Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

หลีกเลี่ยงผลกรรมไม่ได้

พุธ 17 พ.ย. 2021 8:56 am

#ความหลง

หลวงปู่สังวาลย์ ธมฺมสาโร พระธุดงคกรรมฐาน แห่งวัดป่าเขามโนราห์ ชายป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี ท่านพูดถึงเรื่อง ความหลง...หลงยศ หลงเกียรติ คนใหญ่เพราะหนาด้วยกิเลส คนหลงรูป ด้วยภาวะตัณหา วิภาวะตัณหา หลงกลิ่น หลงดอกของตนเอง หลงว่าตัวเองเป็นดอกไม้ที่ดี หลงว่าตัวเองเป็นมาลาที่ดี ความจริงคนเรายืนอยู่บนพื้นเดียวกันทั้งนั้นเลย เราอยู่ในโลกนี้เพื่อประคับ ประคองเอาชีวิตหาแต่ความดีทุกอย่างไป แต่ละคนก็ต้องเก็บเอาของใครของมัน อย่างพระพุทธเจ้าว่าไว้ จะมาเก็บเอาเกียรติ เอายศ เอาสมบัติไม่ได้ดอก เก็บสมบัติได้เมื่อเวลาเรามีชีวิตอยู่ เก็บไว้เพื่อให้ออกดอก ออกผลในภายในของเราให้ได้เท่านั้นเอง จะมีน้อยมีมากให้มันออกดอก ออกผล ให้มันประกอบด้วยลักษณะ ๔ อย่าง ให้งามอยู่ในธาตุทั้ง ๔ เราดับความร้อนของเราเอง คนอื่นไม่สามารถที่จะมาดับความร้อนใจของเราได้ จะไปเอาน้ำหัวเมืองอื่นมาดับไม่ได้ เราร้อนใครจะมาร้อนแทนเรา เราหนาวใครจะมาหนาวแทนเราได้ คนเราเกิดมาอุปนิสัย คนละสายพันธ์ุ...

หลวงปู่สังวาลย์ ธัมมสาโร








…ถ้าเรายังไม่สามารถภาวนาได้
“ อย่างน้อยก็ทำเรื่องบุญก่อนก็แล้วกัน “

.ทำบุญทำทานไป
อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไปทำบาป
ทำบาปแล้ว..จะทุกข์ทั้งตอนที่ยังไม่ตาย
และทุกข์ตอนที่ตายแล้ว

.ตอนนอนหลับก็ฝันร้าย สู้ทำบุญดีกว่า
หรือทำบุญไม่ได้..
“ ก็อย่าทำบาปก็แล้วกัน “
อย่าทำบาป..ถ้าอยากจะมีความสุข.
……………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๓







…อย่าไปคิดว่าชีวิตของเรา
จะอยู่ไปได้ตลอดเวลาเหมือนคนอื่นเขานะ

.เห็นคนแก่เขา ๗๐, ๘๐
เราอาจจะคิดว่า โอ๊ย.. เรายังอยู่อีกเยอะ

.ตอนนี้เราแค่ ๓๐ ยังมีอีกตั้ง ๔๐ ปี
ตอนนี้ขอเที่ยวก่อน

.ขอกิน ขอดื่ม ขอเล่นก่อน
ไว้เวลาใกล้ๆ ก่อน แล้วค่อยมาปฏิบัติ

.” มันอาจจะไม่มีเวลานั้นก็ได้ “.
……………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ
ธรรมะหน้ากุฎิ
๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๓







รู้บ้างไหม ?

มีใครรู้บ้างไหมว่า ในขณะที่มีผู้คนมาถวายปัจจัยสังฆทานแก่หลวงปู่จำนวนนับหมื่นบาทในแต่ละวัน พอถึงตอนเย็นท่านก็จะให้ลูกศิษย์รวบรวมไปถวายเจ้าอาวาสทั้งหมด ไม่เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเลย

มีใครรู้บ้างไหมว่า ยามบ่ายๆ ที่ปลอดผู้คน หลวงปู่จะเดินเก็บหนังยางที่หล่นอยู่ตามพื้นขึ้นมาแขวนรวมไว้ที่ตะปูข้างกุฏิ เพื่อให้โยมที่มาวัดได้นำไปใช้กัน

