…การทำความดีมันมีหลายระดับ ระดับต่ำมันก็อาจจะมาขวางระดับสูงได้
.เช่นถ้าเราทำทานช่วยเหลือคนนั้นคนนี้ “ เราก็จะไม่มีเวลาไปภาวนา “ ซึ่งเป็นความดีระดับสูง 
.ฉะนั้นเราก็ต้องเลือกว่า ตอนนี้เรา ต้องการที่จะทำความดีในระดับไหน
.ถ้าเราต้องการทำความดีระดับสูง เราก็ไปบวชไปอยู่คนเดียว ไปภาวนา
.ถ้าเราอยากจะทำความดีระดับต่ำ เราก็ยังไม่ต้องบวช เราก็ทำบุญทำทาน ช่วยเหลือสังคมไปตามกำลังของเรา . …………………………………………… . พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี ธรรมะหน้ากุฏิ 2 สิงหาคม 2563
“..จิตของคนเรามันก็ เหมือนกัน มันอยู่นิ่งไม่เป็น
เมื่ออยู่นิ่งไม่เป็นมันก็ ไม่ใช่สมาธิ พออยู่นิ่งเป็น มันก็เป็นสมาธิอย่างนี้ แล้วเป็นสมาธิทันทีนะ มันก็ผลิตพลังจิต
พลังจิตนี่ผลิตเท่าไหร่ ก็อยู่เท่านั้น ไม่ใช่ว่าผลิต ไปแล้ว แล้วมันหายไป มันเพิ่มขึ้นเรื่อย เพิ่มจนถึงได้ที่อย่างนี้
พอได้ที่แล้วมันก็ควบคุม จิตได้ พอควบคุมจิตได้ มันก็เหมือนรถมีเบรก ควบคุมจิตไม่ได้ มันก็เหมือนรถไม่มีเบรก
ความขัดแย้งเท่าหัว ไม้ขีดไฟน่ะ ทะเลาะกัน จนตาย อย่างนี้โลกมัน ก็อยู่กันไม่เป็นสุข หลวงพ่ออยากจะให้คน เขาอยู่เป็นสุขกัน บอก ทางให้จะได้แค่ไหนก็เอา”
โอวาทธรรม หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร
ให้ละอารมณ์ภายนอก ละกิเลสตัณหา ภายนอกออก
ซังกะอย่าให้มันมี ฮักกะอย่าให้มันมี
ฮักกะวางออก ซังกะวางออก
#คุณยายชีสี #พลพวก
หลวงปู่มั่นท่านว่า.. ถ้าจิตใจถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นแหละ.. ยอดน้ำมนต์
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
“กลับไปบ้านก็ให้มีพุทโธด้วย อย่าทิ้งพุทโธ ผู้ปฏิบัติจะรู้เอง เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เรารดน้ำปลูกทุกวัน มันก็ใหญ่โตขึ้นทุกวันไม่ต้องไปบอก นี่เราเทียบให้ฟัง
จิตดวงนี้ก็เหมือนกัน ต้องหล่อเลี้ยงด้วยศีลด้วยธรรม ซักฟอกจิต จิตจะไม่มีเรื่องมีราว ไม่มีความยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่คำว่าซักฟอกไม่ได้หมายความว่าวันเดียว พระพุทธเจ้าท่านว่า วิริเย ทุกขมัจเจติ บุคคลจะล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร ให้พยายาม พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอนสัตว์โลกไม่มีผิดพลาด ขอให้นำคำของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติ จิตดวงเดียวของเรานี้ แก้ด้วยสัตย์ด้วยศีลเท่านั้น อย่าไปแก้ด้วยอย่างอื่น เริ่มจากการซักฟอกด้วยบุญ แล้วก้าวขึ้นไปถึงศีลห้า
