นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 18 ม.ค. 2025 2:43 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 12 ก.พ. 2022 5:47 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4806
การอยู่คนเดียว ไปคนเดียว เป็นที่สบาย
ไม่มีเรื่องราวมาก่อกวนให้วุ่นวาย
หากถึงคราวจำต้องตาย ก็ไม่ต้องห่วงกังวล
ชีวิตมนุษย์ก็เพียงยอดหญ้าเท่านั้น
ไม่มีราคาค่างวดอะไร
ในร่างกายมองดูก็เห็นแต่อสุภะ
ไม่เห็นเพชรนิลจินดาเกิดขึ้นมากับร่างกระดูกนี้ได้เลย

#หลวงปู่ลี_กุสลธโร






ชีวิตคนทั่วไป บางทีแต่งงานแล้วไม่มีความสุข หรือว่าอยู่ในที่ทำงานไม่มีความสุข เป็นต้น...อดทน อดทน อดทน อดทน อืมมมมมม อดทนนน อดทนนนน กัดฟันนน กัดฟันนนน มันก็ดีอยู่ น่าอนุโมทนาถ้าทำได้ แต่มันก็ยังไม่ใช่ขันติความอดทนที่แท้จริง เพียงแต่ว่าอาจเป็นทางนำไปสู่ขันติได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร รู้ได้ว่าลึกๆ มันจะมีความโกรธ ความแค้น ความรู้สึกกดดัน ความรู้สึกเบื่อหน่าย ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรารู้สึกว่า เราบังคับตัวเองให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ นั่นยังไม่ใช่ความอดทน

ความอดทน คือ จิตใจไม่สู้ ไม่ฝืน ไม่หดหู่ ในเมื่อเจอหรือต้องอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ต้องการ มีความปกติกับสิ่งที่ไม่ชอบ มีความสงบกับสิ่งที่ไม่สงบ มีการยอมรับกับภาวะที่ไม่ปรารถนา ไม่มีการสู้ แม้แต่ด้วยความคิด ถ้าจะเป็นขันติบารมี จะต้องมีความรู้สึก ‘ปกติ’ อยู่ ต้องถึงขั้นนี้ มันจึงจะเป็นเครื่องเผากิเลส

พระอาจารย์ชยสาโร






#กรรมดี_หรือชั่ว

"... ถ้าได้ทำลงไปแล้ว ถึงแม้คนอื่น
จะไม่รู้เรื่องที่เราทำ ตัวเรานั้นแหละ
รู้ตัวเองดีที่สุด

... ถึงจะโกหก คนทั้งโลกได้ แต่เรา
จะโกหกความจริงไม่ได้ ปากคนเรา
พูดจริงพูดเท็จได้

... แต่จิตไม่เคยบอกเท็จ ในเรื่องกรรม
พอตายไปแล้ว ยมบาลไม่ต้องถามให้ยาก

#จิตเราที่บันทึกกรรมดีชั่ว_จะอธิบายบอกเล่าให้ฟังเอง... "

#หลวงปู่ชอบ_ฐานสโม








…” นักปฏิบัติต้องเปลี่ยนนิสัย “
พิจารณาดูว่าทำเพื่อกามฉันทะหรือไม่
เช่นอาบน้ำต้องใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอมหรือไม่
ต้องประพรมน้ำหอมหรือไม่
เสื้อผ้าต้องเป็นแฟชั่นล่าสุดหรือไม่
ต้องรับประทานอาหารตามความชอบหรือไม่
หรือรับประทานอะไรก็ได้

.คิดอย่างนี้จะตัดกามฉันทะได้
ถ้าจะให้ดีก็ควรเปลี่ยนวิถีชีวิตเลย
เช่นไปอยู่วัดเพื่อควบคุมกามฉันทะ
ไปปลีกวิเวก อยู่ห่างไกลจาก
แสงสีเสียง รูปเสียงกลิ่นรส.
……………………………………….

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๖ กัณฑ์ที่ ๔๒๖
วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔







“ ขอให้ลูกของแม่
ถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นแนวทางดำเนินเดินดุ่มข้างหน้า อย่าห่วงหลังแลคอยภพน้อยภพใหม่อันพาไหลพาหลง ขอให้พากันตรงเดินแต่ต่อต้าน อย่าได้เกียจคร้านขดคู้อยู่แต่บ่อนนอน ให้เฝ้าสอนจิตตนค้นหาแต่ใจของเราผู้เดียวแค่นี้ ”

คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
วัดป่าบ้านห้วยทราย
บ.ห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร





พระเวลาสวดงานศพ
" กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา “

ดีก็ธรรมดา ไม่ดีก็ธรรมดา กลางๆ ก็ธรรมดา
ก็เหมือนฝ่ายวัตถุ มีไฟฟ้าบวก ไฟฟ้าลบ
ไฟฟ้ากลางๆ ทั่วจักรวาล ก็เท่านั้นเอง

