Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

ความท้อถอย

พุธ 10 พ.ย. 2021 8:14 am

“การที่เราระลึกถึงครู ถึงผู้มีบุญมีคุณต่อเรามีพ่อแม่ ครูบาอาจารย์เป็นสำคัญมาก การกระทำความระลึกถึงท่านผู้ควรระลึกบูชาเช่นนี้ เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่เป็นมานมนาน ต้องทำการเคารพบูชาซึ่งกันและกัน และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านผู้มีบุญมีคุณแก่เรา นี่เป็นขนบประเพณีอันดีงามสำหรับมนุษย์เรา ขอให้ทุก ๆ คนจงจำเอาไว้ และทำความเคารพระลึกถึงบุญถึงคุณของครูอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้วิชาและความประพฤติการงานแก่เรา ด้วยเจตนาที่อ่อนน้อมถ่อมตนจริง ๆ
.
ผู้ใดเป็นผู้รู้จักบุญรู้จักคุณของพ่อของแม่ ของครูของอาจารย์ ผู้นั้นจะมีความเจริญ จะเป็นผู้มีเสน่ห์ ไปที่ไหนมีคนรักชอบ เพราะเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ย่อมเป็นที่รักที่เคารพนับถือของเพื่อนฝูง ตลอดถึงผู้ใหญ่ก็มีความเมตตา ผู้น้อยก็มีความเคารพรักและนับถือ เพื่อนฝูงกันก็มีความสนิทตายใจเพราะความเป็นคนดี”

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมนักเรียน ณ ร.ร.บ้านตาด จ.อุดรธานี
เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๒๒









...เป้าหมายของการนั่งสมาธิ
“ก็เพื่อควบคุมความคิด”

.ไม่ให้คิดเรื่อยเปื่อย
ไปตามกระแสของอารมณ์
ที่มีอยู่ภายในใจ ที่คอยผลักดัน
ให้ไปคิดเรื่องนั้น คิดเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ

.ถ้าไม่เจริญสติ ไม่ทำสมาธิ
“ อารมณ์จะฉุดลากใจ..ให้คิดทั้งวันทั้งคืน “
จนเหน็ดเหนื่อยฟุ้งซ่าน
ไม่สบายอก ไม่สบายใจ

.นานๆ..จะมีความสุขสักครั้ง
“ ถ้า คิดไปในทางธรรมะ “.
......................................…….
.
จุลธรรมนำใจ17กัณฑ์398
ธรรมะบนเขา 26/4/2552
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








เรื่องดีขนาดไหน เรื่องไม่ดีขนาดไหน ผ่านไปแล้วจะเป็นอดีตไปเสีย
ถึงเรื่องปัจจุบันทั้งหมดที่สุด ก็จะต้องกลายเป็นเรื่องอดีตไป
ผ่านไปทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่จะไม่เป็นอดีต
จึงว่าอะไรที่เป็นปัจจุบันนี่ อะไรที่คิดแล้ว ทำแล้ว พูดแล้ว
หากเป็นอกุศล อันนั้นให้หลีก อันนั้นให้ระวัง
คิดแล้ว ทำแล้ว พูดแล้ว เกิดความเศร้าหมอง
อย่าไปคิด อย่าไปพูด อย่าไปทำ ทำแล้วเกิดความเศร้าหมอง
ความเศร้าหมองนี้ฝังลึก ทั้งๆ ที่เรื่องทุกเรื่องไม่ได้มีอะไร
เกิดขึ้นแล้วผ่านไป เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป"

พระอาจารย์แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร









#อารมณ์ขันของพ่อแม่ครูบาอาจารย์

หลวงพ่อ : เถ้าแก่มาหาหลวงพ่อบ่อย ๆ หน่อยนะ

โยม : ยังไม่ได้เป็น "เถ้าแก่" ครับ

หลวงพ่อ : คนเราต้อง"เฒ่า" ต้อง "แก่" เนอะ ต้องเฒ่าต้องแก่ทุกคน

(...หลวงพ่อและโยมหัวเราะ...)

