พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อังคาร 21 ธ.ค. 2021 8:30 am
…เพราะว่าเรา
ไม่รู้เวลาของเราจะหมดเมื่อไหร่
.คนเรานี่ตายได้ทุกเวลา
เห็นหน้ากันดีๆ อยู่ๆก็ตายไปก็มี
ไม่มีใครคาดฝันกัน
.ดังนั้น ต้องคิดอย่างนี้
คิดว่าความตายนี้ไม่แน่นอน
แล้วทรัพย์สมบัติที่เราจะได้
ตอนนี้เรามีลมหายใจอยู่
เรามีโอกาสที่จะตักตวงได้
. “ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีใครช่วยเราได้
เราต้องเป็นคนที่ทำเองเท่านั้น “
.ถ้าคิดอย่างนี้แล้ว เราก็
อาจจะปล่อยวางภารกิจการงานต่างๆไป
.เพราะถ้าเปรียบเทียบกับผลประโยชน์
ที่เราจะได้รับจากภารกิจต่างๆ
กับ…ภารกิจทางศาสนาแล้ว
“ มันต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน “.
……………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมบนเขา
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
“คนเรา.. ถ้าส่งอะไรออกไป มันก็กลับมา
เราส่งความรักไป มันก็ได้ความรักกลับมา
ส่งความเกลียดไป มันก็ได้ความเกลียดกลับมา
ส่งความรู้สึกนึกคิดในทางไหน มันก็กลับมาหาเรา
ในทางนั้น”
หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
มีคนแก่คนหนึ่งชื่อพ่อน้อยโน ได้หันมาถามว่า “ท่านอาจารย์มีมนต์คาถาอะไร เสือจึงไม่กัด”
“มีเหมือนกัน คือพระพุทธมนต์ที่เราสวดกันอยู่ทุกวันนี้แหละ โดยเฉพาะเราเชื่อคุณของพระ เรามีความมั่นใจและเต็มใจยินดี ด้วยความดีของเรา แล้วนึกแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ว่า ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงอยู่เป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้มีเวรภัยซึ่งกันและกันเลย ขอเทวดาที่อยู่ในป่านี้ อยู่ในรุกขวิมานนี้ จงอยู่เป็นสุข ๆ เถิด นึกแผ่เมตตาเพียงเท่านี้ก็นอนหลับสบาย” ท่านครูบาพรหมาตอบ
#อย่าพึ่งผี
คนแก่คนนั้นได้ถามต่อไป “เรื่องผีสางนางไม้และพระภูมิ ท่านอาจารย์ถือ และเอาเป็นที่พึ่งหรือครับ”
“เรื่องนี้ถ้าจะนับว่าถือก็ถือเหมือนกัน คือถือว่าผีสางก็เป็นสัตว์มีชีวิต เป็นผู้ข้องค้างและเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วย เราเพียงแต่แผ่เมตตาให้เขาเป็นสุขพ้นทุกข์เท่านั้น ไม่ได้เอาเป็นที่พึ่ง”
“เราเป็นพระ จะเอาผีเป็นที่พึ่งทำไม เพราะพระเป็นผู้ประเสริฐ มีศีลยิ่งกว่าผี ถ้าขืนไปเอาผีเป็นที่พึ่งก็ผิดพระธรรมวินัย ทางที่ถูกที่ดี ผีนั่นแหละควรเอาพระเป็นที่พึ่ง แม้แต่ฆราวาสที่ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ท่านยังห้ามไม่ให้เอาผีเป็นที่พึ่ง ถ้าขืนไปไหว้ผีและเอาผีเป็นที่พึ่ง ก็ขาดจากสรณคมน์ ที่พึ่งอื่นไม่ประเสริฐเหมือนพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐให้เกิดความสวัสดี”
#หลวงพ่อพระพุทธบาทตากผ้า