มีใครรู้บ้างไหมว่า หลวงปู่สรงน้ำโดยไม่ใช้สบู่เลย

มีใครรู้บ้างไหมว่า หลวงปู่ไม่เปลี่ยนอัฐบริขารง่ายๆ ทั้งๆ ที่มีคนมาถวายของใหม่ให้ใช้อยู่เสมอๆ บางครั้งเป็นของใช้ เช่น อาสนะนุ่มๆ ท่านก็จะเอามานั่งฉลองให้ผู้ถวายอิ่มใจ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านก็จะเอาไปรวมเป็นของสงฆ์เพื่อรอการจัดสรรต่อ แล้วท่านก็กลับมานั่งบนกระดานแข็งๆ อีกตามเดิม

มีใครรู้บ้างไหมว่า หลวงปู่ฉันมื้อหนึ่งๆ เพียงไม่กี่คำ ท่านฉันมื้อเพลก็เพียงเพื่อจะสงเคราะห์คนที่อยู่ไกลๆ ที่มาไม่ทันตอนเช้า ให้ได้มีโอกาสทำบุญ

มีใครรู้บ้างไหมว่า ที่นอนจำวัดของหลวงปู่นั้นเล็กขนาดแทบไม่มีที่พลิกตัว แถมท่านยังเมตตาอนุญาตให้ศิษย์ใช้ห้องจำวัดของท่านเป็นที่นั่งปฏิบัติกรรมฐานในสมัยที่วัดยังไม่มีสถานที่นั่งภาวนา

มีใครรู้บ้างไหมว่า หลวงปู่ท่านพยายามสอนด้วยการทำให้ดู

ปฏิปทาที่งดงาม

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ








“อภัยทานนี้ เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ
เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คือ
อภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด
จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใส พ้นจากการกลุ้มรุม
บดบังของโทสะ

โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธ
เพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเอง
เป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ
ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด

แต่โกรธแล้วหายโกรธ เพราะคิดให้อภัย
เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับ
ของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ







“จงคิดอยู่เสมอว่า เรามีเวลาเหลืออยู่แค่วันนี้
หรือชั่วโมงนี้ จะได้รีบกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์
มิใช่มานั่งโกรธ นั่งเกลียด นั่งคิดริษยากัน
เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์”

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม







"ให้กำลังใจนะ เอาใจช่วย
ใครกำลังได้รับวิบากกรรม
กับเหตุการณ์ใดๆ ในชีวิต
ทั้งที่กำลังดำเนินอยู่ และผ่านมาแล้ว
ขอให้เห็น ถึงผลของการกระทำ
ว่ามีเหตุจากการกระทำของเราทั้งสิ้น
อย่าได้โทษใครเลย ก้มหน้าน้อมรับ
ด้วยใจที่เข้มแข็ง พร้อมตั้งใจ
จะไม่เบียดเบียนใครๆ ไม่ว่าทางใด
และกระทำกรรมใหม่ ด้วยการมีสติ
อยู่ในปัจจุบันขณะ ด้วยใจที่ปลอดโปร่ง
โล่งเบาเถิด"

พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช







นั่งสมาธิ สมาธิเป็นเครื่องทำความสุข อย่างที่เราอยู่บ้านอย่างนี้ เราก็นั่งสมาธิอยู่บ้าน ใช้เวลานั่งสมาธิ เราจะเอาเวลาไหน เราก็เลือกหาเวลาเอา เพราะมันเป็นบ้านของเรา

บางคนก็ทำงานทั้งวัน เหมือนอย่างพวกเรานี่แหละ ทำงานเลิกงานไปแล้ว มาถึงบ้านก็อ่อนเพลีย ทำงานทั้งวันมันอ่อนเพลีย ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ร่างกายสังขารมันก็ลดลงไปเรื่อย ๆ

พวกเราไปถึงบ้าน ก็อยากนั่งสมาธิ เวลาว่าง ๆ ความอ่อนเพลียก็เข้ามาเหยียบย่ำร่างกายจิตใจของเราเอง บางคนก็ฝืน ฝืนทำ ฝืนก็ฝืนไม่ไหว เพราะมันเพลียมาก พอนั่งไป ก็ไม่ใช่ว่าไปนั่ง ไปนอน ไปนอนแล้วก็ขาดสติ หลับไปเลย

