เป้าหมายชีวิตชาวพุทธง่ายๆ ......... สุขตน สุขท่าน ......... ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ตราบใดที่จิตของเรา ขาดการฝึกอบรมที่ดี ความเข้าใจในสิ่งที่ นำประโยชน์และความสุข มาสู่ชีวิตของเรายังไว้ใจไม่ได้
ผู้ที่สามารถ ... บริหารจิตของตน ให้อยู่เหนืออำนาจ ของกิเลสเท่านั้น ที่สามารถรู้ความหมาย ของประโยชน์และสุข ได้ตามความเป็นจริง
ผู้นั้นย่อมค้นพบว่า ชีวิตเราจะสมบูรณ์ ด้วยการแสวงหาประโยชน์ และความสุขของส่วนรวม พร้อมกับประโยชน์ และความสุขของตน
คนส่วนใหญ่มักจะมองว่า เก่ากับใหม่เป็นคนละเรื่องกัน ใครมีความสุขกับของเก่า มักกลัวหรือต่อต้านของใหม่
เพราะกลัวว่า ... ความสุขของตนจะหายไป ใครกำลังทุกข์กับของเก่า
มักรอคอย ... หรือแสวงหาของใหม่ เพราะหวังว่าความทุกข์ ของตนจะหายไป
#ผู้เฝ้าสังเกต ... กายใจของตัวเอง เป็นประจำย่อมตระหนักว่า
ในของเก่า มีของใหม่ผุดขึ้น มาเป็นระยะๆ และในของใหม่มีของเก่า ผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ
ถ้ารู้สึกว่าชีวิต ซ้ำซาก น่าเบื่อ ขอให้เราดูดีๆ
ว่ามันซ้ำซาก ... ที่ความคิดเท่านั้น
ปล่อยวาง ... ความคิดเก่าๆ เมื่อไหร่ ความรู้สึกสดชื่นว่า ชีวิตเราใหม่ทุกๆ วินาที พร้อมที่จะเกิดขึ้น
ถ้าเรารู้สึกตื่นเต้น ... หรือหลงใหลกับของใหม่ ขออย่าลืมว่าของเก่า ........ คือกิเลส ........ คือตัวขัดขวางความสุข ไม่ได้หนีไปไหน ถ้าไม่จัดการกับกิเลส
ความสุขที่ได้ ... จากของใหม่ก็แค่ผิวเผิน
พระพุทธองค์ชมว่า ผู้ที่เคยทำบาปกรรมในอดีต
สำนึกผิดแล้ว ... เลิกทำแล้ว ตั้งอกตั้งใจ พัฒนาชีวิตตามหลัก คำสั่งสอนของพระองค์
ผู้นั้นย่อมดูงาม... เขาส่องโลกนี้ให้สว่าง เหมือนพระจันทร์ที่พ้นจากเมฆ
ปีใหม่เป็นอย่างไร ก็ให้มันเป็นไป ผู้พร้อมจะอดทนใจสู้ ไม่มีอะไรจะต้องวิตก
ผู้พร้อมจะเรียนรู้ ไม่มีวันจะไม่ได้กำไร ผู้พร้อมจะฝึกตน และฝึกตนเป็น ไม่มีวันจะห่าง ไกลความสุข
ขอให้ทุกคน พร้อมจะรับมือ กับปีใหม่ 2565 ด้วยสติและปัญญา
โอวาทธรรม ... พระอาจารย์ชยสาโร
ปีใหม่เป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นไป ผู้พร้อมจะอดทนใจสู้ ไม่มีอะไรจะต้องวิตก ผู้พร้อมจะเรียนรู้ ไม่มีวันจะไม่ได้กำไร ผู้พร้อมจะฝึกตนและฝึกตนเป็น ไม่มีวันจะห่างไกลความสุข
ขอให้ทุกคนพร้อมจะรับมือกับปีใหม่ 2565 ด้วยสติและปัญญา
พระอาจารย์ชยสาโร
ละชั่วทำดี เป็นพรทั้งปีใหม่ปีเก่า
