟ ลมประจำโลกต่อไป
ต้องตามพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “สัตว์ทั้งปวงจะทิ้งร่างไว้ในโลก”
#สมเด็จพระญาณสังวรฯ
#ธรรมดาจิตนั้นนะ_มันมีเวลาขยันและขี้เกียจ
ถ้าทำเพียรด้วยสัจจะ เราต้องทำเรื่อยทั้งที่ขี้เกียจ ทำจิตให้จิตรู้อยู่ การรู้ภายใน การฉลาดภายในจิตจะเป็นอย่างนี้ การทำทุกวัน บางทีสงบ บางทีไม่สงบ เป็นอนิจจัง
เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้นในจิตใจของเราแล้ว จะมองไปที่ไหน..จะมีแต่ธรรมะทั้งนั้น เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตลอดเวลา
#ธรรมะโอวาท #หลวงพ่อชา
"ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยก จะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
|