บางคนหลวงพ่อเรียกเค้าว่า "เถ้าแก่" เค้าก็ดีใจ ที่แท้หลวงพ่อว่า "เฒ่าแก่" เป็นทั้งเฒ่า ทั้งแก่

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
บ่ายวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓








อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก
“อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก ไม่มีอำนาจใดทำลายล้างได้ แม้อำนาจของกรรมดีก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมชั่วและอำนาจของกรรมชั่วก็ไม่ อาจทำลายอำนาจของกรรมดี อย่างมากที่สุดที่มีอยู่ คือ อำนาจของกรรมดีแม้ให้มาก ให้สม่ำเสมอในภพภูมินี้ ก็อาจจะทำให้อำนาจของกรรมชั่วที่ได้ทำมาแล้วตามมาถึงได้ยาก ดังมีเครื่องหมายขวางกั้นไว้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ดังที่ท่านเปรียบว่าเหมือนวิ่งหนีผู้ร้ายที่วิ่งไล่ตามมา ถ้ามีกำลังแข็งแรง วิ่งเร็วกว่าผู้ร้าย ก็ย่อมยากที่ผู้ร้ายจะไล่ทัน ความแข็งแรงของผู้วิ่งหนีกรรมชั่ว ก็หาใช่อะไรอื่น คือความเข้มแข็งสม่ำเสมอของการทำกรรมดีนั่นเอง”

สมเด็จพระญาณสังวร






พยายามถือเอาโอกาสดีในชีวิตมาทำคุณประโยชน์
ทำบุญทำกุศลให้เต็มสติปัญญาความสามารถ
อย่าทำลายชีวิตเขา ไม่ว่าจะเป็นชีวิตเล็กชีวิตน้อยเพียงใด
ก็จงหลีกเลี่ยง อย่าเข้าไปแตะต้อง อย่าว่าแต่จะถึงกับให้เป็นให้ตายเลย
แม้ทำให้บอบช้ำไม่ว่าทางกายหรือทางใจก็อย่าทำ
ทำสติให้ดี ระลึกไว้ให้มั่น ว่าจะไม่ทำชีวิตใดให้ชอกช้ำด้วยฝีมือเรา โดยเฉพาะชีวิตของเราเองด้วย

สมเด็จพระญาณสังวร






เรื่อง "กรรมเก่าแก้ไขไม่ได้ ให้เร่งสร้างกรรมดีหนีกรรมชั่ว"

(คติธรรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

การที่จะรู้กรรมเก่าอะไรในอดีตนั้น ไม่เป็นปัญหาสำคัญ ในเมื่อเรารู้แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ "กรรมที่เราทำลงไปแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะแก้ได้" มีทางเดียวว่าเราเชื่อกรรม และเชื่อผลของกรรม เชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ส่วนกรรมชั่วในชาติอดีตนั้น เราอาจจะมี แต่ในชาตินี้เรามีความสำนึกรับผิดชอบ ชั่ว ดี แล้ว และเชื่อกฎแห่งกรรมแล้วว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราก็พยายามละเว้นจากการทำชั่ว ทำแต่ดี ๆ เรื่อยไป ในเมื่อทำแต่ดีๆ เรื่อยไป ถ้าหากเรามีการทำสมาธิภาวนา เราสามารถจะบรรลุ มรรค ผล นิพพานได้ ส่วนกรรมเก่าแม้ผู้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน แล้วยังต้องรับกรรมอยู่ เช่น พระโมคคัลลาน์ เป็นต้น เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่ปัญหาสำคัญที่เราต้องไปแก้กรรมเก่า ทำแต่ความดีใหม่ในปัจจุบันนี้ให้มาก ๆ ขึ้น ถ้าหากว่ากรรมเก่าในอดีตมันอาจจะมีเพียงเล็กน้อย แต่เราทำในปัจจุบันให้เพิ่มมากขึ้น ๆ กรรมใหม่นี้ในเมื่อสะสมไว้มาก ๆ เข้า มันก็มีพลังหนุนจิตให้มุ่งเร็วขึ้น ในเมื่อผลกรรมใหม่นี้บันดาลจิตของเราให้วิ่งเร็วขึ้น กรรมเก่ามีวิ่งตามมา มันก็วิ่งช้าลง มันทำให้ห่างจากของเก่าเรื่อยไป ถ้าหากเราได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน แล้ว ถึงแม้ว่ากรรมเก่าจะตามมาทันให้ผลในอัตตภาพนี้ แต่ก็ไม่สามารถประทุษร้ายจิตใจของเราให้เป็นอย่างอื่นได้