นี่ได้เตือนพี่น้องทั้งหลายว่าปีใหม่ปีเก่า ให้เข้าใจปีใหม่ปีเก่านะ ขึ้นปีใหม่ๆ ให้วิ่งหาแต่มืดกับแจ้งปีใหม่ปีเก่านะ อย่าดูเจ้าของ ปีใหม่ปีเก่า พรปีใหม่ก็คือพรเพื่อเจ้าของเอง มืดแจ้งไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาอันใหญ่หลวงอยู่กับตัวของเราเอง ปีใหม่ให้ตั้งเนื้อตั้งตัวให้ดี พยายามปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แล้วสิริมงคลจะขึ้นกับตัวของเราในท่ามกลางปีใหม่ปีเก่านี้แหละ ไปตื่นตั้งแต่ปีใหม่ ไม่สนใจดูเจ้าของไม่ได้นะ ธรรมท่านไม่ได้สอนแบบกิเลสหลอกคน เป็นบ้ากันกับปีใหม่ปีเก่า มืดกับแจ้งมันมีปัญหาอะไร มันเป็นปัญหาอยู่กับตัวของเราเองนี่น่ะ
ให้แก้ตัวของเราที่เป็นปัญหาใหญ่นี่ซิ อะไรไม่ดีปีนี้ให้พยายามถ่ายทอดมันออกไป พยายามเสาะแสวงหาความดีเข้ามาสู่ตนเอง นี่เรียกว่าพรปีใหม่ พรเราหาเองนะ ไม่ใช่มืดแจ้งมาหาให้เรา พรที่ดีก็เป็นของเรา สิ่งที่ชั่วก็เป็นของเราถ้าเราทำ ให้พากันรู้เนื้อรู้ตัว พรปีใหม่ปีเก่ามีแต่มืดกับแจ้ง ตัวของเราเองนี่ตัวรับเคราะห์รับกรรม ถ้าทำไม่ดี ให้พยายามปฏิบัติตัวให้ดี จะเรียกว่าพรปีใหม่อยู่กับตัวของเราทุกคน ๆ ธรรมท่านสอนอย่างนี้
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
โทรทัศน์ โทรศัพท์ วิทยุ ในปัจจุบันอันตรายมากเหลือเกิน
คนทุกวันนี้ดูแต่ของพวกนี้ อันตรายเหลือเกินอย่างนักหนา
หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต วัดป่าบ้านตาด
""""สวดอิติปิโส หรือยัง""""
"ญาติโยมบางคน เล่าให้ฟังอย่างเบิกบานเป็นสุขชัดเจนว่า ตั้งแต่เด็กท่านผู้เป็นบิดาบังคับให้สวดอิติปิโส ก่อนลงบันไดเรือนทุกวัน คือก่อนจะออกจากบ้านไปไหน ๆ รวมทั้งไปโรงเรียนด้วยนั่นเองและถ้าบังเอิญผู้ใหญ่ท่านเห็นก่อนจะไป ก็จะถามว่า ได้สวดอิติปิโส ตามท่านสั่งแล้วหรือยัง ซึ่งบางครั้งก็ลืม เมื่อลืมก็จะต้องหยุดสวดก่อน แล้วจึงจะออกจากบ้านได้ เช่นนี้ตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบ ต้องทำตลอดมาจนติดเป็นนิสัย โดยที่ได้รับกำลังใจสำคัญจากท่านผู้เป็นบิดาว่า การสวดอิติปิโสจะคุ้มครองรักษาให้ปลอดภัยได้ทุกประการ เพราะการสวด อิติปิโส คือการอัญเชิญพระบารมีสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าปกป้องคุ้มครอง