แต่มันก็ไม่ได้หลับสนิทเท่าไหร่ เมื่อมันไม่ได้หลับสนิท มันก็นอนไม่อิ่ม จะว่านั่งสมาธิก็ไม่ใช่ จะว่านอนสมาธิก็ไม่ใช่ละ กึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็เลยไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง

เพราะฉะนั้น เราต้องหาเวลา หาเวลาปฎิบัติ เวลาปฎิบัติของเรา เราก็พักผ่อนก่อน ถ้ากลับถึงบ้านมันเพลียก็นอนเลย นอนให้มันอิ่มเสียก่อน แต่เราก็กำหนดเวลานอน

บางคนกลับถึงบ้านมีเวลานอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม ตี 2 ตี 3 ก็ตื่นแล้ว เอาเวลาตื่นนั่นแหละมาปฎิบัติ

ถ้ามันนอนตื่นแล้ว มันอิ่มแล้ว มันก็จะไม่ง่วง เวลาเราตื่น เขาหลับ ไม่มีใครมารบกวน เราก็ได้นั่งสมาธิภาวนาอยู่แบบสงบ

ถ้าเรามีห้องกว้าง ๆ ก็เดินจงกรมเสียก่อน เดินให้มันหายง่วง ถ้ามันง่วงก็ล้างหน้าล้างตาดี ๆ ซะก่อน ให้มันสดชื่นซะก่อนแล้วค่อยเดินจงกรม เดินจงกรมให้มันหายง่วง ให้มันจิตปกติเสียก่อน แล้วค่อยนั่ง

โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์
#หลวงปู่ไม #อิทรสิริ
#วัดป่าเขาภูหลวง
อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ถอดเทปพระธรรมเทศนา
“ความรู้อันยิ่งใหญ่”
รพ.สมุทรปราการ 8 พ.ค. 59







คนที่จะละกามราคะได้ ต้องมีอารมณ์เบื่อ คือ นิพพิทาญาณเป็นกำลัง

ถ้าเราไม่มีนิพพิทาญาณไม่มีทางรอด เดี๋ยวเบื่อ เดี๋ยวอยากๆ อย่างนี้ไม่มีทางรอด เราต้องทรงอารมณ์ความเบื่อของเราเป็นอารมณ์เดียว เห็นแล้วก็เบื่อหน่ายๆ ไม่เห็นว่ามันจะมีความสุขอะไร

เพราะเราเห็นความทุกข์ได้ มองดูตัวเราเองจากประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาหรือคนที่เขามีครอบครัวแล้ว มันเห็นชัด สามารถบรรยายออกมาเป็นฉากๆ ได้

คือ ตั้งแต่ต้นเราไม่มี เรารู้ว่าเราไม่มีความวุ่นวาย พอเรามาติดอกติดใจในรูปโฉมโนมพรรณ เราก็เริ่มสูญเสียเวลาความเป็นส่วนตัว คอยแต่จะจดจ่ออยู่กับเรื่องของเพศตรงกันข้าม เวลาพบเจอกันก็จะต้องคุยกันอย่างนั้น จะต้องซื้อของให้อย่างนี้ จะต้องคอยเอาอกเอาใจ ยอมสละได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องสำคัญของเราเองก็ไม่เป็นไร เอาไว้ทีหลังก็ได้

เราก็ลองถามตัวเองดูสิว่า เราเห็นทุกข์ไหม นี่แค่เบื้องต้นก็ทำลายเวลาความเป็นส่วนตัวเราแล้ว ทำลายความสบายของเรา ทำลายความเป็นตัวตนของเรา เรากำลังถูกสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา ดึงเราให้ไปเป็นทาส ไปเป็นขี้ข้า

แล้วมันก็จะมีความวุ่นวายกว่านี้เมื่อเราเริ่มเข้าไปจับจองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ความวุ่นวายของเราก็จะเริ่มมากขึ้น