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย








“…บาปเล็กๆน้อยๆ กะอย่าไปทำ
ให้รู้จักหลีกออกเว้นออก
ฝุ่นเข้าตามันกะอันน้อยๆ นั่นล่ะ
มันกะทำให้ขัดเคืองตา
เป็นอันตรายต่อตาได้
บาปกะคือกันนั่นล่ะ
เล็กๆน้อยๆ กะเป็นโทษเป็นภัย
กับจิตกับใจคือกันนั่นล่ะ
ให้มีความละอายต่อบาป
เกรงกลัวต่อบาป มันค่อยจะดี…”

โอวาทธรรม
หลวงปู่บุญมา สุชีโว
วัดป่าสุขเกษม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู







“วันคืนล่วงเลยไปบัดนี้พวกเรามัวทำอะไรกันอยู่ ให้เตือนตัวเราเองอยู่เสมอว่าวันคืนที่มันหมดไปหมดไปนั้น มันหมดไปพร้อมกับการกลืนกินชีวิตของพวกเราให้เหลือน้อยลงทุกวัน แล้วมันจะเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ที่เราจะให้โอกาสต่อจิตใจของเราได้ เพราะถ้าหากไม่มีธาตุขันธ์ไม่มีเรือนกายนี้แล้ว เราปรารถนาอยากจะอบรมจิตอบรมใจของเราอย่างไรมันก็ไม่มีโอกาส ถ้าเราไม่มีโอกาสอบรมจิตใจของเราได้แล้ว เราจะหาความสุขที่แท้จริงมาได้จากที่ไหน เราจะหาความพ้นทุกข์มาได้อย่างไร"

โอวาทธรรมคำสอนพระราชวชิรธรรมาจารย์
(หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด
#ธรรมวัดป่าบ้านตาด
#ธรรมหลวงพ่อสุธรรม







“เราต้องมีความละอายแก่ใจอย่างบริสุทธิ์ใจ
ไม่ใช่ว่าต้องให้คนอื่นมาเห็น จึงจะละอาย”

ท่านพุทธทาสภิกขุ






”ชีวิตมนุษย์นั้นมีขึ้นมีลง วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจตกต่ำ
ไม่มีสิ่งใดแน่นอน หรือยั่งยืนได้เลย หมั่นทำความดี
หรือสร้างบุญกุศลไว้ให้มากๆ เถิด แม้ยามที่ชีวิตตกต่ำ
ก็จะมีบุญกุศลหนุนนำ ช่วยให้พ้นจากความมืดมิด
ได้อย่างแน่นอน บุคคลที่เป็นคนดีนั้น ย่อมเป็นที่รัก
ไปทั้งสามโลก”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ






อานิสงส์จากความสงบ ทำให้เค้ามาโมทนายินดีแล้วเค้าได้ผลใหญ่

หลวงพ่อจิตโต บ้านสบายใจ







ให้ละกิเลสออกจากจิตให้หมดทุกคน กิเลสนี้แหล่ะทำให้คนเรา
เดือดร้อนวุ่นวายอยู่ไม่มีที่สิ้นสุด