การตัดภพตัดชาติ ต้องตัดเยื่อใย ต้องตัดความผูกพันของตัวเอง ของจิตเอง ด้วยสติปัญญาอันแหลมคม
หลวงตามหาบัว
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร แนะนำหลักในการนั่งสมาธิ
จะแนะนำหลักในการนั่งสมาธิ ของท่านผู้ที่มาใหม่ยังไม่เคยทำ พอให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้
๑. ให้ตั้งใจว่าเรื่องราวอะไรทั้งหมด เราจะไม่เก็บมาคิดนึก จะนึกถึงแต่พุทธคุณอย่างเดียว คือ "พุทโธ"
๒. ตั้งสติกำหนดนึถึงลมหายใจเข้าว่า พุท ออกว่า โธ หรือจะนึก พุทโธๆ อยู่ที่ใจอย่างเดียวก็ได้
๓. ทำจิตให้นิ่ง แล้วทิ้งคำภาวนา "พุทโธ" เสีย ให้สังเกตแต่ลมที่หายใจเข้าออกอย่างเดียว เหมือนกับเรายืนเฝ้าดูวัวของเราอยู่ที่หน้าประตูคอก ว่าวัวที่เดินเข้าไปและออกมานั้น มันเป็นวัวสีอะไร สีดำ แดง ขาว ด่าง วัวแก่หรือวัวหนุ่ม เป็นลูกวัวหรือวัวกลางๆ แต่อย่าไปเดินตามวัวเข้าไปด้วย เพราะมันจะเตะขาแข้งหักหรือขวิดตาย ให้ยืนดูอยู่ตรงหน้าประตูแห่งเดียว หมายความว่า ให้จิตตั้งนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องเคลื่อนไหวไปกับลม
ที่ว่าให้สังเกตลักษณะของวัวก็คือให้รู้จักสังเกตว่า ลมเข้าสั้นออกสั้นดี หรือลมเข้ายาวออกยาวดี ลมเข้ายาวออกสั้นดี หรือลมเข้าสั้นออกยาวดี ให้รู้ลักษณะของลมว่าอย่างไหนเป็นที่สบาย ก็ทำไปอย่างนั้นเรื่อยไป
ต้องทำให้ได้อย่างนี้ทั้ง ๓ เปราะ คือ เปราะแรกภาวนา พุทโธๆ ตั้งใจนึกด้วยสติหรือด้วยใจ เปราะที่สอง ให้สติอยู่กับลมเข้า พุท ลมออก โธ ไม่ลืมไม่เผลอ และเปราะที่สาม จิตนิ่ง ทิ้ง พุทโธ เสีย สังเกตแต่ลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว
๔. เมื่อทำได้เช่นนี้ ใจของเราจะนิ่ง ลมก็นิ่งเหมือนกับขันน้ำที่ลอยอยู่ในโอ่ง น้ำก็นิ่งขันก็นิ่ง เพราะไม่มีใครไปกด ไปเอียง ไปกระแทกมัน ขันนั้นก็จะลอยเฉยเป็นปกติอยู่บนพื้นน้ำ เหมือนกับเราขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดเขาสูงๆ หรือขึ้นไปลอยอยู่เหนิือเมฆ ใจของเราก็จะได้รับแต่ความสุขเยือกเย็น นี้ท่านเรียกว่าเป็น มหากุศล คือเป็น ยอด แก่น หรือรากเง่า ของกุศลทั้งหลาย
เมื่อดวงจิตของเราสงบ บุญต่างๆ ก็จะไหลเข้ามารวมอยู่ในดวงจิตของเรา คือความดีแล้วความดีในดวงจิตนั้นก็จะขยายตัวออกมาครอบทางกาย กายของเราก็จะหมดจากบาป ออกมาครอบทางวาจา ปากของเราก็จะหมดจากบาป ทางกายกรรมคือตาที่เราเคยสร้างบาปมา ทางหูที่เราเคยสร้างบาปมา และมือที่เราเคยสร้างบาปมา ฯลฯ ความดีที่เกิดจาการภาวนานี้มันจะขยายมาล้างตา มาชำระหู มาล้างมือ กายที่บาปด้วยสัมผัส บุญก็จะขยายมาล้าง ทีนี้กาย วาจา ตา หู จมูก ปาก และส่วนอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหลายของเรา ก็จะเป็นของสะอาดหมด
ท่านพ่อลี ธัมมธโร
ดูตัวเองไปเรื่อยๆ (ภาวนา) ให้ทาน รักษาศีลไปเรื่อยๆ นั่นแหละผู้ไม่ประมาท!!