ท่านยืนยันหนักแน่นยิ่งนักสำหรับจิตใจเด็กว่า ไม่มีบารมีใดยิ่งใหญ่เท่าพระพุทธบารมีและเพราะบรรดาผู้ที่ได้รับคำสั่งให้สวดอิติปิโส ล้วนเป็นผู้อยู่ในวัยเด็ก ที่กำลังกลัวผีอย่างขึ้นสมอง ราวกับเคยถูกหลอกให้ตกอกตกใจมาแล้วฉะนั้น ทั้ง ๆ ที่มีความคุ้นเคยแต่คำว่า ผีเท่านั้น รูปร่างหน้าตาหรือการหลอนหลอกของผีก็ต่างไม่เคยพบไม่เคยเห็นสักคน แต่ทุกคนก็กลัวกันจริง คำรับรองที่ว่า พระบารมีในสมเด็จพระบรมศาสดากันผีได้จึงมีความหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับจิตใจเด็กทั้งหลาย นั่นก็คือ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีความสำคัญที่สุดในความรู้สึกนึกคิดของเด็กทั้งหลายที่ได้รับการอบรมอย่างถูกต้องแต่เด็ก ให้เห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
สมัยนี้มีบุญน้อยไปตามกัน ผู้ใหญ่จึงไม่เห็นความสำคัญที่จะควรต้องอบรมบ่มจิตใจลูกหลานให้รู้จักสมเด็จพระบรมศาสดาหรือ พระพุทธโธ หรืออิติปิโส ตั้งแต่เด็ก เพื่อใช้ชีวิตมีมงคลยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาบรรจุอยู่เต็ม ไม่เปิดโอกาสให้อัปมงคลนานาประการเข้าครองจิตครองใจได้ เช่นที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ อย่างเป็นที่รู้ที่เห็นกันอยู่ แต่อย่างไม่ตระหนกตกใจในภัยร้ายที่กำลังคุกคามชีวิตน้อย ๆ ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่อย่างเร้นลับ แต่ผลร้ายจะน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้งตามกาลเวลาที่ล่วงไปแน่นอน"
แสงส่องใจ มาฆบูชา ๒๕๔๗ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
“..พรปีใหม่ 2565 จากหลวงพ่อ..”
…ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนไตร คือพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ จงปกป้องคุ้มครองรักษา ให้ท่านทั้งหลาย มีแต่ความสุขความเจริญ แคล้วคลาดปลอดภัย อายุมั่นขวัญยืน มั่งมีศรีสุข คิดสิ่งใด ขอให้สมความปรารถนา ในทุกสิ่งทุกประการ….เทอญ….
………………………………… .พรปีใหม่ 2565 จาก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2565
"คนเรามีทุกข์มาก ทุกข์จากการเกิด จากความแก่ ความเจ็บ และความตาย ความพลัดพราก ทุกข์จากความคิดปรุงแต่งในอดีต ในอนาคต ฉะนั้นจงอย่าประมาท อย่าทำชั่ว อย่าทำบาป"
โอวาทธรรม หลวงปู่อ่ำ ธัมมกาโม วัดสันติวรญาณ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์
#ความตาย_นั้นน่ะ_ขวางหน้า