กิเลสนั้นท่านย่นย่อเข้ามา ก็คือความโกรธ ความโลภ ความหลง ๓ อย่างนี้เท่านั้น

ทำไมจึงเกิดมาสร้างกิเลสให้มากขึ้นไปทุกภพทุกชาติ ทำไมหนอ ใจคนเราจึงไม่ยอมละ การละไม่หมดสักที ในชาติเดี๋ยวนี้ให้ตั้งใจละ ทั้งพระและทั้งเณร ญาติโยมทั้งหลาย

ความโกรธเมื่อเกิดขึ้น อย่าโกรธไปตาม ถ้าไม่ได้โกรธไปตาม มันจะตายเชียวหรือ ? ทำไมจึงไม่ระลึกอยู่เสมอๆ ว่า เราจะละความโกรธให้หมดสิ้นไปในเวลาเดี๋ยวนี้ๆ

อย่าได้มีความท้อถอยในการสร้างความดี มีการรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ พร้อมทั้งการเจริญสมาธิภาวนา ฆ่ากิเลส ตัณหาให้หมดไป ใจจึงจะเย็นเป็นสุขทุกคน

#คติธรรม
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร








ถาม :
การสงเคราะห์บิดามารดา ซึ่งเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมาก ทำให้เราเครียดและทุกข์ใจไปด้วยในหลายครั้ง เราจะมีหลักในการคิดอย่างไรให้ไม่เป็นบาปอกุศลกับบิดามารดา
ตอบ :
ก็เราเคยทำแบบนั้นกับพ่อแม่มาก่อนหรือเปล่า ตั้งแต่วันที่เราเกิดมาเราเคยทำแบบนั้นกับพ่อแม่ไหม มีแต่อาละวาดพ่อแม่ มีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ก่อกวนพวกท่านมาตลอด แล้วพ่อแม่วางจิตวางใจไว้อย่างไร พวกท่านเคยอาละวาด ทุบตี ด่าทอเราบ้างหรือเปล่า เราเกิดมาจะแหกปากร้องจนดึกดื่นอย่างไร จะถ่ายอย่างไรก็ตาม พ่อแม่อดหลับอดนอนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยหิว เราไม่เคยเกรงอกเกรงใจพ่อแม่เลย เอาแต่ใจของเราเอง แล้วพ่อแม่เคยอาละวาดใส่เราบ้างไหม พอมาถึงคราวนี้พ่อแม่จะใช้วิธีการที่เราทำตอนเราเกิดขึ้นมาบ้างแล้วเราจะไปเอาเปรียบพวกท่านได้อย่างไร เราก็ต้องยอมรับบ้าง พ่อแม่ยังยอมรับเราได้แล้วทำไมเราจะยอมรับพ่อแม่บ้างไม่ได้หรือ ไม่ว่าอย่างไรเราต้องยกไว้ว่านี่คือพ่อแม่ของเรา ไม่มีใครที่จะประเสริฐมีพระคุณยิ่งใหญ่ไปกว่าพ่อแม่อีกแล้ว

ธาตุขันธ์ร่างกายนี้มันเป็นสมบัติของพ่อแม่ให้มา ให้มาแล้วพวกท่านยังมาทะนุถนอม มาอุปัฏฐากให้มันเติบโตขึ้นมา ป้องกันภัยอันตรายทั้งหลายให้กับเรือนกายนี้ให้มีความปลอดภัยและเติบใหญ่ขึ้นมา พอถึงเวลาที่พ่อแม่แก่เฒ่าไม่สามารถใช้เรือนกายของตนเองได้อย่างคล่องแคล่วสะดวกสบายเหมือนแต่เก่าก่อน ท่านก็ปรารถนามาใช้เรือนกายที่เราครองอยู่ในปัจจุบันนี้มาทดแทนเรือนกายที่ท่านครองอยู่ เมื่อพ่อแม่มาหวังใช้เรือนกายที่พ่อแม่ดูแลรักษา หากท่านใช้ได้ไม่ถูกใจก็เกิดการด่าทอ มันก็เป็นไปตามพื้นเพนิสัยของพ่อแม่ที่แตกต่างกัน บางคนละเอียด บางคนหยาบ เราผู้เป็นลูกก็ต้องยกประโยชน์ให้แก่พ่อแม่ เหมือนสมัยที่เราเกิดขึ้นมา พ่อแม่ยกประโยชน์ให้เราว่าเราเป็นเด็ก ตอนนี้เราก็ต้องยกประโยชน์ให้พ่อแม่ว่าท่านเป็นคนแก่ ไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถรองรับได้เราก็โต้ตอบ อันนั้นไม่ถูกต้อง

