ร่างกายเราเกิดมาจากส่วนหนึ่งของพ่อกับแม่ ถ้าเอาร่างกายนี้สร้างบุญ #พ่อแม่ก็ได้บุญ ถ้าใช้ร่างกายไปทำบาป #พ่อแม่ก็จะได้รับทุกข์รับบาปไปด้วย เหตุปัจจุบันเป็นผลในอนาคต ปัจจุบันที่เราเป็นก็คือผลจากอดีต
หลวงปู่อว้าน เขมโก
ความหงุดหงิดไม่เคยให้ประโยชน์อะไรกับชีวิต แถมยังทำลายคุณภาพชีวิตตัวเองเปล่าๆ ปลี้ๆ จึงนับว่าความหงุดหงิดเป็นความโง่ หากมีคนแนะนำสั่งสอนเราแล้วเรารู้สึกหงุดหงิด เราจะป้องกันความหงุดหงิดได้ด้วยการคิดพิจารณาเสียก่อนว่า เขาพูดทำไม ด้วยเจตนาร้ายหรือดี ถ้าด้วยเจตนาดีและเราคิดว่าสิ่งที่เขาแนะนำน่าจะเป็นประโยชน์ เราจะไปหงุดหงิดทำไม เราต้องขอบคุณเขา คิดเสียว่าเรามีบุญนะที่ได้พบคนที่หวังดีมีเมตตา เป็นโอกาสที่เราจะได้พัฒนาตัวเอง
แต่ในกรณีที่คนพูดมีเจตนาร้าย ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองโกรธ หงุดหงิด รำคาญ ก็เรียกว่าเขาชนะเราแล้ว เพราะเขาต้องการให้เราเป็นทุกข์วุ่นวายใจ ถ้าเราไม่อยากให้เขาชนะ ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการวางใจเฉยๆ เขาพูดก็เรื่องของเขา เรารู้อยู่ในเรื่องของเรา ไม่ต้องไปทะเลาะกับใคร
ส่วนมากแล้วความหงุดหงิดเกิดจากการไม่ยอมรับความจริง เราไม่อยากให้เขาพูดอย่างนั้นทำไมเขาต้องพูดอย่างนั้น สำหรับคนฉลาด เวลามีใครมาสอนในสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว เหมือนว่าเขาคิดว่าเขารู้ดีกว่าเรา ทั้งที่จริงๆ แล้วเรารู้มากกว่าเขาด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องท้าทายคนฉลาดที่จะไม่หงุดหงิด หรือคนฉลาดที่สมองแล่นเร็ว เวลาเจอกับคนสมองช้า จะต้องระวังตัวให้มาก เนื่องจากคนฉลาดมักจะหงุดหงิดคนที่คิดช้าได้ง่ายๆ คิดว่าทุกคนจะต้องคิดเร็วเหมือนตัว ทำไมเรื่องแค่นี้เขายังคิดไม่ได้ นั่นเป็นเพราะเราเอาตัวเองเป็นมาตรฐาน ซึ่งมันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับเขานะ
พระอาจารย์ชยสาโร
"... ที่ผมได้ความรู้ความฉลาด จนได้มา แบ่งปัน พวกท่านทั้งหลายนั้น ก็เพราะผมได้ไปกราบครูบาอาจารย์มั่น ไปพบท่าน แล้วก็เห็นสภาพวัดวาอาราม ของท่าน ถึงจะไม่สวยงาม แต่ก็สะอาดมาก พระเณร ตั้ง ๕๐ - ๖๐ เงียบ..!! ขนาดจะถากแก่นขนุนซักผ้าก็ยังแบกเอาไปฟันอยู่โน้นไกลๆโน้น..!! เพราะกลัวจะก่อกวนความสงบของหมู่เพื่อน พอตักน้ำ... ทำกิจอะไรเสร็จ ก็เข้าทางจงกรม ของใคร ของมัน ไม่ได้ยินเสียงอะไร นอกจากเสียงเท้าที่เดินเท่านั้นแหละ ประมาณ ๑ ทุ่ม เราก็เข้าไปกราบท่าน เพื่อ ฟังธรรม ได้เวลาพอสมควร ประมาณ ๔ ทุ่มหรือ ๕ ทุ่ม ก็กลับกุฏิ เอาธรรมะที่ได้ฟังไปวิจัยไปพิจารณา เมื่อได้ฟังเทศน์ท่าน..มันอิ่ม เดินจงกรมทำสมาธินี่ มันไม่เหน็ดไม่เหนื่อย มันมีกำลังมาก ออกจากที่ประชุมกันแล้วก็เงียบ..!! บางครั้ง อยู่ใกล้ ๆ กัน เพื่อนเขาเดินจงกรมอยู่ ตลอดคืนตลอดวัน จนได้ย่องไปดูว่าใคร ท่านผู้นั้นเป็นใคร ทำไมถึงเดินไม่หยุดไม่พัก นั่นเพราะจิตใจมันมีกำลัง... "
#พระโพธิญาณเถรหลวงพ่อชา_สุภทฺโท วัดหนองป่าพง_จังหวัดอุบลราชธานี #จากหนังสือ_อุปลมณี_หน้า๒๔
…ถ้าไม่มีความอยากแล้ว ใจเฉย ๆ ใจจะไม่ทุกข์ไม่เดือดร้อน กับความเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย
.ความตายของร่างกายก็เช่นเดียวกัน ต่อไปร่างกายมันก็ต้องหยุดหายใจ “ ถ้าใจมีสติมีปัญญา “ ก็จะรู้จักวิธีปฏิบัติกับความตายของร่างกาย
.เวลามันตายก็ปล่อยมันตายไป เราก็ทำใจของเรา ดูลมของร่างกายไป ดูไปจนกว่า ลมมันจะหยุดหายใจ ..ก็เท่านั้นเอง.. ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นตกใจหวาดกลัว.
…………………………………………… . พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี คัดลอกการแสดงธรรม ธรรมะหน้ากุฏิ 4/9/ 63
"... การภาวนานั้น ถึงแม้จะไม่ทำให้ เรา ... สำเร็จมรรคผลได้ในชาตินี้ ก็ย่อม เป็นปัจจัย ... ให้เราเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ใน ชาติหน้า... "
#พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ลี ธัมมธโร) วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
#อนาถา
"... จิตของเรานี้เมื่อไม่มีใครตามรักษา มันก็ เหมือนคน ที่ปราศจากพ่อแม่ที่จะดูแล เป็นคนอนาถา เป็นคน ที่ขาดที่พึ่ง คนที่ขาดที่พึ่งก็เป็นทุกข์ จิตนี้ก็เหมือนกัน ถ้าหากขาดการอบรมบ่มนิสัย ทำความเห็นให้ถูกต้องแล้ว จิตนี้ก็ลำบากมาก..."
#หลวงปู่ชา_สุภัทโท #คัดจากหนังสือเหมือนกับใจ_คล้ายกับจิต #โดยพระโพธิญาณเถร_หน้า_๑๗
|