ร่างกาย วัตถุ คิด นึก รู้ มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปทุกศูนย์วินาที พระพุทธ เจ้าทั้งหลายเรียกว่า ขันธ์ ๕ คือ กาย ใจ ทั้งหมด กาย เรียกว่า "รูป "หนาว ร้อน สุข ทุกข์ เรียกว่า "เวทนา "นึกนั่น นึกนี่ รู้นั่น รู้นี่ หลงภพ
เรียกว่า "สัญญา”

ที่คนเราเวียนว่ายตายเกิดก็เพราะตัวนี้ หมายรู้ทุกชนิด สัญญาอดีต สัญญาปัจจุบัน สัญญาอนาคต เป็นตัวละเอียด

"สังขาร"ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย คำพูด นึกคิด มันเปลี่ยนไปไม่มีหยุดหรอก กายสังขาร มโนสังขาร คิดบุญ คิดบาป มันเป็นอยู่เรื่อยๆ เหมือนไฟฟ้าบวกไฟฟ้าลบ วิญญาณกระทบหู กระทบตาเห็น กระทบใจนึก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันกระทบอยู่เรื่อย มันก็เป็นอย่างนั้น เกิด รู้ ดับ ก็เรียกว่า "วิญญาณ"

พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต ในปัจจุบัน และ ในอนาคต รู้อันนี้แหละ เป็นของไม่เที่ยง เป็นของธรรมดา เรียกว่า "อนัตตา" สัพเพ ธัมมา อนัตตา เทียบวิทยาศาสตร์อะไรก็ energy ก็หมดเรื่องกันเท่านั้นแหละ

ถ้าเห็นแจ้งแทงตลอดธรรมทั้งหมด อะไรก็เป็นธรรมะ ธรรมดา รู้ธรรมชาติ แจ้งในธรรมชาติ หรือ ธรรมะ มันก็สบาย ความเห็นอย่างอื่น มันก็ดับไปพร้อมกันนั้น ความเห็นผิดมันดับ ทุกข์ก็ดับพร้อม ก็สบายขึ้นตามธรรมดา ไม่ต้องมหัศจรรย์อะไรหรอก มันเป็นธรรมชาติ ถึงจะรู้ว่าไฟ ไม่ไปจับมันก็ไม่ร้อน ถ้าไม่รู้มันก็จับอยู่อย่างนั้น

ถ้ารู้ธรรมเห็นธรรมมันก็หายโง่ พ้นจากทุกข์พอแล้ว หายใจเข้า หายใจออก ก็ธรรมดา ได้ยินก็ธรรมดา ได้เห็นก็ธรรมดา รู้สึกนึกคิดก็ธรรมดา ธรรมดาทั้งนั้น เป็นวิญญาณที่เกิดขึ้นทุกขณะ

พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ "โลกุตรธรรม "
เห็นก็ได้แต่เห็น วางไปไม่ยึดถือ ดับความยึดจึงจะไปรอด ด้วย "สติ" ตัวสติแท้ๆ เป็นโลกุตรธรรม เป็นธรรมพ้นโลก ตัวโลกุตรธรรมเหมือนไฟฟ้าแลบ แปล๊บเดียว มันก็เห็นหมดแล้ว แลบหนเดียวไม่แลบมาก

เจริญสติ หนทางเดียวไปรอด เห็นได้ยินก็สักแต่รู้ ไม่ไปถาม ไปตอบอะไร ไม่ได้สมมุติเป็นเราเป็นเขา เช่น ได้ยินไม่ได้เป็นภาษาอะไร ไม่ใช่ว่าฉันได้ยิน ได้ยินของฉัน ฉันได้ยินพระเจ้า ...ไม่มี

ศาสนาพุทธเป็น fact ไม่ใช่ fiction ได้ยินปั๊บ นี่เป็น fact มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ก็เป็น fact ก็เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดา ไม่ต้องไปอยาก ความคิดทั้งหลายก็เหมือนกัน ไม่ต้องไปหยุด วิญญาณดับไปๆ หยุดไม่ได้ มันไวมากโลกสมมุติ สิ่งใดไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ไปเอามา ไม่ไปเอามาสักอย่าง มันก็ไม่มีเรื่องน่ะซิ ไม่มีเรื่องมันก็สบาย

จิตก็สบายไม่มีสงสัยแล้ว เหมือนอย่างกินข้าวอิ่มแล้วจะไปสงสัยทำไมว่ากินแล้วหรือยัง กินหรือเปล่า กินกับอะไร ไม่ต้องไปคิดแล้ว สำเร็จแล้วนี่ จะไปสงสัยอะไร

ถ้ายังสงสัยอยู่ มันจะพ้นไปได้อย่างไร
จุดหมายปลายทาง คือ ทำความโง่ (อวิชชา) ให้พ้นไปจากจิตโดยเด็ดขาด ไม่มีเรื่องที่จะมาสงสัยอีกแล้ว มีใครชอบให้ถูกด่าว่าไอ้โง่มั้ย ไม่มี