หลวงปู่มั่นท่านสอนว่า ให้พยายามรักษาศีลธรรม มันไม่ตายหรอก แล้วไม่ต้องไปขอกับผู้หนึ่งผู้ใด คนขอเป็นคนจน เราไม่ฆ่าสัตว์ ก็จิตเรานั่นแหละไม่ฆ่า ไม่ลักของ ไม่ประพฤติผิดในผู้อื่นเขา ไม่โกหกหลอกลวง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ดื่มเครื่องเมาทั้งหมด ก็จิตดวงนี้ของเรา ให้ระวังจิตดวงนี้ ให้มีสติ อย่างน้อยให้จิตมีทุน วันนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก ให้พี่น้องกรุณายึดคำสอนของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติทุกวัน ๆ อยู่บ้านอยู่ที่ไหนจิตก็เป็นกุศล บ้านก็เป็นมงคล ลูกก็เป็นมงคล หลานก็เป็นมงคล อย่าลืมพุทโธทุกวัน ๆ ระลึกอยู่ในหัวใจ ซักฟอกหัวใจ ใครซักฟอกได้มากเท่าไร จิตก็สะอาดขึ้น ๆ จะรู้เอง ผู้ปฏิบัติจะรู้เอง เป็นสันทิฏฐิโก แต่ต้องฝ่าต้องฝืนต้องพยายามปฏิบัติ ท่านจึงพูดว่า วิริเย ทุกขมัจเจติ บุคคลล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร
เหมือนกับทานอาหาร ทานแทนกันไม่ได้ รักขนาดไหนก็ทานแทนกันไม่ได้ เวลาจากไปแล้ว ถ้าทุนของจิตไม่มีเลย กุสลาก็ไปไม่ถึงนะ ให้ซักฟอกตัวเอง ไม่ต้องไปหวังกับผู้หนึ่งผู้ใด ครูบาอาจารย์ท่านก็ทำมาแล้ว
แต่อย่าตั้งความหวัง อย่าไปคิดหา กำลังไม่ถึงไปคิดหาได้ยังไง เหมือนเราไม่มีเงินร้อยล้านจะไปสร้างโรงพยาบาลโรงแรม มันยาก จิตไม่มีฐานก็เหมือนไม่มีเงิน ต้องมีเงินจึงจะค้าขายได้ ต้องมีฐาน จึงต้องซักฟอกเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจิตก้เศร้าหมองยุ่งเหยิงวุ่นวายคิดมากปวดหัว เพราะไม่มีธรรม ต้องทำให้มาก ทำให้พอ
แล้วการทำบุญทำให้เหมือนเจ๊กไฮ ให้เจ้กไฮมารับพร บอกอั้วไม่เอา พรอั้วก็ไม่รับ ให้สวดอั้วก็ไม่สวด อั้วได้บุญตั้งแต่อั้วคิดอยู่ที่บ้าน เจ้กไฮนี่หลวงปู่มั่นชมเชย พวกเรานี่ว่าอิมานิแล้ว ถวายแล้ว ยังให้ฉันให้อีก แต่เจ้กไฮนี่ว่าอั้วได้บุญตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้ว เจตนาเป็นบุญเป็นกุศล พอแล้ว นี่จำให้ดีนะ
แล้วเห็นพวงมาลัยนี่ไหม สวยงามนะ แต่สู้ฝึกใจให้สวยงามไม่ได้ นางวิสาขาฝึกใจให้สวยงามสองอสงไขย งามไม่มีเหี่ยวแห้ง ไม่ต้องไปนวดไปดึง
วันนี้ก็ไม่มีอะไรจะฝาก ให้กรุณานำไปปฏิบัติ ปฏิบัติที่ไหน พวกเราก็มีแต่ความสุขความสมหวัง เข้าใจนะ เท่านั้น พอ ”
โอวาทธรรมคำสอน #หลวงปู่ทุย (ปรีดา ) #ฉันทกโร #วัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ณ วัดป่าอัมพโรปัญญาวนาราม วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
"วันหนึ่งๆ เราควรอ่านตัวเองเสมอว่า วันนี้ได้มีความผิดพลาด ไปในทางใดบ้าง มีความเสียหายเกิดขึ้น แก่ตัวของเราอย่างไรบ้าง หรือมีความเจ็บช้ำจิตใจแก่ผู้เกี่ยวข้อง
เฉพาะอย่างยิ่ง คือครอบครัวหรือไม่ หรือคนอื่นใดบ้าง ที่การกระทำของเรานี้ เป็นการกระทบกระเทือน แก่บุคคลเหล่านั้น เราต้องคิดเสมอ
แม้คนอื่นไม่ทราบ ไม่เห็นก็ตาม แต่การกระทำนั้น เป็นการกระเทือนตนเองหรือไม่ การกระเทือนตนเอง ก็คือความเสียหายสำหรับตน นี่เราก็ควรคิด
ที่ท่านเรียกว่า หัดคิด หัดอ่าน อ่านตัวเอง คิดตัวเอง และแก้ไขตัวเองไปโดยลำดับ"
หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
|