ปฏิฆะของเราก็จะเริ่มรุนแรงมากขึ้น ความหึงหวงของเรา ความอยากของเรา ความไม่อยากของเรา ความยึดเหนี่ยวในสิ่งนี้จะต้องเป็นสมบัติของเรา จะเริ่มมีกำลังมากขึ้น ความทุกข์ของเราก็มากขึ้น เพราะเราเริ่มยึดแล้ว

ยึดว่าเขาเป็นของเรา คนๆ นี้เป็นของเรา เราจะต้องเป็นเจ้าของ แล้วก็เกิดการระแวงเคลือบแคลงใจ คิดว่าเขาจะรักเราจริงหรือเปล่า คอยแต่จะจ้องจับผิด กลัวว่าเขาจะไปส่งสายตา จะไปพูดไปคุยกับคนนั้น จะไปเดินกับคนนี้ จะไปเที่ยวกับคนโน้น

เราจะไม่มีเวลาเป็นตัวของตัวเองเลย มันเป็นทุกข์อย่างนี้ แต่เราก็ไม่เห็น เพราะตัณหามันกำลังนำพาเราไป จนกว่าจะได้แต่งงานกันอยู่กินด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราว

ตอนนี้แหละเราก็พรรณนาของเราไปว่า ภาระที่เราไม่อยากทำ เราก็ต้องทำ เราอยากจะนอนสบาย เราก็นอนสบายไม่ได้ เราอยากจะกินให้สบาย เราก็กินสบายไม่ได้ เราอยากจะไปไหนมาไหน เราอยากจะมีอิสระ เราก็ทำไม่ได้ จะนั่งดูหนังดูทีวีก็ไม่ได้ ดูนานก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็หาว่าไม่สนใจ ไม่พูดด้วยก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็หาว่าเกลียดกันหรืออย่างไร

สรุปแล้วภายใน ๒๔ ชั่วโมงนี่ เราจะหาความเป็นอิสระได้ยากมาก
แล้วถ้าเมื่อไหร่เริ่มมีลูกขึ้นมา ก็งานหนักเมื่อนั้น แล้วมันก็เป็นงานหนักของเรา ที่เราต้องแบกมันไปยันแก่ยันเฒ่ายันตาย มันไม่ได้มีปุ๊บก็จบปั๊บ เลิกแล้วก็เลิกกันไป ไม่ใช่ ถึงแม้ว่าจะเลิกกันไปเดี๋ยวเราก็หาใหม่ #เพราะนิพพิทาญาณไม่มีในใจเรา

ฉะนั้น การปฏิบัติเพื่อละกามราคะ ถ้านิพพิทาญาณไม่เกิดขึ้นในใจเรา อย่าได้หวังผล ไม่มีทางชนะได้

สมาธิอาจจะมี อาจจะกดไว้ได้ แต่ถ้าไม่มีนิพพิทาญาณแล้ว สักวันหนึ่งมันก็หลุด เพราะแนวทางการปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนคือ

เราต้องปฏิบัติเข้าไปในวิปัสสนาญาณ ๙ เพื่อพิจารณาให้เห็นโทษเห็นทุกข์ของการเกิด การมีร่างกายที่ต้องแก่ ต้องเจ็บป่วยไข้ไม่สบาย ต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ต้องตายไปในที่สุด

จนกว่าจิตเราจะยอมรับความเป็นจริง เกิดนิพพิทาญาณ เกิดความเบื่อหน่าย เบื่อหน่ายกามราคะ เบื่อหน่ายปฏิฆะ จนไม่อยากกลับไปยุ่งไปวุ่นวายกับการครองเรือนอีก

จนจิตพอใจในการทรงเนกขัมมะ คือการทรงใจถือบวช จนท้ายที่สุดก็ตัดสินใจไม่อยากกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก อยากจะหนีจากวัฏฏะนี้ไปให้พ้นๆ

มีอารมณ์เข้าถึงสังขารุเปกขาญาณ คือวางเฉยในทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ร่างกายของตนเอง มีจิตมุ่งตรงเข้าสู่พระนิพพานนั่นแหละ

แต่ที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับบุพกรรมของแต่ละคน บางคนบำเพ็ญเนกขัมมะบารมีมามาก ก็อาจจะไม่มีคู่ บางคนบุพกรรมนำพาให้ต้องมาพบเจอกันมาอยู่ด้วยกัน ต้องมาสงเคราะห์ช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็มี ในส่วนนี้เราก็ต้องยอมรับนับถือกฎของกรรม

แต่ให้ตั้งกำลังใจไว้ว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ชาติต่อไปไม่มีสำหรับเรา ..