จุดหมายปลายทางมันก็แจ๋ว สงสัยไม่มี มันก็ถูกต้อง
...............
องค์หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ที่มาจากหนังสือ "เสียงธรรมจากบรัสเซลส์ เบลเยี่ยม"








#ให้พากันจำเอาไว้ให้ดี

ปฏิบัติภายนอกนั่นเป็นแค่ท่าทาง
แต่ขาดการปฏิบัติภายในของเจ้าของ
ก็เป็นแค่หลอกตนเองเท่านั้น
ว่ามาเข้าวัดปฏิบัติธรรม

#หลวงปู่แบน #ธนากโร






#พวกเราอย่าพากันประมาทนะ
#เงินนี่ใช้แค่ชั่วชีวิตเดียว #แต่บุญนี้กินไม่หมด

เกิดมา ภพใด ชาติใด จะเป็นคุณหนุนนำจิตดวงนี้ ทำอะไรสะดวกไปหมด แต่จิตใจนี่ต้องขัด ต้องเกลา ด้วยศีล ด้วยธรรม ด้วยภาวนาพุทโธ

เพราะอำนาจตัวนี้รุนแรง ขี้เกียจก็รุนแรง ขี้โกรธก็รุนแรง ขี้โลภก็รุนแรง ราคะตัณหารุนแรงหมด

ต้องขัดด้วยศีล ขัดด้วยธรรม ไม่อย่างนั้นก็จมต่ำหมดเลย พากันร้องห่มร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจกัน

ขัดทุกวันๆไม่มีใครจะทำแทนให้กันได้นะ สามีทำแทนภรรยาก็ไม่ได้ ภรรยาทำแทนสามีก็ไม่ได้ พ่อก็ทำแทนไม่ได้ แม่ก็ทำแทนไม่ได้ ลูกก็ทำแทนไม่ได้ ไม่มีใครทำแทนให้กันได้สักคน เหมือนการทานอาหาร ทานแทนให้กัน
ไม่ได้นะ

นี่ก็เหมือนกัน เจ้าของก็ต้องขยันเอง ชำระเอง มาขัดตัวขี้เกียจ ตัวขี้โกรธ ตัวขี้โลภ ตัวขี้หลง ตัวขี้โกหก ตัวพิษทำลายน้ำใจซึ่งกันและกัน เบียดเบียนซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้เป็นโทษมลทิน เป็นพิษทั้งหมด

แก้ด้วยศีลธรรมเท่านั้น อย่างอื่นแก้ไม่ได้ ไม่มีทางแก้ได้ ถ้าแก้ได้แล้วจิตก็สบาย ใสไปเรื่อยๆ ผ่องใสไปเรื่อยๆจากโลกนี้ก็ไปสุคโต

เมื่อสมบูรณ์แล้วศีลจะคุ้มครอง เป็นเกราะป้องกันให้ตัวเราเอง ชี้แนะในจิต ไม่ทำ เป็นหิริโอตัปปะในตัว ครองในจิต สมหวังในทุกภพ ทุกชาติ จนแก่กล้าเหมือนต้นไม้ พื้นที่อุดมสมบูรณ์มันใหญ่มันโตของมัน ใหญ่งามตลอด งามตลอด ผลมันสุกมันห่ามของมัน

จิตดวงนี้ก็เหมือนกัน ถ้าถึงขั้นนั้นแล้ว สว่างจ้าขึ้นมาทัน มันเป็นของมันเอง ไม่ว่าผู้หญิง หรือ ผู้ชาย บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนกันหมด ไม่ขัดแย้งกัน แต่ในแง่การปฏิบัติต่างกัน เพราะอำนาจความรุนแรงของจิตต่างกัน

เรื่องของการทำบุญ สมัยก่อนมีพ่อค้าคนจีน ชื่อ เจ็กไฮ เจ็กไฮ ไปทำบุญกับพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงปู่มั่น ด้วยความปลื้มอก ปลื้มใจ ทำอาหารถวายหลวงองค์ปู่มั่น เจ็กไฮใส่บาตรเสร็จแล้ว

พอถึงเวลารับพร เขาก็เรียกเจ็กไฮมารับพร เจ็กไฮว่า อั๊วไม่เอา สวดอั๊วก็ไม่สวดอั๊วได้บุญตั้งแต่อั๊วคิดที่บ้าน นี่ หลวงปู่มั่นท่านชมเชยเจ็กไฮมาก

นี่เจตนาเป็นตัวบุญกุศล
พวกเราดูเจ็กไฮเป็นตัวอย่าง

องค์หลวงปู่ทุย #ฉันทกโร

ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงปู่ทุย
พ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยความเคารพ
เทิดทูนเหนือเศียรเกล้า


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 89 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO