พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อาทิตย์ 07 พ.ย. 2021 5:49 am
#การให้ทานจะมากจะน้อย
#ถ้ายังมีโอกาสให้รีบทำ
"มีเงินแสนล้าน
ก็ช่วยตัวเองไม่ได้นะ
อยู่แอ้งแม้งเลย มันแก่แล้ว 
จะทำทานเองก็ไม่ได้
ถ้าลูกหลานไม่พาทำให้ก็ไม่ได้
นั่นแหละท่านจึงให้มีปัญญา
คิดดู ถ้าเรามีโอกาส
น้อย มาก รีบทำ
ถ้าตั้งใจแล้วนี่
มันจะฝังลึกอยู่ในจิตใจ
ร้อยปี พันปีก็ไม่มีคำว่าหาย”
หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ
วัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ. สกลนคร
…การมีครูบาอาจารย์
จึงสำคัญมาก จำเป็นมาก
.ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์แล้ว
เราก็จะเถลไถลกัน ออกนอกลู่นอกทางกัน
ถึงแม้ว่าจะรู้ทาง …แต่เดี๋ยวก็ลืม
.หรือถูกอำนาจใฝ่ต่ำที่มีอยู่ในใจ
มันจะชอบดึงเราให้ออกนอกลู่นอกทางกัน
.แต่พออยู่ใกล้ครูบาอาจารย์
เดี๋ยวท่านก็เรียกมาว่ากล่าวตักเตือน
มาสั่งมาสอน
.หรือถ้าท่านเห็นเรากำลังไปนอกลู่นอกทาง
ท่านก็จะเตือนจะบอก อย่างนี้ก็จะทำให้เรา
ไม่หลงทาง ไม่เสียเวลา
.อันนี้แหละ คือเรื่องของการที่เรา
จะสามารถปฏิบัติพัฒนาจิตใจของเรา
ให้ขึ้นสูงได้ ..” จะต้องมีครูบาอาจารย์ “.
…………………….……………………..
.
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
5 มีนาคม 2562
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี
เราทำดีก็ได้ดีนั้นล่ะ
ถึงใครเขาไม่เห็น
มันก็ปรากฎชัดอยู่ในใจเราอยู่ตลอด
ทำไปโลด ทำดี...ไม่มีคำว่าขาดทุน
โอวาทธรรม
หลวงปู่ปั่น สมาหิโต
วัดป่าศิริดำรงวนาราม อ.พรรณานิคม
จ.สกลนคร
#แนะแนวภาวนา
กายวิเวก ถ้ากายวิเวก มันก็เป็นเหตุให้จิตวิเวก
เป็นเหตุให้จิตวิเวก จากอารมณ์ทั้งหลายที่มายั่วยวนมัน
เป็นไวพจน์ต่อกายกันเป็นอย่างนี้ จิตวิเวก
อุปธิวิเวก คือกิเลสทั้งหลายนี้
มันรู้เรื่องว่าอะไรมันเป็นอะไร มันก็จะถอนออกได้
ในภาวะที่มันเป็นอยู่ มันมีประโยชน์แค่นี้
ถ้าผู้ไม่มีปัญญานั้น ก็จะยากหน่อยที่ออกมาวิเวก
ออกมาอยู่ป่าก็อย่าไปติดป่า ติดป่าก็จะเป็นลิงนะทีนี้
ไม่เคยเห็นต้นไม้ เต้นไปเต้นมา
คิดถึงแต่ต้นไม้อยู่นั้นแหละ
เป็นลิงเหมือนเดิมอยู่นั่นแหละ
ท่านตรัสว่าไม่ให้เป็นนั่น ไม่ให้เป็นนี่
พระพุทธเจ้าของเรา
ถ้าอยู่ที่สงบ ก็เอ้อสงบ ติดสงบอยู่ป่ามันสงบ
ถ้าออกมาจากป่ามันสงบไหม ? ไม่
แน่ะ!! จะทำยังไงล่ะที่นี้ !!?
พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เอาอย่างนั้น
ให้ที่ฝึกก็คือที่ฝึก อยู่ป่ามาสอบตัวเอง
ให้กรรมฐานมันเจริญขึ้นมา มีปัญญา
พอเข้าไปสู่เมือง เข้าไปสู่ผู้คน
เข้าไปสู่รูป รส กลิ่นเสียง โผฐัพพะ มันมีกำลัง
มันมีท่าทาง มันมีพิจารณา
ว่ามันไม่แน่นอนอย่างนั้น
มันก็เป็นเหตุอันหนึ่ง ช่วยกำลังเรา
เทศนาธรรม บางช่วงบางตอน
หลวงปู่ชา สุภัทโท
แนะแนวภาวนา เทศน์อิสาน
คนเราสมัยเนี้ย เขาชอบพากันเเต่เดินทางแสวงหาครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ก็ดีอยู่ แสวงหากันไปทั่วจนรถยางแตกยางรั่วไปกี่คันแล้วแม่นบ่ มีแต่เเสวงแต่ไม่รักษา จะได้อะไรก็ได้แต่แสวงหา แต่ไม่ปฏิบัติให้ทราบให้เห็นด้วยตนเอง พระพุทธเจ้าสอนให้รักษา กาย วาจา ใจ เราเองนี้น่ะ...
โอวาทธรรม
หลวงปู่แผ่นทอง จาครโต
".. เกิดมา เป็นมนุษย์ในโลก...!!
แม้แต่สตางค์หนึ่งก็ไม่ได้ติดมือมา
ครั้นดับขันธุ์สิ้นชีวิต...ไปเล่า...!!
สมบัติทั้งปวง ก็ไม่ได้ติดตามไป
เงินทองกองแก้ว เขาก็เอาใส่ปากให้
ก็ไปทิ้งที่กองไฟ... ผลที่สุด..."
#ได้ผ้าขาว_ห่อปากหม้อเท่านั้น
#หลวงปู่สิงห์_ขนฺตยาคโม
"เรื่องของใจนี่สำคัญที่สุด
ร่างกายเราก็เป็นแค่ธาตุ 4ดิน น้ำ ไฟ ลมมาประชุมกัน แล้วมีดวงจิต ดวงวิญญาณผู้รู้มาครองร่าง
เรื่องของใจนี่สำคัญที่สุด ถ้าฝึกอบรมจิตใจ ให้คิดแต่สิ่งดีๆได้ ก็จะพากาย วาจาไปทางดี ถ้าไม่อบรมจิตใจตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไปตามกิเลสกิเลสก็จะมีแต่พาลงทางต่ำเสมอไปล่ะ
ฉะนั้นให้เราเชื่อหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าท่านวางคำสอนกี่หนทางให้พวกมนุษย์เดินตาม ทางนี้ไปทางนรก ทางนี้ไปทางสวรรค์ ทางนี้ไปพรหมโลก ทางนี้เข้าสู่พระนิพพาน
ตามกำลังศรัทธาที่เราจะตั้งใจปฏิบัติ เมื่อรู้หนทางแล้วต้องปฏิบัติ เลือกทำเอานะเราเท่านั้นจะต้องเป็นผู้ลงมือกระทำ"
โอวาทธรรม
หลวงปู่บุญทัน ฐิตสีโล
#ทำทานศีลภาวนา
#ทำไปเรื่อยๆ #อย่าไปเร่งๆ
มันเหมือนมะนาว ถ้ายังไม่แก่ บีบมันก็ไม่มีน้ำ แต่ถ้ามันแก่ สุกงอมเต็มที่แล้ว เอามาบีบ น้ำมันก็ไหลโจ้กๆ เลย
#ทำความดีทำไปเรื่อยๆ
#ทำไม่หยุดๆ
โอวาทธรรม:
องค์หลวงปู่ทุย ฉันทกโร
วัดป่าดานวิเวก จ.บึงกาฬ
การครองเรือน มันจะไปวิเศษวิโสอะไร มีแฟนก็ทุกข์กับแฟน ต่อให้มีอีก มากมายเท่าไร มันก็ไม่พ้น ต้องทุกข์กับคนนั้นอยู่ดี
เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ อยู่อย่างนั้น ไม่จบไม่สิ้น สุขแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ต้องทนทุกข์อย่างแสนสาหัสอยู่ในโลกใบนี้ ตัวยังไม่รู้จักเข็ดอีกหรือ
พิจารณาดูสิ ของเหล่านี้ มันมีอยู่ประจำโลก โลกอันจอมปลอมนี้ ล่อหลอกกันอยู่อย่างนี้
ใครมาเกิดในโลกใบนี้ ก็ต้องเจอของเก่า ๆ เดิม ๆ แบบนี้ พิจารณาดูสิ
สู้ฝึกจิตของเจ้าของไม่ได้หรอก ถ้าใครฝึกได้ถึงขั้นถึงภูมิแล้ว มันเหนือโลก เหนือวัฏสงสารเลยนะ นี่สิ ถึงจะวิเศษของจริง หัดคิดพิจารณาดูบ้างสิ