หลวงพ่ออินทร์ถวาย
#วิธีให้พรตัวเอง อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ความตื่นในตัวของเรานั้น...
เป็นของดีมาก !!!!!!
เป็นเหตุให้รู้สึกตื่นตัว
ทำความดีทั้งทางกายและทางใจ
อย่างเช่นเราไม่เคยมีศีลเลยสักตัว
ปีนี้เอาให้มันได้ศีลตัวหนึ่ง
ปีต่อไปได้อีกเป็น 2 ตัว
พอ 4 ปี 5 ปี ก็ได้ศีล 5 ครบบริบูรณ์
ก็มีความอุ่นใจแล้ว สบายใจแล้วคราวนี้
เมื่อมี ศีล สมบูรณ์แล้ว
ต่อไปก็ตื่นทำสมาธิ
หัดทำสมาธิภาวนา
จิตใจยังไม่ทันเป็นสมาธิ
ก็หัดให้เป็นสมาธิ
จิตใจแน่วแน่สงบลงเป็นหนึ่ง
มันยังไม่ทันเป็นจึงต้องหัด
หัดให้มันเป็นภาวนา
ปีนี้ได้แค่นี้ ปีหน้าให้ได้
ต่อจากนี้ไปอีก
ทำสมาธิให้ได้แน่วแน่
ปีต่อไปให้ได้ชำนิชำนาญกว่านี้อีก
ทำสมาธิได้บ้างไม่ได้บ้าง
มันส่งส่ายวอกแวกไปมาสารพัด
ทุกอย่าง ทำทีแรกมันเป็นอย่างนั้น
ก็ดีอยู่...เราเห็นจิต ดีกว่าไม่เคย
เห็นจิตเสียเลย!! ทีหลังต่อไป
ให้มันแน่วแน่ลงไป
ปีหนึ่งทำสมาธิให้ได้สักครั้งหนึ่ง
ก็ยังดีอยู่ ดีกว่าที่เราอยู่เฉยๆ
ไม่ได้หัดสมาธิเลย ไม่ทราบว่า
เกิดมากี่ภพกี่ชาติ ยังไม่เคยทำ
สมาธิสักที
ชาตินี้ทำให้มันได้สักครั้งหนึ่ง
ก็ยังนับว่าดีอยู่ ปีต่อไปก็หัด
ให้มันได้บ่อยเข้า หัดให้มัน
ชำนิชำนาญคล่องแคล่วเข้า
ทำให้มันได้เป็นขั้นเป็นตอนไป
จนกระทั่งมันชำนาญ ทำเวลาใด
ให้มันได้เวลานั้น
อันนั้นเรียกว่าต่ออายุ ต่อวรรณะ
สุขะ พละ ขึ้นไป นี่แหละของที่ควรตื่น
ควรตื่นทำสมาธิภาวนา
ถ้าหากไม่เช่นนั้นจิตใจของเรา
มันอยู่เสมอภาค อยู่เสมอเก่า
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
#พระอรหันต์ยังฝันอยู่ไหม?