"... อยู่แล้วด้วยกันทุกคน..!! เราอยู่ด้วยกัน เฉพาะอย่างยิ่ง ในขณะนี้ ก็ล้วนมีความตายเต็มตัวด้วยกัน ไม่มีใคร ยิ่งหย่อนกว่ากัน ความตายเต็มร่างกาย และทุกวินาที ที่เรามานั่งอยู่ที่นี่ ก็เรียกว่า “ก้าวไปทุกชั่วโมง” กาลเวลา กินเข้าไปเรื่อยๆ เป็นวินาที เป็นนาที เป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เข้าไป เข้าไปจนถึง จุดแห่งความตาย แล้วก็ตายได้ด้วยกัน... " อยู่ด้วยกัน แม้จะรักชอบกันขนาดไหน ความตายมันก็ไม่ได้ไว้หน้าใครทั้งนั้น ถึงกาลแล้วก็ต้องพลัดพรากจากกันไป ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงสอนว่า #สพฺเพ_สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น #อเวรา_โหนฺตุ จงอย่าได้คาดเวร จงอย่าได้มีเวรแก่กันและกัน #อพฺยาปชฺฌา_โหนฺตุ จงอย่าได้พยาบาท อาฆาต อย่าได้เบียดเบียนกัน #อนีฆา_โหนฺตุ_สุขี_อตฺตานํ_ปริหรนฺตู จงอย่าได้เกลียดหน่าย ชังกัน จงทำตนไปสู่ความสุขโดยทั่วกันเทอญฯ "... ที่ท่านสอนให้สัตว์ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน ให้เห็นอกเห็นใจกัน ให้ มีความเมตตาสงสารซึ่งกันและกัน เขาตีตราไว้แล้ว “โอ้ สัตว์ตัวนี้จะตายวันนั้น สัตว์ตัวนี้จะตายวันพรุ่งนี้” เขาบอกไว้แล้ว คนและสัตว์ก็มีตราหมดทุกตัวอยู่แล้ว จึงไม่ควรประมาท ควรรีบเร่งขวนขวายบำเพ็ญเสียแต่บัดนี้... "
#ญาณสมฺปนฺโนวาท #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน #วัดป่าเกษรศีลคุณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
วัยของเรานี้ผ่านไปรวดเร็วเหมือนถูกบังคับ รูปที่มีอยู่ก็เปลี่ยนไปเหมือนรูปอื่นๆ ที่เปลี่ยนไปแล้วและดับไปแล้ว
เมื่อย้อนมาพิจารณาระลึกถึงตัวของเรา เราก็จะเหมือนกับตัวตนของคนอื่นที่ล่วงผ่านไปแล้วตามคติของโลก
อย่างไรเลยก่อนตายเราควรจะไว้ลายศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น ควรจะตายอยู่ตามท้องถ้ำ เงื้อมผา ป่าเขา จึงจะสมน้ำสมเนื้อแห่งความเป็นนักรบธรรม
#หลวงปู่เจี๊ยะ #จุนโท
#หลวงปู่เจี๊ยะสอน #สุดยอดแห่งการพิจารณา
“ท่านทั้งหลายจงพยายามพิจารณาธาตุขันธ์ร่างกาย คิดค้นให้ละเอียดถี่ถ้วนถี่ยิบ ไม่ให้หลุดรอดไปได้ทุกส่วน ทุกกระเบียดนิ้ว ท่านสอนแบบชำนาญมาก แต่ก่อนท่านไม่พูดจึงไม่มีใครรู้ ท่านบอกให้พยายามพิจารณากาย เลื่อนขึ้นเลื่อนลงอยู่อย่างนั้น อย่าให้ขาด ให้เอาร่างกายเป็นตัวพิจารณา ตั้งแต่เล็บมีอะไร มีหนังกำพร้า ใต้หนังกำพร้ามีอะไร มีเนื้อ ใต้เอ็นมีอะไร มีกระดูก อย่างนี้เป็นต้น แล้วกำหนดตัดทีละชิ้นๆ จากปลายเท้าขึ้นมาบนศีรษะ จากศีรษะลงมาสู่ปลายเท้า พิจารณาไปจนเพลินใจอยู่อย่างนั้น อย่าหยุด ถ้าพวกท่านทำได้อย่างนี้ตลอด ซักวันพวกท่านจะมหัศจรรย์ในเรื่องนี้”