#โอวาทธรรม
#หลวงปู่ปรีดา(#ทุย) #ฉันทกโร
#วัดป่าดานวิเวก (#วัดดงศรีชมภู) อ. โช่พิสัย
จ.บึงกาฬ
ที่ไปสวรรค์—เพราะเสียงอรรถเสียงธรรมนั้นมีอยู่มากนะ /-
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
#โทษของกาม
พระอาจารย์เปลี่ยนได้พบกับเพื่อนสนิทเมื่อครั้งเป็นฆราวาสคนหนึ่ง ซึ่งมีลูก 4 คนแล้ว ท่านชักชวนให้เขาบวช เขาก็ปฏิเสธเพราะว่ามีครอบครัวแล้ว
ทำให้ท่านได้ข้อคิดเตือนใจตนเองให้เห็นโทษของกาม ซึ่งทำให้คนต้องติดอยู่ในโลกตลอดไป ไม่มีปัญญาที่จะหลุดพ้น ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ
ท่านได้อธิบายให้เพื่อนของท่านรับรู้โทษของกาม เมื่อเพื่อนไปเยี่ยมท่านที่วัดบ้านดงบังอีก
"การที่ยังไม่สามารถออกจากกามได้ จะทำให้ต้องรับภาระต่าง ๆ มากขึ้นไปอีก เมื่อแรกตนเอง ก็แบกเพียงขันธ์ 5 ของตนเท่านั้น พอตกเป็นทาสของกาม ก็ต้องแบกเพิ่มเป็น 10 ขันธ์
เมื่อหมกมุ่นอยู่กับกามนานเข้า ก็ต้องมีภาระในการที่จะต้องแบก
ขันธ์เพิ่มขึ้นอีก 5 รวมเป็น 15 ขันธ์ และขณะนี้จะต้องแบกทั้งสิ้น
30 ขันธ์ ซึ่งไม่ใช่ของเบาเลย
ฉะนั้นถ้ายังไม่สามารถตัดบ่วงกามให้ขาด ก็คงจะต้องแบกกันต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้วันที่จะจบสิ้นว่าต้องอีกกี่ภพ กี่ชาติ ในอนาคตข้างหน้า จึงจะเข้าสู่นิพพานได้
เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นทาสของกามมา นับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว"
#หลวงปู่เปลี่ยน #ปัญญาปทีโป
#ใจของเราแวะออกไปข้างรักมันก็เป็นทุกข์ #แวะออกไปข้างชังมันก็เป็นทุกข์
เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องแวะออกไปไหน ก็ต้องนิ่งอยู่แห่งเดียวภายใน ทำดวงใจให้รู้ไว้ ให้รู้เท่าสังขารไว้ ให้รู้เท่าวิญญาณไว้ ให้รู้เท่าสมมติของเราไว้
(เพราะ)
เราไปนึกระลึกเอา (สิ่งใด)
(สิ่งนั้น… มันจึงมี)
ถ้าเราไม่ไปนึกระลึกเอาแล้ว
มันก็ไม่มี ..
พระธรรมเทศนา กัณฑ์ที่ ๗
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร
พระธรรมเทศนาแสดงที่วัดเขาบันไดอิฐ จังหวัดเพชรบุรี พศ ๒๕๐๘
ม.ร.ว. ส่งศรี เกตุสิงห์ ถอดจากเทป อวย เกตุสิงห์ เรียบเรียง
คัดจากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ เมื่อ ๒๑ มกราคม ๒๕๒๑
"พวกเราเวลานี้ก็ฟังมากจนเหลือเกิน ในเมื่อฟังมากๆ ไม่รู้จักประมวล มันก็เสร็จแค่นั้นเอง เราก็ลองประมวลดูซิที่สอนๆมาทั้งหมดคืออะไรบ้าง ไล่ไปแล้วสรุปผลเนี่ยมันเข้ามาสู่อะไรกันแน่ นะ นอกจากกายกับจิตแล้วมันมีอะไร คำว่านอกจากกายและจิตนั่น กายน่ะมันมีอะไร ธรรมะทั้งหมดประมวลเข้ามาสู่กาย ถ้าจะเล่าถึงความไม่เที่ยง ก็เอาอะไรมาไม่เที่ยง จะเล่าถึงความเป็นทุกข์ เอาอะไรมาเป็นทุกข์ เราลองดูซิ เล่าถึงความเป็นอนัตตา เอาอะไรมาเป็นอนัตตา
ส่วนใจนั้นคืออะไร..เป็นผู้รับรู้ แล้วจะเกิดความรู้สึกตามเหตุที่กระทบ อันนี้เป็นเรื่องของจิต แล้วก็ใช้ปัญญาตรองเข้าไปแก้ไข ก็แก้ไขจิต เพราะฉะนั้นสรุปแล้วก็หมายความว่ามีกายกับจิต