ที่มา คำสอน
#หลวงพ่อฤาษีลิงดำ #วัดท่าซุง







#คนเรานี่เกิดตายๆ #ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ #จนจำกันไม่ได้

ลืมสัญญาเดิมหมด บางคนจำกันไม่ได้ เอาลูกทำผัวบ้าง เอาพ่อทำผัวบ้าง เมามัวในการเวียนว่ายไม่จบสิ้น น่าสงสาร ในเมื่อเกิดมาแล้ว เกิดเพื่อดับกิเลสตนเองสิ ! ให้ละกามเด็ดขาดในภพนี้ ตัดให้ขาดจากการเป็นของคู่

#ปุถุชนเต็มขั้น #หนาด้วยกิเลส

#ได้แต่ศึกษา #ไม่นำมาปฏิบัติ
#แล้วจะรู้แจ้งอย่างไรเล่า !?

เราชาวพุทธ ให้เร่งเจริญอริยมรรค ๔ อริยผล ๔ ศาสนาอยู่ที่ขันธ์ ๕ มิใช่อยู่ที่อื่นเลย อย่าได้ประมาทนิ่งนอนใจนะ ! ให้ศรัทธามั่น ในโลกุตตรธรรม จะได้รู้แจ้งธรรม พ้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย

#หลวงปู่บุดดา #ถาวโร







คนที่มีอารมณ์พุทธจริต เข้ามาสมาบัติ8 ได้เร็ว

หลวงพ่อจิตโต บ้านสบายใจ







อารมณ์พอใจ - อารมณ์ไม่พอใจ อย่าไปฝืนและก็อย่าไปตาม

หลวงพ่อจิตโต บ้านสบายใจ






ตั้งแต่โลกเกิดมาอยู่อย่างนี้
โลกคือโลก โลกมีขึ้นมีลง
เพิ่นจึงว่าอนิจจัง เพิ่นสอนเฮา

อยู่โลกนี้ แม้จะสุขอย่างไร
มันก็ตาย ตัวนี้ตัวตาย
หากว่าจบตรงนี้บ่มีหยัง
เพิ่นเรียกว่า พระนิพพาน. . ."

#หลวงปู่บุญมี #ปริปุณโณ








“ ร่างกายนี้เป็นเพียงหุ่น
ให้ใจนี้เป็นผู้ชักใย ไม่ว่า
เราจะทำอะไร ทุกสิ่งทุก
อย่างที่เราทำขึ้น ใจเป็น
ผู้สั่งการ เพราะฉะนั้น
สำคัญจึงอยู่ที่ใจ

แล้วเราจะทำอย่างไรกับ
ดวงใจนี้ให้เป็นประโยชน์
เพราะว่าใจดวงนี้ จะเป็น
สิ่งที่ไม่ตาย ร่างกายตาย
ไปก็จริง แต่ดวงใจนี้จะไม่
ตายตามร่างกายนี้ไปด้วย

ท่านทั้งหลายการทำบาป
หรือการทำความชั่วไม่ใช่
ทำแล้วแล้วกัน แต่ทำแล้ว
ก็จะต้องได้รับผลของ
กรรม ที่พระพุทธเจ้า
ตรัสว่า “กัมมะทายาโท”
เป็นผู้ที่จะต้องได้รับผล
ของกรรมที่ตนทำไว้นั้น
ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

เพราะว่ากรรมจะต้อง
ตามสนอง เขาเรียกว่า
กรรมชั่ว หรือ ความไม่ดี
และในขณะเดียวกันที่
เราทำความดี ความดีก็
ตามสนอง ไม่ว่าเราจะไป
อยู่แห่งหนตำบลใดหรือ
จะไปเกิดในชาติใดฉันใด
กรรมดีนั้น จะต้องไปส่ง
ผลให้เราได้รับความสุข
และสมความปรารถนา.."

โอวาทธรรม
หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร
ตอบกระทู้