Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

เวลาจะภาวนา

พุธ 15 ธ.ค. 2021 6:58 am

"ไม่มีใครสามารถจะทราบได้ว่าความตายนี้อาจมาถึงเดี๋ยวนี้ วันพรุ่งนี้ หรือวันไหนก็ได้ เนื่องจากธรรมชาตินี้เป็นเสนาใหญ่ ไม่มีอะไรมากั้นกางหวงห้ามได้เลยก็คือความตาย ท่านจึงเรียกว่ามหาเสนา เป็นเสนาอันใหญ่หลวงมีกำลังมาก ที่จะต้องเป็นไปด้วยกันทุกรูปทุกนามเกี่ยวกับเรื่องความตาย ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงเตือนไว้โดยสม่ำเสมอไม่ให้สัตว์ทั้งหลายประมาท

วันหนึ่ง ๆ งานทางโลกก็ควรให้มี ดังที่เราเคยมีมาแล้วจนหมุนตัวเป็นเกลียว ไม่มีเวลาพักผ่อนนอนหลับ บางรายนอนไม่หลับก็มี เพราะความคิดมากเกี่ยวกับรายได้รายเสียหน้าที่การงานต่าง ๆ ทีนี้ทางภายในก็ควรจะให้ได้ คือระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ระลึกถึงความเป็นความตายที่จะมาหาตัวของเรานี้ เราจะเอาอะไรเป็นที่พึ่ง
"
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๗







เมื่อลูกรักบางท่าน บางคน คิดพลาด พูดพลาด กระทำพลาดไป ถือว่านั่นเป็นกฎของกรรมเดิมที่เราทำมาแล้วไม่ดี

ในชาตินี้เรามาแก้ตัวกันใหม่ พยายามทำความดีเสียทุกอย่าง เพื่อเป็นการหักล้างความชั่วเดิม เพื่อผลที่เราจะพึงได้ต่อไป นั่นก็คือ..."พระนิพพาน"

#หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จากหนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าชุง เล่ม๕ ปกใน








ให้นึกถึงธรรมะ ให้นึกถึงครูบาอาจารย์สอน นึกถึงท่านให้ละ ให้วาง ให้เว้น ให้ต่อสู้เพื่อแก้ปัญหา ธรรมะที่เราฝึกกันทุกวันก็เพื่อไปแก้ปัญหา

หลวงปู่ชา สุภัทโท







พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านทุ่มเทชีวิต
เสียสละเวลาทั้งหมดในภพชาตินี้
เพื่อทำงานเพียงชิ้นเดียว
คืองานฆ่ากิเลส

งานนี้งานเดียว
ที่จะไปหยุดการเวียนเกิด
เวียนตายในโลกหน้า
ภพหน้าชาติหน้าอย่างสิ้นเชิง

ทำเพียงงานนี้งานเดียว
ทำอย่างจริงจัง เมื่อเสร็จกิจแล้ว
งานไหน ๆ ในโลกก็ไม่ต้องทำ
อีกแล้ว จบเลย ..

โอวาทธรรมคำสอน
#หลวงปู่ประสงค์ #สุสันโต








เมื่อเราทำบุญ​ ให้​เราได้บุญ​
คือบุญ​ความอิ่มใจพอใจ​
ไม่ได้เอาอิฐหินปูนทราย​
นอกนั้นเราทำเพื่อศาสนาสาธารณะ


เหตุนั้นจึงไม่หนัก​
เพราะเราเอาแต่บุญ​
มาส่งเสริมจิตใจ
ให้มีภาวนาเพิ่มเติม
ยอดของบุญ

#หลวงปู่ประสิทธิ์ #ปุญญมากโร








“มนุษย์เราทั้งหลาย ไม่ต้องการทุกข์
ต้องการแต่สุข ความจริงสุข นั้นก็คือ
ทุกข์อย่างละเอียด เช่นเดียวกับทุกข์ ก็คือ
ทุกข์อย่างหยาบ

พูดอย่างง่ายๆ สุขและทุกข์ ก็เปรียบเสมือน
งูตัวหนึ่ง ทางหัวมันเป็นทุกข์ ทางหางมันเป็นสุข