ยิ่งจะมามองถึงอายตนะ ภายนอก ภายใน มันก็มีหก ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วก็ใจ เราลองดูเองก็แล้วกัน มองดูให้ดีๆ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นอายตนะหกภายใน อายตนะภายนอกล่ะ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ทั้งหลายเหล่านั้นมันหมายความว่ายังไง ก็ใจเราหลงใช่ไหม แล้วหลงเรื่องอะไร ลองดูซิ มันหลงเรื่องอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเผื่อกายเหรอ ลองดูซิ ลองดูให้ดีๆ
ตาเห็นรูป ก็ลองมองดูดีๆ ต้องการ ไม่ต้องการ ต้องการเพื่ออะไร ไม่ต้องการเพราะอะไร เพราะอะไรจึงไม่ต้องการ สรุปแล้วไม่ใช่อยู่ที่กายกับใจเท่านั้นหรือ ลองไล่ดูซิ หูที่ฟังเสียงเช่นกัน เช่นกัน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายถูกต้องสัมผัส แล้วก็ใจมีอารมณ์ เราลองคิดดูก็แล้วกัน อ่านทวนไปดีๆซิ ทวนไปทวนมา ทบทวนให้ละเอียดลออซิ ได้ความว่ายังไงกันแน่ มันสรุปเข้ามาแค่นี้ มันไม่ไปไหนเลย จะเทศน์ไปไกลแค่ไหนก็มารวมอยู่แค่นี้
สรุปให้ถึงที่สุดแล้ว ทุกอย่างที่ท่านชี้ไปทั้งหมดเนี่ย ตามหลักพระไตรปิฎกลองอ่านดูมากมายเหลือเกิน สรุปแล้วทั้งหมดประมวลแล้วมันเข้ามาจุดเดียว คือทำให้ใจรู้สภาพความเป็นจริงของกาย ทั้งเราและเขา ได้แก่รูปอันนี้เท่านั้นเอง ว่าสภาพความเป็นจริงมันเป็นยังไง ให้จิตยอมรับ จะพลิกไปทางไหน แพลงไปทางไหนก็แล้วแต่ ประมวลเข้ามาแล้วเวลานี้ เราหลงเรื่องอะไร๊ มองให้ดีๆก็แล้วกัน ก็เพื่อต้องการให้ใจเข้าใจสภาพความเป็นจริงอันนั้น ไม่ทวนกระแส ให้เป็นไปตามสภาพความเป็นจริงของเค้าจริงๆดูซิ เท่านั้นเองน่ะ มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ถ้าใจของเรายอมรับสภาพความเป็นจริง คือสังขารร่างกายเนี่ย เป็นสภาพไม่เที่ยง แปรปรวน เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ให้เราเข้าใจสามอย่างเนี้ยให้ชัดๆออกมาซิ ให้จิตยอมรับจริงจริ้ง! ไม่ใช่รู้เฉพาะประสาทสมอง ให้ใจยอมรับสภาพอันนี้จริงๆซิ มันจะเป็นยังไงกันความรู้สึก นี่อยากลองถามผู้ปฏิบัติดู ลองดูซิ ถ้าใจยอมรับสภาพความเป็นจริงอันนี้อย่างถูกต้องแล้ว ความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง เราจะรู้ได้ทันทีว่า โลกนี้ไม่มีอะไรน่าหลง หลงเบื้องต้นก็หลงเราซะก่อน นอกจากหลงเราก็หลงเขา หลงเพื่อจะนำมาเพื่ออะไร ก็ดูเอง ตลอดดิ้นรนหาทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่ออะไร มองดู หรือจะมองในรูปกิเลส โลภ โกรธ หลง เอาแค่นั้นก็แล้วกัน โลภเพราะอะไร สิ่งที่ต้องการอยากได้ทั้งปวงนั้นเพื่ออะไร ก็ไม่ใช่เพื่อกายนี่หรือ โกรธ ทำไมถึงโกรธ ลองคิดให้ดีๆซิ นี่ก็เป็นเรื่องของจิต โกรธ กลัวเขาจะไม่นิยมเรา เขาดูถูกเรา กลัวคนอื่นหาว่าเราไม่ดี กลัวจะไม่มีเพื่อนฝูง กลัวคนจะไม่รัก ไม่นับถือ กลัวเขาจะนำไปนินทาต่อไป อะไรต่างๆทั้งหมดนี้ มันเพื่ออะไรอีก ลองอ่านดูดีๆ มันหนีไปไม่พ้น หลง คืออะไรหลง ก็มีหลงรักกับหลงชัง ก็แค่นั้นเอง หลงรักกับหลงชัง หลงรักเอามาเพื่ออะไร ชังทำไม ลองดูซิ ถ้าไม่เผื่อเรื่องแค่นี้ เนี่ยต้นตอมันไปจากนี่ทั้งหมด ต้นตอ
