#อดีตเป็นธรรมเมา #อนาคตเป็นธรรมเมา #ปัจจุบันเป็นธรรมโม
"มีผู้มาถามหลวงปู่แหวน (สุจิณโณ) ว่า หลวงปู่...ชาติก่อนฉันเป็นอะไรมา หลวงปู่แหวนจะตอบยังไงทีนี้ เราก็โอ๊ย ! จะตอบแบบไหนหนอหลวงปู่นี่
หลวงปู่ (แหวน) ท่านก็ตอบว่า เอ่อ ! เรื่องอดีตมันก็ผ่านไปแล้ว ดีก็ดีไปแล้ว เสียก็เสียไปแล้ว อย่าเอามาคิด มันเป็นธรรมเมาท่านว่า อดีตมันเป็นธรรมเมาท่านว่า
อนาคตมันก็ยังไม่มีไม่เป็น อย่าเอามาคิด อนาคตก็เป็นธรรมเมา ให้เอาปัจจุบัน ดีก็ดีในปัจจุบัน เสียก็เสียในปัจจุบัน ท่านว่าอย่างนี้
โอ้! เราก็โล่งอกไปเลย ท่านตอบไม่มีที่จะแก้ไขได้เลย พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย ท่านตอบตรงจุดจริง ๆ เรื่องอดีตอนาคตมันเป็นธรรมเมา ปัจจุบันเป็นธรรมโม
อยากรู้ธรรม เห็นธรรมก็ต้องเห็นในปัจจุบัน เห็นในปัจจุบันนี่ เหมือนเราชอบเกิด ไม่ชอบแก่ ไม่ชอบเจ็บ ไม่ชอบตาย ถ้าเกิดมาแล้ว มันต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ผู้ฉลาด ดีชั่ว มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันหมด ไม่มีใครเก่งกว่าใคร
ทีนี้ถ้าเราสร้างความดี ทำความดี เราก็ต้องเข้าใจตรงนี้ให้ได้ เข้าใจในปัจจุบันนี่ เราต้องทำเอาก่อน ไม่ใช่จะมีคนนั้นคนนี้มาบันดาลให้ เหมือนเราปลูกต้นไม้ ปลูกมะม่วง เราจะบังคับมันให้มันเกิด เอ่อ..มึง ปีหน้า ปีนั้น เดือนนั้น มึงเป็นลูกให้กูกินนะ มันก็ไม่ได้ มันไม่เป็น ปีสองปี สามปีมันจึงเป็นลูก มันเป็นหน้าที่ของมัน คนปลูกก็ต้องให้น้ำให้ปุ๋ยมันเท่านั้นเอง"
หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล จ. สกลนคร ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
…ความรู้ทางโลก ที่เรียนกันอยู่ในมหาวิทยาลัย ต่อให้ได้เรียนจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ได้ปริญญาเอก ได้เกียรตินิยม “ ก็ดับความทุกข์ไม่ได้ “ มีความรู้ทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น ที่จะดับได้. …………………………………………… . พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี สนทนาธรรมบนเขา วันที่ 2 มีนาคม 2561
"..การฝึกจิตให้เข้าถึง ความสงบนี้ เป็นสิ่งจำเป็น จริง ๆ ให้ถือเป็นเรื่อง จำเป็น ถ้าปล่อยจิตให้ เลื่อนลอยไปตามอำนาจ ของกิเลสก็มีแต่ทุกข์
อยู่ในปัจจุบันนี้ก็ทุกข์ใจ หนักใจมาก ละโลกนี้ไป สู่โลกหน้าก็ทุกข์ หอบเอา กองทุกข์เหล่านี้ไปด้วย มันเป็นอย่างนั้น มันทุกข์ หลาย บางคนก็ถึงฆ่าตัว ตายไม่มีทางออก "
โอวาทธรรม หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
การปฏิบัติธรรม มันไม่ได้วิเศษวิโสหรอก แค่ให้มันพ้นทุกข์ได้เท่านั้นแหละ
หลวงพ่อสุบรรณ สิริธโร
ผู้ปฏิบัติธรรมต้องถึงสิ่งที่ไม่มี และอยู่กับสิ่งที่ไม่มี
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
-หลวงปู่ดุลย์ ตอบปัญหาจิตภาวนา
"ลูกศิษย์ : คำว่า... จิต ดูจิต หมายความว่า เอาสติดูจิต หรือเปล่า?