เราต้องคิดย้อนมาว่าบางสิ่งบางอย่างถ้ามันขาดเหตุขาดผลไป เราก็อธิบายให้ท่านฟัง ถ้าเรายอมรับ เราเคารพ อ่อนน้อมถ่อมตน ยินดีรับภาระของพ่อแม่มาเป็นภาระของเรา พ่อแม่นั้นรักลูกของตนเองมากที่สุด ถ้าท่านเห็นว่าเราน้อมเข้าไป ยินดีพอใจในการดูแลสุดกำลังความสามารถของเรา เชื่อเถิดว่าความก้าวร้าวของพ่อแม่ต่าง ๆ อาจจะคลายลง เพราะท่านเห็นคุณค่าและความจริงใจของเรา ต่อไปพ่อแม่อาจจะอ่อนโยนกับเราขึ้นมาก็ได้ ฉะนั้นให้เราคิดกลับกันว่า ในขณะนี้พ่อแม่เป็นอย่างนั้นแล้วเราจะไปโต้ตอบ แต่เราก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน เราเกิดมาพ่อแม่เคยโต้ตอบเราดังที่เราคิดอยู่ในขณะนี้ไหม เราคิดย้อนมา เปรียบเทียบมา เราก็ยอมรับพ่อแม่เราได้

ก็ขอฝากไว้ด้วยนะ การโต้ตอบ การแข็งกร้าวต่อพ่อแม่มันไม่เป็นมงคลเลย ในพุทธศาสนา ในมงคลสูตร ๓๘ ประการ พระพุทธเจ้าท่านทรงประกาศไว้ว่า มาตาปิตุอุปัฏฐานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง การได้อุปัฏฐากบิดามารดาเป็นมงคลอันสูงสุด การอุปัฏฐากสามารถทำได้ ๒ ทาง:
๑. การอุปัฏฐากภายนอก คือ อุปัฏฐากทางร่างกาย ให้ท่านได้มีความสะดวกสบาย ด้วยการรับภาระหน้าที่การงานแทนท่าน หรือดูแลในการกินอยู่ การใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ท่านมีความสะดวกสบาย
๒. การอุปัฏฐากภายใน คือ อุปัฏฐากภายในจิตในใจของพ่อแม่ ทำให้ท่านมีความสบายอกสบายใจ เชื่อมั่นในตัวของเรา ว่าเรายินดีรับใช้พ่อแม่ ยินดีเป็นมือไม้ แข้งขาทดแทนร่างกายของท่านที่เสื่อมไป

เมื่อท่านมั่นใจแล้วว่าเวลาร่างกายของท่านเสื่อมไป ท่านก็มีอวัยวะทุกส่วนของเราที่จะมาทดแทนร่างกายที่เสื่อมไปของท่าน เมื่อท่านมีความมั่นใจเช่นนั้นแล้ว จิตใจของท่านก็มีความสบาย มีความสุขที่จะดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างแน่นอน ความก้าวร้าวของพ่อแม่ก็อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ หวังว่าทุกท่านทุกคนจะคิดย้อนกลับมาดูว่าในขณะนี้ที่พ่อแม่ใช้อารมณ์กับเรา เราได้ใช้มาก่อนพ่อแม่แล้ว เพราะฉะนั้นพ่อแม่เอาคืนบ้างก็น่าจะให้ท่านเอาคืนบ้าง

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔
ตอบกระทู้