เมื่อพวกพระได้โอวาทธรรมแล้ว ต่างองค์ก็ต่างนำไปประพฤติปฏิบัติ พระรูปที่จิตเป็นสมาธิดี ก็จะนำเรื่องภาวนาด้วยการพิจารณากายนี้มากราบเรียนว่า
“ท่านอาจารย์ครับ ไม่ไหวแล้วครับ ตัดได้ ๒-๓ ข้อแล้ว จิตมันก็ไม่อยากเอาแล้วครับ มันขี้เกียจมันอยากจะหยุด มันไม่เพลิน มันไม่นิ่ง”
“เฮ้ย!...จิตมันออกทำงานมันก็เหนื่อยซิวะ มันไม่เพลินหรอกเพราะ งานยังไม่ชำนาญ มันไม่สบายเหมือนเรือนพักในสมาธิ พิจารณาสกนธ์กายธาตุขันธ์นี้ให้หนักเลย ยิ่งขี้เกียจยิ่งต้องเอาให้หนัก การพิจารณากายอย่างนี้ฝืนมาก มันไม่เหมือนจิตสงบๆ การพิจารณาร่างกาย อึดอัดต้องฝืนมาก มันไม่สนุก อึดอัดมาก ต้องฝืนเข้าไป มันไม่สนุก ต้องฝืนค่อยๆ ทำไปจนนิสัยเคยชิน คำบริกรรมพุทโธไม่ต้องใช้แล้ว ใช้พิจารณาดูอันนี้แทน ค้นในร่างกายอย่างเดียวเลย”
ท่านพูดเพียงเท่านี้ก็พากันนำไปปฏิบัติต่อ
ตอนนั้นถึงทำกันก็ยังไม่ค่อยได้เรื่องอย่างที่ท่านสอน ท่านจะเรียกถามเสมอว่า
“เฮ้ย!...พวกท่านพิจารณาเป็นยังไงมาบอกผมซิ มาถามผมซิ มาบอกหน่อยมันเป็นยังไง อย่านั่งแช่นะ ถ้าขืนนั่งแช่ห้ามนั่ง”
ท่านจะดุ เรื่องนั่งสมาธิแช่ๆ นิ่งๆ มาก เพราะท่านว่า ถ้าคนเคยทำจะเป็นนิสัย คนนั่งภาวนาเคยง่วงมันก็จะง่วงอยู่อย่างนั้น แก้ยาก
หลังจากนั้นมาท่านจะไม่พูดเรื่องสมาธิเลย จะพูดสอนเรื่องการพิจารณาอย่างเดียว ทุกๆ วัน ท่านจะสอนอย่างนั้น เช้า กลางวัน เย็น กลางคืน ดึกดื่น ไม่ว่าเวลาไหนๆ ท่านก็จะสอนให้พิจารณาอย่างนั้น พอท่านถามพระทั้งหลายว่าพิจารณาอย่างไร ผลเป็นอย่างไร ผู้ตอบท่านกึกๆ กักๆ คล้ายๆ ว่าไม่ทันใจ ท่านก็ว่า
“ฮื้อ!...ฮื้อ!...มันต้องไอ้เฒ่าเองน้า”
ตอนหลังเมื่อท่านสอนจนผู้ปฏิบัติตามชำนิชำนาญบ้างแล้ว การพิจารณาแบบนี้ก็ไม่กลัวกัน พิจารณาได้ พิจารณาให้ตายเป็นเถ้าถ่านเป็นดินไปเลย
ในตอนหลังเมื่อพระเหล่านั้นพิจารณาเป็นแล้ว จิตก็อยู่นิ่งๆ ได้ ในจิตนั้นก็ปรากฏรู้ว่า “เราไม่กลัวตายแล้ว” มันบอกไม่ถูกมันสบาย ก็เกิดความมหัศจรรย์ครั้งแรกด้วยการพิจารณาตัดอย่างนั้น เชื่อในพระอาจารย์เจี๊ยะผู้สอนอย่างเต็มใจ
เมื่อพิจารณามากๆ เข้า ท่านก็แสดงอาการพอใจที่ได้อบรมสั่งสอนมา ท่านถามให้พระตอบท่าน ท่านอยากฟังเรื่องราวที่พระรูปใดปฏิบัติ ก็ต้องเล่าถวาย ท่านจึงจะชี้แจงข้อถูกผิด
ท่านบอกว่า ไม่พอ การพิจารณาเท่านี้ยังไม่พอ การพิจารณาอะไรเป็นอสุภะ คือความไม่งามได้ ทีนี้มาลองพิจารณาให้เป็นสุภะ คือความสวยงามหน่อยซิ ท่านก็เล่าการพิจารณาขั้นสุดท้าย สำหรับการพิจารณาให้ฟังว่า