หลวงปู่ : จิต ก็คือผู้รู้ แล้วก็ตั้งสติให้อยู่ในนั้น ให้อยู่...กับผู้รู้ สติ...ระลึกอยู่ในนั้น คือ จิตกับสตินั่นเอง ตั้งจิต ในจิต คือ ให้เป็นอันเดียว ตั้งจิต อยู่...ในจิต จิต กับผู้รู้เป็นของสิ่งเดียวกัน ไม่ได้แตกต่างกันเลย การแตกต่างทั้งหลาย เกิดขึ้นจากเราคิดผิดทั้งนั้น และนำเราไปสู่การก่อสร้างกรรมทั้งหลายทั้งปวง ทุกชนิด ไม่มีหยุด เนื่องจากเราเข้าใจผิด แล้วก็ไปสร้างกรรม ไม่มี ที่สิ้นสุด
ถ้าจิต เห็นจิตแล้ว อะไรๆ มันขาดหมด มันตัดขาดไปหมดแล้ว กิเลสตัณหา อะไรมันหมดแล้ว เวลานั้น...มันหมด
ลูกศิษย์ : ผู้ที่จะตัดกิเลสตัณหาอุปาทานหมด คือ พระอรหันต์นี่นะครับผม ดวงจิตดวงนั้น... ยังอยู่ใช่มั้ยครับผม?
หลวงปู่ : ก็อยู่สิ ลูกศิษย์ : แต่ไม่มีปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น? หลวงปู่ : ไม่มี ปรุงแต่ง ลูกศิษย์ : แม้แต่ละสังขารไปแล้ว จิตของเรา
หลวงปู่ : นั่นเลย นั่นเลย "สัจธรรม" สัจธรรม ก็คือจิตของเรา... สัจธรรม สัจธรรมของเรานั้น ไม่ได้หายไปจากเรา แม้ในขณะที่เรากำลังหลงผิด อยู่...ในอวิชชา และไม่ได้รับกลับมา ในขณะที่เรา มีการ...ตรัสรู้
อันเดียวนี่แหละ อวิชชา คือ...ตัวนี้ รู้...ขึ้นในตัวนี้ รู้...อันเดียว
หลวงปู่ : จิต มันเป็นธรรมธาตุ ภูตตถตา ลูกศิษย์ : จิต เป็นธรรมธาตุอย่างหนึ่งหรือครับ? หลวงปู่ : เป็นธรรมธาตุ ภูตตถตา คือ...มันมีอยู่อย่างนั้น เป็นอยู่อย่างนั้น... ไอ้สัจจะของเรา ไม่มี การเปลี่ยนแปลง ไม่มี การเปลี่ยนแปลง "ภูตตถตา"
ลูกศิษย์ : ขออภัยครับ ไม่มีทั้งจิต ไม่มีทั้งอวิชชา? หลวงปู่ : มีจิต...ไม่ได้คิด หยุด...ตัวคิดเท่านั้นเอง หมด ก็หมดคิดใช่ไหม แต่...จิตมันยังอยู่ มันไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน ลูกศิษย์ : ครับผม
หลวงปู่ : อวิชชา มันก็อยู่ในนั้น แต่จิตมันหลงผิดไปตามอวิชชา มันก็อยู่ในนั้น อยู่...ในตัวนั้น ลูกศิษย์ : ครับผม มันยังอยู่อย่างนั้นเอง หลวงปู่ : มันอยู่...อย่างนั้นเอง มันไม่เปลี่ยนแปลง
ลูกศิษย์ : ถูกอวิชชาครอบงำ?
หลวงปู่ : ไปยึดเงา ไอ้สัจจะก็อยู่ในนั้น แต่ว่า...มีปัญญาเกิดขึ้น ปัญญาเกิดขึ้น จึงได้มีความตรัสรู้ ตัวนี้ ตัวรู้ ตรัสรู้...ตัวนี้เป็นผู้ตรัสรู้ อวิชชา มันก็หมดไป ลูกศิษย์ : กระผมเคยเขียนเรื่องหนึ่ง เรียกว่าจิตครับผม เรียกว่าจิตแท้ และก็จิตรับคือรับอารมณ์ต่าง ๆ เข้ามา ทีนี้คือจิตรู้ จิตรู้พอรู้มากๆ ก็กลายเป็นจิตละ ครับผม เริ่มละ ไอ้กิเลสตัณหาออก ตอนนี้ก็เป็นจิตหลุดครับ
หลวงปู่ : คือ...ละ เรา ละยังไง อันนี้ ตัวเปรียบสำคัญที่สุดเลย ละไม่ต้นทาง มันก็ไม่ดับ
ลูกศิษย์ : ต้องละจนกว่าจะดับ หลวงปู่ : ต้องละต้นทางมันถึงจะดับ ต้องละต้นทางถึงจะดับตามสติปัญญา ให้ได้รู้ได้เห็น เอานั้นมาแก้...เอานั้นมาแก้...ไม่ได้ความ ลูกศิษย์ : ครับผม หลวงปู่ : ไม่ดับ ลูกศิษย์ : ครับผม จิต ยังส่งออกนอกอยู่ หลวงปู่ : จิต ยังส่งออกนอก