#หลวงตามหาบัว
ใครจะไม่รู้เวลาหลับตื่น นี้มันไม่รู้จะให้ว่าไง ถ้าว่าตื่นมันก็ตื่นอยู่แล้ว แน่ะ ถ้าว่าหลับก็ไม่ทราบว่าหลับเมื่อไร ก็จะทราบเอาตอนที่มันฝัน โอ๋ หลับตอนนั้นๆ คือถือเอาความฝันนั่นแหละเป็นเวลาหลับ มันเปลี่ยนอย่างนั้นแหละ นี้ยังมีผู้ที่แต่งหนังสือมา เราได้อ่าน นี่ละการแต่งหนังสือเอาทิฐิความรู้ความเห็นของตนแทรกเข้าในธรรม เลยกลายเป็นธรรมมัวหมองไปด้วย ไม่บริสุทธิ์ แต่ก่อนเราก็ไม่ได้คิดเท่าไรนัก หากอ่านไปเจอเข้ามันหากจำของมันได้เอง สิ่งใดที่ควรจะจำมันก็จำของมันเอง อ่านไปถึงบทที่ว่าพระอรหันต์นอนหลับแล้วไม่ฝัน ว่างั้นนะ ถ้ายังฝันอยู่ไม่ใช่พระอรหันต์ เขียนไว้ในหนังสือเราอ่านไปเจอ เราก็ยังไม่ได้ปักใจอะไรมากนัก ว่าพระอรหันต์นอนหลับไม่ฝัน ถ้าฝันอยู่ไม่ใช่พระอรหันต์
ยังอวดเก่งเข้าไปอีก ถ้ายังฝันอยู่ไม่ใช่พระอรหันต์ นี้อวดเก่งในความจอมปลอมของตัวเอง มันก็รู้ได้ชัดเจน นี้ตัวจอมปลอม นอนหลับแล้วไม่ฝัน พระอรหันต์นอนหลับไม่ฝัน ถ้าฝันไม่ใช่พระอรหันต์ ดูซิน่ะมันทับเข้าไปอีก
จึงกระเทือนใจเรามาก เราอยากจับมือมาถามต่อหน้ากัน โคตรพ่อโคตรแม่มึงเคยเป็นอรหันต์แล้วหรือ อยากว่าเข้าใจไหม มาอวดพ่อมึงหรือ พ่อกูไม่ได้เป็นอรหันต์ก็ตาม แต่กูก็หันไปนั้นหันไปนี้ได้ กูไม่ได้เป็นอรหันต์ กูก็หันนั้นหันนี้ได้อยู่มึงอย่ามาอวดกูนา อย่างนี้ละมันบอกชัดเจน ที่เขียนไว้ในบุพพสิกขาว่าพระอรหันต์นอนหลับแล้วไม่ฝัน ถ้าฝันไม่ใช่อรหันต์ ผิดทั้งเพเลย ก็ขันธ์ ๕ เป็นสมมุติจะไม่ให้มันดีดมันดิ้นไปตามสมมุติแล้วจะให้มันดิ้นไปไหน จิตเป็นจิตตวิมุตติมันคนละอย่าง ครองขันธ์อยู่ อันหนึ่งเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ อันหนึ่งเป็นสมมุติล้วนๆ มันก็เป็นไปตามสมมุติ วิมุตติก็เป็นหลักธรรมชาติของวิมุตติไปเท่านั้นเอง
นี่ละการเขียนหนังสือ มันเอาความรู้ความเห็นของตนไปแทรกในหนังสือที่บริสุทธิ์ให้มัวหมองไปด้วยได้ อย่างที่ว่าพระอรหันต์นอนหลับไม่ฝัน ถ้าฝันไม่ใช่พระอรหันต์ นู่นน่ะมันตีตราเข้าไปอีก ธาตุขันธ์มันก็เป็นสมมุติ ขันธ์ก็เป็นสมมุติมันเข้ากันไม่ได้ยังไง มันก็เข้ากันได้สนิท จิตที่บริสุทธิ์ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องฝันไม่ฝันแหละ พูดเหล่านี้เป็นเรื่องของสมมุติในขันธ์ทั้งนั้น ได้เห็นชัดเจนที่ว่าพระอรหันต์นอนหลับแล้วไม่ฝัน ถ้าฝันไม่ใช่พระอรหันต์ นี่เห็นชัดเจน คือความจอมปลอมของคนๆ นี้ผู้เขียนนี้ จะทำให้คนอื่นหลงไปตามได้ มันไม่จริง