“อะไรๆ ทั้งหมดรวมลงมาอยู่ที่การพิจารณากาม สุดยอดกรรมฐานคือกาม ผู้ชายเราสงสัยข้องใจอะไรมาก ก็เป็นเพศของผู้หญิง เมื่อพิจารณา หน้า ตา เนื้อ หนัง อะไรๆ อื่น ก็เหมือนกันหมด มันเหมือนกันหมดทั้งชายและหญิงตลอดจนสัตว์อื่น แต่เมื่อพิจารณาอย่างนี้พิจารณาได้ยาก แต่จะแก้กาม ต้องพิจารณาแก้ที่ตรงนี้”
ท่านสอนเด็ดขาดและแปลกกว่าใครๆ ที่เคยสอนกันมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ใครๆ ก็หลงอย่างนี้ทั้งนั้น บางคนถึงกับนั่งฟังไม่ได้ ท่านสอนผู้หญิงให้กำหนดตัดอวัยวะเพศชาย สอนพระผู้ชายให้กำหนดตัดอวัยวะเพศหญิง ท่านสอนพูดออกมาเป็นคำที่โลกรังเกียจ แต่พากันหวงแหนนั่นแหละ นำมาเล่าคงไม่ดี ท่านบอกว่าการพิจารณาอย่างนี้เอาให้หนัก ของอย่างนี้สำหรับผู้ต้องการแก้กิเลสเอามันไว้ไม่ได้
พระอาจารย์เจี๊ยะบอกว่า
“เมื่อพิจารณาอวัยวะเพศของหญิง จิตยังสะดุ้งสะเทือนแสดงว่ายังใช้การไม่ได้ อ่านตำรายังไม่จบ ให้ไปเรียนคัมภีร์มาใหม่”
พระทั้งหลายที่ได้ยินได้ฟังเช่นนั้นก็กลัว ไม่กล้าพิจารณาบางองค์สั่นทั้งตัว ไม่กล้าทำ ทำไม่ได้ ท่านก็ดุเอาสิว่า
“ไอ้ฉิบหาย!! กลัวอะไร ประสา... เอาเลย... พิจารณาเลย”
ถ้าพระอาจารย์เจี๊ยะไม่สอนทางด้านปัญญา พวกพระคงภาวนาพุทโธอยู่ตลอดปีตลอดชาติ ไม่รู้เรื่อง นี่ท่านมาตีออก ชี้แจงแสดงเปิดเผยออกเป็นชิ้นส่วน พวกเรานักภาวนาก็พิจารณาตามท่าน เก่งบ้าง ไม่เก่งบ้าง ชนะบ้าง ไม่ชนะบ้าง มันลากเราบ้างเป็นครั้งคราว กิเลสตัวนี้สำคัญมากสำหรับพระใกล้ชิดท่านจริงๆ ท่านจะสอนเน้นเรื่องนี้ตลอด ก็คือเรื่องกามกิเลส ต้นเหตุแห่งกามกิเลส ต้นตอมันอยู่ไหน ท่านก็ให้พิจารณาตรงนั้น อย่าอ้อมค้อม ให้ตีให้แตกด้วยอริยสัจ อย่างอื่นท่านก็สอนแต่ไม่เน้นเท่ากับเรื่องกามกิเลส ชนะอันนี้ชนะได้หมดท่านว่า ไม่ชนะอันนี้อย่ามาคุย คุยได้ก็ไม่รู้เรื่อง นี้แหละคือสุดยอดแห่งกรรมฐาน มนุษย์สร้างภพสร้างชาติก็เพราะตัวนี้แหละ ไม่พิจารณาตัวนี้จะพิจารณาอะไร
ท่านก็ยกเรื่องท่านอาจารย์มหาบัวมาเล่าประกอบว่า เคยสนทนากับท่านอาจารย์มหา (บัว) สรุปได้ความว่า ถ้าพระกรรมฐานคุยกันเรื่องภาวนา ถ้ายังละกามฉันทะไม่ได้ ไม่ต้องมาคุยกัน เรื่องตา หู จมูก ลิ้น กาย ตลอดจนใจมันไปถึงไหน พิจารณาให้มันถึงพริกถึงขิงตรงนั้น อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า
“#สุดยอดแห่งการพิจารณา”
|