เพราะเรายึดว่าเราเป็นเรา อันเนี้ยขึ้นมาก่อน มันก็โยงใยเข้าไปหาอย่างอื่น ลามปามไปหาอย่างอื่น สรุปแล้วตัวยืนพื้นจริงๆก็คือตัวเรานี่เอง คือกายของเรานี่ ที่เราหึงเราหวง เราดิ้นรนหาทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อกายของเรา อันนี้ลองคิดดูดีๆเถอะ แล้วก็เรื่องกายเรื่องจิตเนี่ยสองอย่างมันพัวพันกันอยู่
โดยสรุปผลแล้วคืออะไร เพื่อหาวิธีให้ใจยอมรับสภาพความเป็นจริงว่า สิ่งเหล่านี้ มองดูดีนะๆ สิ่งเหล่านี้ สิ่งที่เรากำลังหลงอยู่เหล่านี้ เราเป็นต้นตอ ตัวต้นตอที่เราดิ้นรนทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อเขา ป้องกันทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไม่มาขัดขวางต่อสิ่งทั้งปวงที่เราจะนำมาเพื่อเขา อะไรสุดแล้วแต่ มันโยงใยกันจากตัวนี้ ถ้าเรามาเข้าใจตัวนี้ไม่ใช่เรา เพียงแค่ธาตุประชุมกันอยู่ เขาจะต้องสลายไปวันหนึ่งแน่นอน ตัวของเราจริงๆคือใจ..จะต้องไปต่อภพ ให้มันชัด!ออกมาซิ ให้มันชัดออกมาจริงๆ ลองมองให้มันชัดๆซิ ถ้าเราสามารถรู้กายของเรานี้อย่างถูกต้องตามสภาพความเป็นจริงของเขาแล้ว อะไรมันเป็นสิ่งที่น่าหลงในโลกนี้ ถ้ามันยอมรับอย่างเดียวแล้ว มีแต่สิ่งที่น่าเศร้าสลด มองแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง เป็นสิ่งที่ไม่น่าหลง เราจะเห็นได้ชัดด้วยตัวของเราเอง อันนี้
อะไรมันหลงล่ะ ก็ใจนั่นแหละ หลงรักหลงชังก็คือใจนั่นแหละ มันเกิดขึ้น แล้วก็ใจตัวนั้นแหละ..มันมายึดว่ากายนี้อีกซะล่ะ เป็นของเขา เขาก็ต้องการสิ่งเหล่านั้นมาปรนเปรอนี้ ป้องกันสิ่งที่ขัดขวาง จึงได้มีความโกรธขึ้นมา เขามาทำลายสิ่งนั้นสิ่งนี้ เขาดูถูกเรา กลัวจะไม่มีลาภสักการะ กลัวคนเขาจะว่าเราไม่ดี กลัวจะไม่มีชื่อเสียง กลัวจะไม่มีลาภสักการะ ไอ้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นซึ่งเป็นโลกธรรมแปดนั้น ไอ้ตัวที่มันเล่นละครที่กระโดดโลดเต้น ก่อให้เกิดทุกข์วุ่นวายอยู่นั้นคือจิต เนื่องจากมันหลงกายของตัวเองเป็นเบื้องต้น จึงไปหลงกายผู้อื่น จึงไปหลงสิ่งต่างๆที่จะเอามาบำรุงปรนเปรออะไรส่วนร่างกาย ซึ่งเขายึดว่าเป็นเขาอยู่นี่ อันเนี้ยมันหนีไปไหนไม่พ้น
พระไตรปิฎกทั้งกือ อ่านไปเถ๊อะ..สรุปแล้วมันประมวลลงมานี่ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้สอนให้พิจารณาเข้าใจสภาพของง่ายๆ แค่สามอย่าง สภาพของความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จะไปเอาอะไรมากมาย เอาตัวเนี้ยเป็นหลักยืนพื้น แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติ ยัดเยียดเอาความจริงเข้ามาให้จิตรับซะ"
หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.