ลูกศิษย์ : ที่เรียกว่า ต้องดูจิตข้างในเท่านั้นเอง? หลวงปู่ : นั่นล่ะ! เห็นจิต ดับหมดแล้ว ให้ตั้งจิต อยู่...ในจิต อะไรๆ มันขาดหมดแล้ว ดับด้วยปัญญาข้างนอก มันดับไม่สนิท
หลวงปู่ : ภาวะที่แท้ของจิต เป็นสิ่งก่อกำเนิดกรรม ทั้งหลายเรียกว่า...วิญญาณ เมื่อมีวิญญาณแล้ว ก็เริ่มมีที่แห่ง...ความคิดนึก มีที่แห่ง...ตัณหาเหตุผล ภาวะที่แท้ของจิต ก็คือ...อรูป เป็นวิญญาณประเภทต่าง ๆ เมื่อวิญญาณรับรู้ อารมณ์ทั้งหกเกิดขึ้น ก็จะสำเหนียกรู้ ในวัตถุทางอารมณ์ทั้งหกนั้น จาก...ทวารทั้งหก
ดังนั้น... จิต ของธาตุสิบแปด จึงเนื่องมาจากแรงกระตุ้น ของภาวะที่แท้ของจิต ไม่ว่าบุคคลนั้น... จะปฏิบัติผิดในทางชั่ว หรือปฏิบัติผิดในทางดี แล้วแต่ว่า... ภาวะที่แท้ของจิตจะ อยู่...ในอารมณ์ เช่นใด อยู่ในอารมณ์ดี หรืออยู่ในอารมณ์ชั่ว อารมณ์ชั่ว ก็เป็นลักษณะของสามัญชน อารมณ์ดี ก็เป็นลักษณะของ...พุทธะ เพราะว่า... ความรู้สึกที่เป็นของคู่ ประเภทตรงกันข้าม ฝังจิต อยู่ในนิสัย แห่ง...ภาวะที่แท้ของจิต นั่นเอง
ของคู่ คืออะไร? ดี-ชั่ว สูง-ต่ำ อะไรบาป ดำ-ขาวอะไร มีเป็นคู่ๆ เท่านั้น เป็นคู่ ๆ กัน เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด ถ้าแยกคู่นี้ได้แล้ว เท่านั้น ตัวนั้น...เป็นตัวว่าง
ลูกศิษย์ : ครับ ไม่ซ้ายไม่ขวา หลวงปู่ :ไม่ซ้ายไม่ขวา
ลูกศิษย์ : อยู่ตรงกลาง ไม่มีทั้งบุญทั้งบาป หลวงปู่ : อยู่เหนือบุญเหนือบาป
ลูกศิษย์ : เหนือบุญเหนือบาป หลวงปู่ : เหนือสมมุติ เหนือบัญญัติ เหนืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอีก เหนือเหตุเหนือผล สมมุติบัญญัติ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เหตุผลอะไร ไม่มี อยู่ในนี้หรอก ไอ้สิ่งเหล่านี้ มันอยู่...เหนือเหตุเหนือผลทั้งหมด
เรียกว่า...โลกุตตระ อยู่...เหนือโลก อยู่...เหนือโลกทั้งสาม กามภพ รูปภพ อรูปภพ มันอยู่...เหนือหมด ไอ้ที่...ว่าง นะ
ลูกศิษย์ : เหนือเหตุเหนือผลทั้งหมด
หลวงปู่ : เหนือเหตุ เหนือผลทั้งหมด ถ้ามันมีเหตุผล มันยังเป็นโลก ทั้งหมด
-#หลวงปู่ดูลย์ #อตุโล
#ตัวกามนี้จับมันให้อยู่
จับมันมัดไว้ให้มันตายจำได้ไหม ไม่ว่าสัตว์ว่าคน หากามแสวงหากาม มันเดือดร้อนวุ่นวายก็เพราะกามนี้แหละ ชายหญิงสัตว์ผู้เมียต่างก็ยินดีกันและกัน มัวเมากันอยู่อย่างนี้
ให้มันเป็นธรรมโมอย่าให้เป็นธรรมเมา ให้ออกจากกาม หาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้จำไว้จำไว้ให้มันดี ปฏิบัติให้มันรู้ กามมันตายแล้วมันก็สบาย
ให้เป็นธรรมโม อย่าให้เป็นธรรมเมา จำให้ดีๆนะ ปฏิบัติให้มันรู้ จำได้ไหมอย่าไปลืมนะ ไม่ต้องพูดมาก พูดมากไปไม่ใช่ธรรมะ มันเป็นธรรมเมา...
#หลวงปู่แหวน #สุจิณโณ
“คบใครแล้วกุศลไม่เจริญ อย่าไปคบ ถ้าคบใครแล้วกุศลไม่เกิด อย่าไปคบ
ในเมื่อแนวทางในการพ้นทุกข์ไม่เกิดไม่มี คบแล้วมีแต่จะพากันจม
ถ้าหาใครคบไม่ได้ ก็ให้คบ 'ธรรม' นั่นแหละ เอาธรรมเป็นเพื่อนพึ่งเป็นเพื่อนตาย”
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
|