Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

ความหลงมัวเมา

พฤหัสฯ. 18 พ.ย. 2021 5:14 am

#อานุภาพการสวดมนต์และเสียงสาธุการ

สมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่นพักอยู่บนดอยปะหล่อง (เชียงใหม่) กับพระอาจารย์มนู ตอนเช้าเที่ยวบิณฑบาต พอให้พรเสร็จท่านได้สอนให้ชาวบ้านกล่าวสาธุพร้อมกันด้วยเสียงสูง ท่าน (พระอาจารย์มั่น) เล่าเป็นเชิงตลกว่า มือทั้งสองข้างของเขาชูขึ้นข้างบนเหมือนบั้งไฟจะขึ้นสู่ท้องฟ้าว่างั้น

วันหนึ่งท่านนั่งพักในส่วนที่ทำเป็นที่พักกลางวัน มีเทพพวกหนึ่งมาจากเขาจิตรกูฏ มาถามท่านว่า "เสียงสาธุ สาธุนั้น สาธุอะไร สะเทือนสะท้านทุกวัน พวกเทพทั้งหลายได้ฟัง มีความสุขไปตาม ๆ กัน" ท่านมาพิจารณาว่า เสียงอะไร ที่ไหน จึงระลึกได้ว่า เสียงสาธุการของชาวบ้านตอนถวายทานนั่นเอง พอรับทราบแล้วพวกเทพก็กล่าวว่า "เขาก็สาธุการด้วย" แล้วทำประทักษิณเวียนขวาลากลับไป ส่วนมากพวกเทพเขาจะทำอย่างนั้น ท่านพระอาจารย์มั่นเลยมาพิจารณาต่อได้ความว่า

"พุทธมนต์นั้นใครสวดก็ตาม จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์เช้า เย็น หรือชาวพุทธทุกคนสวดพุทธคุณ หรือระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล

พูดสวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล

สวดมนต์เช้าเย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฎิจักรวาล

สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้อนันต์จักรวาล

แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในสามภพและที่สุดอเวจีมหานรก ยังได้รับความสุขเมื่อแว่วเสียงพุทธมนต์ผ่านลงไปถึง ชั่วขณะหนึ่งครู่หนึ่ง (ชั่วช้างพับหูงูแลบลิ้น) ดีกว่าหาความสุขไม่ได้เลยตลอดกาล นี้คืออานิสงส์ของพระพุทธมนต์ ท่านอาจารย์ว่าอย่างนี้"
.............................................
คัดจาก รำลึกวันวาน
โดยท่านพระอาจารย์ทองคำ จารุวณฺโณ
พระอุปัฏฐากพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต








" ของที่ดีที่สุดในโลก...ไม่ใช่อื่นไกล
นั่นคือ ดวงจิตดวงใจที่ได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม
สมบัติอื่นล้วนเป็นเพียงแค่สมบัติทางโลก
รังแต่จะเป็นเครื่องร้อยรัด ให้มาเกิดแก่เจ็บตาย มาเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ..
ทุกสิ่งล้วนเป็น ส มุ ทั ย
อันมีจุดเริ่มต้นจากการ เ กิ ด ...ช า ติ ปิ ทุ ก ข า
การเกิดทุกครา นำมาซึ่งทุกข์ตัวอื่นๆ
ทั้งความแก่ ความเจ็บไข้ และความตาย
การพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ในสิ่งนั้น ก็ล้วนเป็น ทุ ก ข์
ถ้าเราพิจารณาเห็นทุกข์ เราจะเห็นความจริง
ว่ามันไม่มีตัว ไม่มีตน
ทุกข์ จึงเป็นธรรมวิเศษ ที่จะนำให้เราย้อนกลับเข้ามาพิจารณาที่ตัวตนของเรา ว่ามีจริงหรือไม่
เมื่อเห็นว่ามันเกิด แล้วมันก็ดับ...
แสดงว่า มันไม่มีตัวตนที่เป็นเราอยู่จริง

"พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า...
พระนิพพาน ไม่ได้อยู่ที่ไหน
แต่มันอยู่ที่ดวงจิตดวงใจ ของเรานั่นเอง
และเมื่อเราเห็นทุกข์มากๆ เข้า
มันจะเกิดความเบื่อหน่าย (นิพพิทา)
เบื่อหน่ายใน "ร่างกาย" ว่า มันเป็นทุกข์
เบื่อหน่ายใน "จิตใจ" ว่า มันหลงเข้าไปยึด
จึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย จิตจะคลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัด จิตจึงหลุดพ้น
"ห ลุ ด พ้ น" ไปจากอะไร ?
ท่านว่า ไม่ได้พ้นไปในท้องฟ้าอากาศ
แต่เป็นการ "พ้น" ไปจากร่างกายจิตใจ
ที่มันเป็นกองทุกข์...จึงจะเรียกได้ว่า ...หลุดพ้น”

คติธรรมหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร







“ฉะนั้นพระพุทธองค์จึงให้หาที่พึ่ง คือ หาใจของเรา ใจของเราเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยมากคนเราไม่ค่อยมองดูในสิ่งที่สำคัญ ไปมองดูที่อื่นที่ไม่สำคัญ เป็นต้นว่า กวาดบ้าน ล้างจาน ก็มุ่งความสะอาดล้างถ้วยล้างจานให้มันสะอาด ทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งความสะอาด แต่ใจเจ้าของไม่เคยมุ่งเลย ใจของเรามันเน่า บางทีก็โกรธ หน้าบูดหน้าบึ้งอยู่นั่นแหละ ก็ไปมุ่งแต่จานให้จานมันสะอาด ใจของเราไม่สะอาดเท่าไรก็ไม่มองดู นี่เราขาดที่พึ่ง เอาแต่ที่อาศัย แต่งบ้านแต่งช่อง แต่งอะไรสารพัดอย่าง แต่ใจของเราไม่ค่อยจะแต่งกัน ทุกข์ไม่ค่อยจะมองดูมัน ใจนี่แหละเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นพระพุทธองค์ท่านจึงพูดว่าให้หาที่พึ่งทางใจ อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ใครจะเป็นที่พึ่งได้ ที่เป็นที่พึ่งแน่นอนก็คือใจของเรานี่เอง ไม่ใช่สิ่งอื่น พึ่งสิ่งอื่นก็ได้แต่ไม่ใช่ของที่แน่นอน เราจะพึ่งสิ่งอื่นได้ก็เพราะเราพึ่งตัวของเรา เราต้องมีที่พึ่งก่อน จะพึ่งอาจารย์ พึ่งญาติมิตรสหายทั้งหลาย จะพึ่งได้ดีนั้น เราต้องทำตัวของเราเป็นที่พึ่งให้ได้เสียก่อน”

หลวงพ่อชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี









…ที่ไปของเรา ..เราไม่ได้ไปเมรุ
ร่างกายไปเมรุ

.พอร่างกายหยุดหายใจนี้
เรากับร่างกายนี้ก็แยกทางกันไป
ไปคนละทางกัน

.เราก็ไปอยู่ในโลกทิพย์
ไปสูง ไปต่ำก็อยู่ที่บุญหรือบาป
ว่าใครมีกำลังมากกว่ากัน

.ถ้ามีบุญมากกว่า
บุญก็จะเป็นผู้แสดงผล
ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ
บาปก็จะเป็นผู้แสดงผล .
……………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
ธรรมะหน้ากุฏิ
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๓









#ชีวิตที่ยิ่งใหญ่

คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น.

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต







"พิจารณาให้เห็นตามเรื่องของธาตุของขันธ์ว่า
เรามาอาศัยเขาอยู่ ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น
เดี๋ยวธาตุก้อนนี้ มันจะแตกสลายแปรสภาพอยู่แล้ว
แต่ในระยะนี้ เราไม่ตื่นตกใจอะไรหรอก
โน้นเวลาเจ็บ เวลาป่วย เวลาไข้ขึ้นมา
ใกล้จะตายขึ้นมานั้นหละ จึงจะรู้สึกตัว จึงกลัว"

หลวงปู่ศรี มหาวีโร







"หมากัดขาเรา เราอย่าไปกัดขาหมาตอบ
ถ้าไปกัด คงน่าเกลียดจริงๆ หมากัดขาเรา
ก็รักษาแผลไป ไม่ต้องไปกัดขาหมาตอบ
เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนอื่นตำหนิเรา
เราอย่าไปตำหนิเขาตอบ ใครทำให้เราโกรธ
เราอย่าหลงไปโกรธเขาตอบ ตบมือข้างเดียว
ไม่ดังหรอก"

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร







“อภัยทานนี้ เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ
เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คือ
อภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด
จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใส พ้นจากการกลุ้มรุม
บดบังของโทสะ

โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธ
เพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเอง
เป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ
ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด

แต่โกรธแล้วหายโกรธ เพราะคิดให้อภัย
เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับ
ของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ








#ถ้าไม่มีปัญหา..#นิพพิทาก็ไม่เกิด
หลวงปู่หา สุภโร (ภูกุ้มข้าว)