เพราะถ้าลูบทางหัวมันมีพิษ มันก็กัดเอา
ไปจับหางมันก็เหมือนเป็นสุข แต่ถ้าจับไม่วาง
มันก็หันกลับมากัดได้ เหมือนกัน

เพราะทั้งหัวงู และ หางงู มันก็อยู่ใน งูตัวเดียวกัน
เช่นเดียวกับ สุขและทุกข์ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกัน”

หลวงปู่ชา สุภัทโท





"บัณฑิตต้องฝึกตัวเองมองตัวเอง แก้ตัวเอง
คนพาลเท่านั้น ที่ไปแก้คนอื่น ไปห้ามคนอื่น
ไม่ให้เขาทำกับเรา มันเป็นไปได้ยาก

ทุกข์ก็ดี สุขก็ดี มันเกิดขึ้นจากตัวเรา
โกรธก็ดี โลภก็ดี หลงก็ดี เกิดขึ้นจากตัวเรา

แม้คนอื่นจะทำเรา มันเป็นเรื่องของเรา
ที่จะไม่สุข ไม่ทุกข์"

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ






“ทุกคนต้องการตัวอย่าง
ตัวอย่างที่ดีทำให้เรามีกำลังใจ
และเห็นแนวทางที่ถูกต้อง
ลำพังคนเดียวเราอาจจะไม่มั่นใจ
ว่าตัวเราทำได้ หรืออาจจะเสียเวลา
ในการใช้วิธีที่เนิ่นช้าหรือบกพร่อง
ผู้เป็นตัวอย่างที่ดี จึงให้ปัญญา
และช่วยให้เรา ยอมอดทนเพื่อ
ประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างที่ไม่ดี
มีประโยชน์กับเรามากเหมือนกัน
เมื่อเราเห็นใครทำอะไรไม่ค่อยดี
ถ้าเราตั้งสติไม่ปล่อยให้โกรธ น้อยใจ
หรือหดหู่ได้ เราควรจำไว้ว่า
พฤติกรรมอย่างนี้ การพูดอย่างนี้
น่าเกลียดเนาะ

เราต้องตั้งอกตั้งใจว่าในชีวิตเรา
จะไม่มีการกระทำ หรือการพูดอย่างนั้นเด็ดขาด
แก้ที่เขาไม่ได้ก็จริง แต่เราแก้ที่ตัวเราได้

ที่จริง ในการมุ่งมั่นต่อคุณงามความดี
ความปรารถนาที่จะไม่เหมือนตัวอย่างที่ไม่ดี
อาจจะมีพลังมากกว่าความปรารถนา
ที่จะเหมือนตัวอย่างที่ดีด้วยซำ้ไป”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ







…การปฏิบัติที่ถูกต้อง
“ ต้องเห็น..อนิจจังทุกขังอนัตตา “

.เห็นทุกขังก็คือ
เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
อนิจจัง ก็เห็นความตาย เห็นความดับ อนัตตา ก็เห็นว่าเป็นเพียง
ธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ
ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา

.ทุกอย่างในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้น
ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นธาตุ
“ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ”.
………………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๘ ,กัณฑ์ ๔๓๔
วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕







อาตมาบอกไว้เท่านั้นว่า ให้มีสติคุมดวงจิต
สัตว์นรกก็แม่นจิต สัตว์อเวจีก็แม่นจิต
พระอินทร์พระพรหมก็แม่นจิต
ที่เข้าพระนิพพานก็แม่นจิต ไม่ใช่ใคร
จิตไม่มีตนมีตัว จิตเหมือนวอก นี่แหละ
แล้วแต่มันจะไป บังคับบัญชามันไม่ได้
แล้วแต่มันจะปรุงจะแต่ง บอกไม่ได้ ไหว้ไม่ฟัง
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าให้วางมันเสีย อย่าไปยึดถือมัน
ก็จิตนั่นแหละมันถือว่าตัวกู อยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี
เราถือว่าเราเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิง
ก็แม่นจิตนั่นแหละเป็นผู้ว่า มันไม่มีตนมีตัวดอก
แล้วพระพุทธเจ้าว่าให้วางเสีย ให้ดับวิญญาณเสีย
ครั้นดับวิญญาณแล้ว ไม่ไปก่อภพก่อชาติอีก
ก็นั่นแหละพระนิพพานแหละ แน่ะ
พระพุทธเจ้าบอกอย่างนั้น มันไม่อยู่ที่อื่น
นรกมันก็อยู่นี่ พระนิพพานก็อยู่นี่ อย่าไปค้นที่อื่น
อย่าไปพิจารณาที่อื่น ให้ค้นที่สกนธ์กายของตน
ให้มันเห็นเป็นอสุภะอสุภัง ให้เห็นเป็นของปฏิกูล
ให้เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายมันนั่นแหละ
แต่กี้มันเห็นว่า เป็นของสวยของงามของดี
ดวงจิตนั่นเมื่อมีสติควบคุม มีสัมปชัญญะ
ค้นหาเหตุผล ใคร่ครวญอยู่
มันเลยรู้เห็นว่า อัตตภาพร่างกายนี้เป็นของปฏิกูล
ของเน่าเปื่อยผุพัง แล้วมันจะเกิดนิพพิทา
ความเบื่อหน่าย จิตนั่นแหละเบื่อหน่าย
จิตเบื่อหน่าย จิตไม่ยึดมั่นแล้ว เรียกว่า
จิตหลุดพ้น ถึงวิมุตติ ..วิมุตติ คือ
ความหลุดพ้นจากความยึดถือ หลุดพ้นจากอุปาทาน
ความยึดมั่นถือมั่น พ้นจากภพจากชาติ.

หลวงปู่ขาว อนาลโย







"อิฉันไม่มีเวลาจะภาวนา"
"ทำไม"
"ขายของค่ะ ขายของไม่ได้ภาวนา"
"โยมขายของโยมได้หายใจไหม"
"หายเจ้าค่ะ"
"อ้าว ทำไมมีเวลาล่ะ ทำไมมีโอกาสหายใจ ทำไมไม่อึดลมไว้
"... เรื่องภาวนาไม่ใช่เรื่องอื่น คือเรื่องความรู้สึกนึก คิด เราคิดแต่จะมานั่งแต่หลับตาอยู่ในกลางตลาดเท่านั้นซิ ไม่ใช่อย่างนั้น ความรู้สึกนึกคิดการพิจารณานี้ ให้รู้จักว่าบัดนี้เราทำอะไรอยู่ เราผิดมั้ย ถูกมั้ย เราสุขมั้ยหรือ เราทุกข์มั้ย เราเป็นอะไร ที่เราเป็นอยู่เดี๋ยวนี้
นี่ก็การภาวนา มันรู้เรื่องเหตุผลอยู่อย่างนั้น
เราทำอะไรอยู่ เราก็ได้ภาวนาอยู่ได้ ปฏิบัติอยู่ เรามีสติอยู่
ปฏิบัติอยู่อย่างนั้น รู้จักความผิดชอบอยู่เสมอ เรียกว่าการภาวนา วันนี้เราพูดผิดหรือเปล่า วันนี้เราทำผิด หรือเปล่า
วันนี้เราคิดผิดหรือเปล่า ถ้าเรามีสติอยู่ เราก็ต้องรู้จัก ถ้ามีสติอยู่เสมอก็ต้องรู้จักความรู้สึกของเรานั้นอยู่เสมอ
อย่างนั้นโยมทั้งหลายอย่าเพิ่งเข้าใจว่า การปฏิบัตินั้นจะมาบวชในวัดอย่างเดียว ไม่ใช่อย่างนั้น
การปฏิบัติคือ การมีสติทรงตัว รู้อยู่ รู้สึกความผิดชอบอยู่เสมอ จะหยิบจับอะไรก็ได้ จะขายของอยู่ก็ได้
จะเขียนหนังสืออยู่ก็ได้ มันก็เท่าๆกับลมหายใจเรานั่นเอง ถึงแม้ว่าเราจะทำอะไรอยู่ เราก็หายใจ
อยู่นี่เราก็หายใจอยู่เรื่อย เราจะทานข้าวก็หายใจ จะนอนก็หายใจ ถึงหลับไป ก็หายใจ ทำไมมีเวลาหายใจเล่า ใช่ไหม... "

#หลวงพ่อชา_สุภัทโท
ตอบกระทู้