ขันธ์ก็เป็นสมมุติ ความฝันก็เป็นสมมุติ ทำไมเข้ากันไม่ได้ ทำไมฝันไม่ได้ นั่น ออกมาเผินๆ นี้มันก็รู้กัน ยิ่งถึงขั้นบริสุทธิ์ล้วนๆ แล้วรู้ได้หมดจะว่าไง ในหนังสือที่เรียกว่าพระไตรปิฎกๆ ปิฎกๆ แปลว่าภาชนะ ท่านเรียกว่า ปิฎก ปิฏก เป็นภาษาบาลี ปิฎกเป็นภาษาไทยเรา แปลออกมาแล้วว่าภาชนะสำหรับใส่สิ่งของ ปิฎกก็ภาชนะสำหรับใส่ธรรม เรียกว่าปิฎก พระวินัยปิฎก ภาชนะสำหรับบรรจุพระวินัย พระสุตตันตปิฎก ภาชนะสำหรับบรรจุพระสูตร อภิธรรมปิฎก ภาชนะสำหรับบรรจุธรรมขั้นสูง คืออภิธรรม แปลเป็นอย่างนั้นแหละ ว่าปิฎกๆ เราไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าแปลออกมาแล้ว ปิฎกหรือปิฏกเป็นภาษาบาลี ปิฎกเป็นภาษาไทย เรียกว่าภาชนะ หรือว่าถ้วยหรือจานเราเหล่านี้แหละ
หลวงตามหาบัว
#บารมีมันเป็นของสร้างใหม่ได้
คนที่อ้างว่า
บารมีไม่พอ
แสดงว่าขี้เกียจมาก
กำลังใจไม่ดีนี่ไม่มีอะไร
บารมีมันเป็นของสร้างใหม่ได้
ไม่ใช่จะต้องเป็นของสร้างมา
แต่ชาติปางก่อนเสมอไป
ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใคร
บรรลุมรรคผล
**บารมี คือ กำลังใจ
บารมีเต็ม คือ กำลังใจเต็ม
#หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
#พระราชพรหมยาน
" ทุกชีวิตเป็นนักเดินทาง
จะต้องเดินทางอีกไกลแสน
ไกลด้วยกันแทบทั้งนั้น
สิ่งที่ควรมีคือผู้นำทาง
ซึ่งไม่มีทางใดจะประเสริฐ
เสมอด้วยศีล เพราะศีลมี
กลิ่นหอมขจรไปทั่วทุกทิศ
ผู้เดินทางที่มีศีลนำย่อมไกล
จากความทุกข์ความเดือดร้อน
เมื่อเราจะต้องพากันออก
เดินทางแน่นอนแล้ว
เราก็น่าจะเตรียมหาผู้นำ
ทางที่ประเสริฐสุดของเรา
ไว้ตั้งแต่บัดนี้ คือเราต้องเริ่ม
เอาจริงในการรักษาศีล
ให้บริสุทธิ์ตั้งแต่บัดนี้
โดยพร้อมเพรียงกัน "
--- พระคติธรรม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร
อริยทรัพย์ คือ ทรัพย์อันประเสริฐ เป็นที่พึ่งได้ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า โจรลักไปไม่ได้ ไฟไหม้ไม่ได้ น้ำพัดไปไม่ได้ เป็นทรัพย์ภายใน ซึ่งสามารถทำให้พ้นจากทุกข์ได้ อริยทรัพย์ประกอบไปด้วยธรรมะ ๗ ประการ กล่าวคือ ๑.ศรัทธา ๒.ศีล ๓.หิริ ๔.โอตตัปปะ ๕.สุตะ ๖.จาคะ และ ๗.ปัญญา
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.