คุณ เวลาคุณปฏิบัติคุณก็ต้องการพระนิพพานใช่หรือเปล่า นิพพานก็ต้องหนีโลก ต้องเบื่อโลก ถ้ามันไม่มีปัญหาเข้ามาคุณจะหนีโลกได้อย่างไร ถ้าคุณยังหวังสุขในโลกนี้ นิพพานของคุณก็เป็นนิพพานหลอกตัวเองหล่ะสิ โลกเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดปัญหาที่เข้ามาคือบทเรียน มารทั้งหลายคือครูของเรา เมื่อคุณปฏิบัติสูงๆขึ้นไป ปัญหามันก็จะสูงขึ้นไปด้วย ปัญญาคุณแค่อนุบาลปัญหามันก็อนุบาล บทเรียนก็อนุบาล ครูก็ครูสอนอนุบาล แต่เมื่อคุณเรียนปริญญา ปัญญาระดับปริญญา ปัญหามันก็ต้องปริญญา บทเรียนก็บทเรียนปริญญา ครูก็ครูสอนปริญญา คุณเรียนปริญาจะเอาข้อสอบเด็กน้อยอนุบาลมาสอบคุณมันจะสมกับภูมิปัญญาคุณหรือปฏิบัติเพื่อแสวงหาปัญญา เมื่อปัญญาเราสูงขึ้น ปัญหามันก็สูงขึ้น บทเรียนมันก็ยากขึ้น มารมันก็เก่งขึ้น คุณสอบตกจะหาว่าครูออกข้อสอบยากหรือ หรือจะโทษว่าตนเองเตรียมตัวสอบไม่ดี คุณเอ้ยโลกมันสอนเรา บางทีก็สนุกสำราญ บางทีก็เศร้าโศก บางทีก็ทารุณโหดร้าย คุณต้องได้เรียนทุกบท คุณจะบอกว่าไม่ชอบวิชานี้ไม่เรียนมันไม่ได้ เราชอบสุขเราเกลียดทุกข์ แต่เราก็ต้องเรียนทั้งสองอย่าง เมื่อคุณผ่านการสอบหนึ่งครั้ง คุณก็จะพัฒนาไปอีกขั้นบทเรียนบางบทมันอาจจะแพงไปสักหน่อยต้องแลกมาด้วยเงินทอง อวัยวะหรือแม้แต่ชีวิต แต่คุณอย่าลืมนะวิชาดีราคามันต้องแพง โลกสอนให้คุณรู้จักโลกในทุกรูปแบบทุกรสชาติ คุณจะได้เบื่อโลกหน่ายโลกอย่างแท้จริง นิพพานของคุณก็จะเป็นนิพพานจริงๆ อย่าพึ่งลาออกจากโรงเรียนกลางคันก็แล้วกัน คุณเชื่อเถอะว่าถนนเส้นนี้ผู้ปฏิบัติล้วนผ่านมาแล้วทุกคน ท่านเหล่านั้นก็เคยทุกข์อย่างคุณท่านยังผ่านไปได้ ให้เชื่อมั่นในคุณพระพุทธเจ้าพระธรรมคำสั่งสอนและพระอริยะสงฆ์ที่ท่านผ่านไปก่อน ให้เชื่อว่าท่านเหล่านั้นไม่หลอกเราแน่ เข้าใจนะ

หลวงปู่หา สุภโร







ตั้งแต่โลกเกิดมาอยู่อย่างนี้
โลกคือโลก โลกมีขึ้นมีลง
เพิ่นจึงว่าอนิจจัง เพิ่นสอนเฮา

อยู่โลกนี้ แม้จะสุขอย่างไร
มันก็ตาย ตัวนี้ตัวตาย
หากว่าจบตรงนี้บ่มีหยัง
เพิ่นเรียกว่า พระนิพพาน. . ."

#หลวงปู่บุญมี #ปริปุณโณ







"..นอนมีระเบียบ
เราไม่นอนตามกิเลส
นอนตามคำสอน
ของพระพุทธเจ้า คือ
นอนตามพุทโธนั่นแหละ

เวลานอน ก็หายใจเข้าก็
"พุท" หายใจออกก็ "โธ"
จนมันหลับนั่นแหละ
เรียกว่า นอนกับธรรม

อันคนนอนตามกิเลส
ก็มือก่ายหน้าผากแล้ว
คิดแล้ว ทีนี้กลางคืนเป็น
ควัน กลางวันเป็นไฟ คิด
ไปตามอาสวกิเลสของตน

ผลสุดท้าย รุ่งเช้ามาก็ไป
กันใหญ่เลยไปตามกิเลส
เหงื่อแตกเหงื่อแตนเลย

ไฟเผาเจ้าของ
ออกมาจากข้างใน
มันมาจากไหน
ก็มาจากดวงใจของตน.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม







" ราคะ​ ความรักใคร่
ชอบใจ
โทสะ​ ความไม่พอใจ
ขึ้งโกรธ​คับแค้นแน่นอุรา
โมหะ​ ความหลงมัวเมา
เข้าใจผิดในอารมณ์​นั้นๆ
แล้วเข้าไปยึดถือเอามา
เป็นตน​ เป็นของตัว

ก็เข้ามารุมเผา
กายใจของตน
ให้เร่าร้อนเป็นทุกข์ "

โอวาทธรรม
หลวง​ปู่​เทส​ก์​ เท​ส​รังสี
ตอบกระทู้