…ถ้ากังวลกับ..ความเป็นความตาย ก็พิจารณาว่า ร่างกายมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวเราของเรา
.มันถึงเวลาแล้ว.. “ เดี๋ยวมันก็ต้องตายด้วยกันทุกคน “ ห้ามมันไม่ได้
.” ไปวิตกกังวล ไปวุ่นวาย “ กับความเป็นความตาย ก็ไม่เปลี่ยนแปลงความเป็นจริง. …………………………………………… . พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี สนทนาธรรมบนเขา ๒ มีนาคม ๒๕๖๓
"แม้จะมีความรู้มีธรรม ที่ปฏิบัติศึกษามาก่อนแล้ว ในอดีตกาล แต่ถ้าไม่ได้ รับการรื้อฟื้นทบทวนทำ ใหม่เลยในปัจจุบันชาติ ความรู้สามารถที่อบรมมา ในกาลก่อน ก็จะถูกกาลเวลาปิดไว้
เฉกเช่นกับมีสมบัติ แม้มากมาย แต่ปกปิดไว้ สมบัตินั้นย่อมไม่ปรากฏ มีก็เหมือนไม่มี ต้องเพิก เครื่องปกปิดนั้นออกเพื่อ จะรวมสมบัติใหม่เข้าไว้ด้วย เพิกเครื่องปกปิดออกสมบัติเก่า จึงจะปรากฏ สมบัติใหม่จึงจะ ได้รวมเข้าเป็นส่วนเพิ่ม พูนสมบัติเก่านั้น
วิทยาการทั้งหลายและ ธรรมปฏิบัติก็เช่นกัน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สมบัติธรรม อันเป็นสมบัติเดิมของตน ที่สะสมไว้ว่ามีมากน้อยเพียงไร เพราะถูกกาลเวลาปกปิดไว้ ต้องศึกษาปฏิบัติในปัจจุบัน จึงจะเป็นการเปิดสมบัติเก่า ให้เห็นได้ เพื่อรวมสมบัติใหม่ เข้าไว้ด้วยกันให้เป็นอันหนึ่ง อันเดียว แม้เป็นสมบัติของ บัณฑิตคือเป็นธรรมสมบัติ ก็จะปรากฏความเป็นบัณฑิต ในธรรม ที่แม้อาจไม่ประจักษ์ แก่ผู้อื่นทั่วไป แต่ย่อมประจักษ์ แก่ใจตนเองแน่นอน"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
"การทำความดีนั้น มีหลายรูปแบบ เป็นต้นว่าช่วยเหลือ คนอื่น ทำความดีนั้น ต้องอดทน เอาเวลา เป็นเครื่องพิสูจน์ "ทำความดีอย่าให้ดีเกิน ให้พอดี" เวลา สถานที่ บุคคล เหตุผลนั้นๆ เป็นสิ่ง ที่ทุกๆคนต้องพิจารณาเสมอ ทำดีด้วยความดี เพื่อความดีด้วยความ บริสุทธิ์ใจ ผลนั้นจะดีเอง"
หลวงพ่อถาวร จิตตถาวโร 27พ.ค.2526
#ท่านพ่อพุทธทาสกล่าวไว้
คนเรา ทุกวันนี้ ดิ้นรน ไขว่คว้าหาสิ่งที่ไม่มี และสุดท้ายทุกคน ก็จะได้ในสิ่งเดียวกัน คือไม่ได้อะไรเลย
สิ่งที่มีอยู่ เป็นอยู่ จะต้องแปรเปลี่ยน และดับลงในวันหนึ่ง โดยไม่ยกเว้นได้
เพราะว่า.. ถ้าเป็นความมีความเป็นแล้ว ต้องเป็นสิ่งที่มีการเกิด และเกิดขึ้นโดยอาศัย "เหตุ-ปัจจัย" อย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ
อันความมี ความเป็นนั้น เป็น"มายา"ทุกชนิด แม้จะอยู่ได้นานสักหน่อย ก็ยังต้องแตกดับอยู่ดี.
พุทธทาสภิกขุ ที่มา : เรื่องยาว "ตอบคำถามบาทหลวง" พฤศจิกายน ๒๔๘๒
ทำใจของเราให้มันถึงมรรคถึงผลก็พอ เรื่องอื่นอย่าไปใส่ใจมัน เรามีเวลาจำกัดนะจำไว้-
หลวงพ่อจิตโต
"ความคิดเห็นของเรา กับคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสไว้นั้น ต่างกันเสมอ เช่น สภาวะร่างกายของเรานี้ มันไม่เที่ยงแท้ ไม่คงทนถาวร แต่เราก็ยังคิดว่าเป็นเราอยู่ ผลสุดท้ายก็เป็นความจริงของพระพุทธเจ้า เป็นธรรมหมดทุกอย่าง เรื่องความยึดถือยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็นของเรานั้น ไม่จริงสักอย่างเลย ถ้าถึงคราวมีอะไรเสียไป ก็ร้องไห้ว่าเสียดาย โง่มากจนร้องไห้ เพราะคนไม่เห็นธรรมะ ไปยึดแต่ของเรา ถ้าไม่ใช่แล้วก็ร้องไห้เท่านั้นเอง ถึงกระนั้น ก็ยังไม่รู้จักว่าตัวเองทุกข์ ยังไม่ยอมรับ เพราะคนมีความมืดหนาด้วยกิเลสตัณหา จึงชอบเป็นอย่างนั้น"
หลวงปู่ชา สุภทฺโท
|