พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เสาร์ 05 มี.ค. 2022 5:42 am
…บริกรรมพุทโธ พุทโธ
“ ดึงใจให้หยุดคิด “
.ให้กลับมาอยู่กับเรื่องที่เรากำลังทำอยู่
อยู่กับงานที่เรากำลังทำอยู่
“นี่เป็นวิธีเจริญสติ …พุทธานุสติ “.
……………………………………………..
คัดลอกการสนทนาธรรม
วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
"ภาวนาแล้วอย่าลืมแผ่บุญกุศลให้บิดามารดา เพราะว่าขันธ์ ๕ ที่เราได้มาได้ใช้ทำบุญสุนทานโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวนาเอาจิตออกจากความมืด ได้ชื่อว่าเป็นหนี้บุญคุณมหาศาล ท่านไม่มีโอกาสมานั่งภาวนาอย่างเรานี่หรอก เราเป็นผู้มีบุญมาก เราก็แผ่ส่วนกุศลให้ไป และมีโอกาสสนองคุณพ่อแม่ทุกๆวัน ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกตัญญู เป็นผู้เจริญ.."
หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
"วิบากกรรม อุปมาเหมือน
กับผลหมากรากไม้ที่เรา
ปลูกไว้ เมื่อมีโอกาสมี
จังหวะก็จะให้ผลตาม
เหตุตามปัจจัยนั้น ต้อง
ระวังเล็กน้อยนิดหน่อย
ที่เราเผลอไป อย่าคิดว่า
ไม่มีอะไร อย่าคิดว่าไม่
เป็นอะไร ศีลห้าต้อง
พยายาม อยู่อย่างละเอียด"
หลวงพ่อถาวร จิตตถาวโร
#เพราะทุกชีวิตมีเวลาจำกัด
แสงแห่งธรรม แสงแห่งปัญญา
โดย พระอาจารย์คม อภิวโร วัดป่าธรรมคีรี
……………………………………………
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า
นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี
ผู้มีปัญญาเปรียบเหมือนมีแสงสว่างคอยนำทางชีวิต ยามที่จิตใจมืดมิดเศร้าหมอง ไม่มีแสงใดจะส่องสว่างเข้าไปถึงภายในจิตใจได้ นอกจากแสงธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าทรงเป็นตัวอย่างของมนุษย์ธรรมดา ที่ทรงสามารถฝึก แก้ไข และพัฒนาศักยภาพพระองค์เอง ทรงตรัสรู้ความจริงอันประเสริฐ นำให้ทรงพ้นจากความทุกข์ เพราะพระจิตที่ทรงฝึกดีแล้ว สูงส่งกว่ากามภพ รูปภพ อรูปภพ จึงทรงมีอานุภาพยิ่งใหญ่เหนืออานุภาพเทพไท้เทวดาทั้งปวง เทพพรหมทั้งหลายต่างน้อมศิโรราบถวายอภิวาทเทิดทูนบูชา
แสงแห่งธรรมนั้นคือแสงแห่งปัญญา สว่างไสวไม่มีประมาณ พระพุทธเจ้าประทานไว้ดีแล้วแก่สรรพสัตว์อย่างเปิดเผยทุกประการ ขอเพียงแต่เราท่านทั้งหลายเปิดใจรับพระมหากรุณานั้น เเสงเเห่งธรรมอันเป็นนิยยานิกธรรม คือธรรมเครื่องนำออกจากทุกข์ จะฉายส่องเข้ามาทำลายความมืดในใจเราให้สลายไปทันที
จากปุถุชนคนกิเลสหนาปัญญาหยาบ
จะแก้ไขตนเป็นกัลยาณชน สาธุชนผู้มีใจงาม
และพัฒนาขึ้นสู่อริยชน ผู้มีใจประเสริฐได้ในที่สุด
พระอรหันต์ทั้งหลายเป็นประจักษ์พยานยืนยันความจริงนี้ ผู้มาจากหลากหลายตระกูล มีทั้งสูงส่งและต่ำต้อย ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือเเร้นแค้นขัดสน หากมุ่งมั่นฝึกฝนอบรมตนเอง เดินตามรอยบาทพระบรมศาสดา ล้วนสามารถพัฒนาจากมนุษย์ธรรมดาก้าวไปสู่ความพ้นทุกข์ พบพระนิพพานเดียวกันกับพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นที่เคารพบูชาของเทพเจ้าทั่วทั้งหมื่นจักรวาล
การฝึกจิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งเจริญจิตตภาวนามากเท่าไหร่ จิตยิ่งมีกำลัง เด็ดเดี่ยวกล้าหาญที่จะสละสิ่งที่เป็นโทษออกไป ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวในการเจริญคุณงามความดี อะไรที่ว่ายากก็ไม่ยาก อะไรที่เหลือวิสัยก็ไม่เหลือวิสัย สามารถประสบความสำเร็จได้ดังปรารถนา
ความจริงที่พวกเราทุกคนผู้เกิดมาบนโลกไม่อาจหลีกพ้นไปได้ คือ ความแก่ชรา ความเจ็บไข้ ความตายดับ แต่คนส่วนมากพากันประมาท เหมือนดังว่าเราจะอยู่กันได้สบายดีตลอดไปโดยไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
ฝึกเจริญสติให้ต่อเนื่อง เรียนรู้ธรรมชาติของกายและจิต โดยเฉพาะการระลึกรู้ถึงใจตนเองยามทุกข์ร้อนนั้น ทำให้ซาบซึ้งและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น เราทุกข์อย่างไร เขาก็ทุกข์อย่างเดียวกัน เราจะไม่คิดทำร้ายทำลายใคร
ผู้เคยร้อนร้ายริษยา ทำร้ายทำลาย หรือเบียดเบียนผู้อื่น จะคลายความเห็นผิดลงได้ เกิดความละอายแก่ใจ มีสติสำนึกตนได้ เปลี่ยนเป็นผู้ปราศจากความเบียดเบียนทั้งกาย วาจา ใจ เพราะเกิดความเมตตาต่อผู้อื่นขึ้นมาแทนที่
เมื่อเมตตาผู้อื่นแล้ว อย่าลืมเมตตาตนเอง ด้วยการเจริญสติธรรมปัญญาธรรมให้เด่นชัด ไม่ปล่อยให้ใจเป็นทุกข์เพราะถูกอำนาจความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงำเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา
เวลาหมดไป ๆ เราทำอะไรอยู่ ควรเร่งขวนขวายอบรมปัญญาให้สว่าง บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ดีงามอยู่เสมอ เพราะความตายจ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา อย่าอาลัยในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ หรือเป็นบ้ากับโลกนี้มากเกินไป เพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ยืนอยู่ก็ตายได้ เดินอยู่ก็ตายได้ จะนั่งอยู่หรือนอนอยู่ก็ตายได้ทั้งนั้น ฝึกพิจารณาให้มันคุ้นเคยกับความตาย จิตใจจะมีสติปัญญาอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ดำรงตนอยู่ด้วยความโง่เขลา ถูกกิเลสยุยงส่งเสริมไปในทางเสื่อม หรือต้องตายไปกับความหลงผิด
ศีล สมาธิ ปัญญา กระทำให้มากแล้ว บำเพ็ญให้ต่อเนื่องแล้ว สั่งสมให้ยิ่งยวดแล้ว สามารถอบรมขึ้นเกิดเป็นบารมีธรรมในจิต จะคอยเฝ้าติดตามดูแลรับใช้ดุจข้าทาสผู้ซื่อสัตย์ เป็นดวงแก้วสารพัดนึกให้ผลดีงามเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้นั้นไปทุกภพชาติ ตราบเท่าส่งเข้าสู่พระนิพพาน แต่มีข้อจำกัดอยู่ว่า ร่างกายนี้ไม่ได้อยู่ให้เราใช้ได้นาน จึงต้องรีบใช้ประโยชน์จากร่างกายนี้ ก่อนที่ร่างกายจะเสื่อมไป อ่อนแรงไป พลัดพรากไปตามกาล
ความดีแม้เล็กน้อยหากทำด้วยศรัทธาจริงใจอาจส่งผลได้มหาศาล เพราะความดีที่ว่าเล็กน้อยนั้นจะค่อยๆ สะสมเหมือนน้ำทีละหยดที่หยาดรดลงมาจนเต็มภาชนะ เมื่อถึงเวลาย่อมนำความร่มเย็นชื่นใจมาสู่ผู้บำเพ็ญ
ความดีทั้งหลายจะรวมเข้ามาเป็นอำนาจจิต จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ พลังของศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี ก่อเกิดเป็นพลังจิตตานุภาพ หมุนเป็นพระธรรมจักร นำไปสู่ความตื่นรู้ เบิกบาน
อานุภาพของความดีบุญกุศลนั้นอัศจรรย์จริงเเท้ กรรมดีเท่านั้นที่จะเป็นแรงพาเราวิ่งหนีกรรมชั่วที่กำลังติดตามไล่ล่าล้างผลาญเราอยู่ในขณะนี้ และพลังที่จะต้านทานอำนาจของกิเลสได้คือพลังแห่งจิตที่ทรงคุณธรรมความดี
รีบรับแสงแห่งธรรมส่องสู่ใจ
เปิดโอกาสให้ปัญญาเป็นแสงสว่างนำทางชีวิต
อย่าผัดวันประกันพรุ่งที่จะทำความดีอีกเลย
เพราะทุกชีวิตมีเวลาจำกัดเหลือเกิน
#พระอาจารย์คมอภิวโร
#เหตุที่ #ทำดีได้ยาก #ทำชั่วได้ง่าย
"..นี่ละโลกทั้งหลายจึงทำความดีได้ยาก ทำความชั่วได้ง่าย เพราะการทำความชั่วไม่มีอะไรคัดค้านต้านทาน ไม่เหมือนการทำความดี แต่การทำความดีนี้ต้องมีการคัดค้านต้านทานจากกิเลสจนได้ตลอดไป...
เราอยากทำบุญกิเลสไม่ให้ทำ เราอยากให้ทานกิเลสไม่ให้ทาน กิเลสถือว่าความตระหนี่ถี่เหนียวนี้เป็นทรัพย์สมบัติอันล้นค่า เห็นการสละทานลงไปเป็นของไร้สาระไม่เกิดประโยชน์อะไร..
ทีแรกฝืนกันมาก ได้น้อยก็เอา ต่อไปก็เริ่มได้มากขึ้น ๆ นี่คือการให้ทานด้วยอำนาจแห่งการต่อสู้กับกิเลส.."
โอวาทธรรม หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อครั้งการเดินทางไปพบพ่อแม่ครูหลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม ที่วัดกระดึงทอง หลวงปู่เมตตาสั่งสอนหลายอย่างจึงขอตัดมาบางตอน เนื่องจาก 1 ชม.ที่หลวงปู่เมตตาสอนเต็มกำลังมีความละเอียดอย่างมากและหลายอย่างจนเขียนในคราเดียวไม่หมด
หลวงปู่เหลือง : "ตัวคนเดียวไหมเราน่ะ?"
ศิษย์ : มีพ่อ แม่ ลูกเจ้าค่ะ
หลวงปู่เหลือง : "ดีแล้วจงกลับไปดูแลพ่อแม่ตามหน้าที่ให้สมบูรณ์ แต่!.. จงจำไว้ว่าพ่อแม่ก็เป็นแค่ญาติที่เคยเป็นลุง ป้า น้า อากันมาแต่ชาติปางก่อนจึงไม่ควรยึดติด เมื่อถึงเวลาอันควรจงวางอย่าให้ใครดึงรั้งเราไว้ได้ เข้าใจไหม วาง!"
ศิษย์ : เจ้าค่ะหลวงปู่ลูกจะจดจำคำสั่งสอนของหลวงปู่ไปปฏิบัติตามเจ้าค่ะ
หลวงปู่เหลือง :"ดีแล้ว เบื้องต้นให้เจ้าไปศึกษาความรู้พื้นฐานของอริยะสัจ4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค และขันธ์5 ก่อนเจ้าจะขับรถนี้ให้เป็น เจ้าต้องรู้วิธีขับก่อนเป็นพื้นฐานนั่นคือวิชชา กายนี้ก็เปรียบเหมือนรถ จิตนี้คือผู้ขับ จะขับรถได้จะต้องรู้วิธีขับก่อนเป็นพื้นฐาน และเมื่อรู้วิธีขับแล้วผู้ขับคือจิตนี้จำเป็นต้องรู้องค์ประกอบของรถที่ขับว่าประกอบด้วยอะไรบ้างมีโครงรถห่อหุ้มด้านนอก และเครื่องยนต์ด้านในที่คอยให้รถขับเคลื่อนไปได้ และน้ำมัน น้ำมันเครื่องที่ไหลเวียนให้พลังงานแก่เครื่องยนต์ถ้าผู้ขับไม่ศึกษาส่วนประกอบของรถซึ่งคือกายนี้ก็ขับรถไม่เป็นสุดท้ายก็ต้องจอดทิ้งตายไปเปล่าเสียดายที่ได้รถมา ก็เหมือนเสียดายที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ เพ่งดูกาย ดูธาตุให้แตกละเอียดนะอย่างที่หลวงปู่ได้สอนไว้แล้ว"
ศิษย์ : เจ้าค่ะหลวงปู่
หลวงปู่นิ่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วถามด้วยท่าทีเคร่งขลึมว่า
หลวงปู่ : " เจ้าจงถามใจตัวเองว่าเจ้าจะเอาแค่สงบหรือจะเอาวิปัสนากรรมฐาน??"
ศิษย์ : .....???รู้สึกงงที่หลวงปู่ถามด้วยท่าทีเคร่งขรึมผิดปกติ จึงนิ่งคิดสักพักแล้วตอบพ่อแม่ครูว่า"วิปัสนากรรมฐานเจ้าค่ะ"
หลวงปู่ : "ดี!!งั้นเจ้าจงทำตามที่หลวงปู่บอกตามนี้ล่ะ จงจำไว้เมื่อถึงเวลาอันควรอย่าให้ คนในครอบครัวดึงรั้งเจ้าไว้ได้ วาง!!"
ศิษย์ : เจ้าค่ะหลวงปู่
หลวงปู่มองซ้ายมองขวาแล้วเอ่ยว่า
หลวงปู่ : "จะให้เครื่องรางของขลังเจ้าก็คงไม่รับแน่"
ศิษย์ :แอบนึกในใจหลวงปู่รู้ใจยิ่งนัก
หลวงปู่ :"เราได้ฝ้ายนี้มาจากพิธีที่กทม.เมื่อคืนเส้นหนึ่งเจ้าจะรับไว้ไหม?"
ศิษย์ : เจ้าค่ะหลวงปู่พอดีแม่ป่วยจึงจะขอรับไปผูกให้แม่เจ้าค่ะ หลวงปู่กำด้ายสีแดงเส้นนั้นขึ้นหลับตานิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งแล้วลืมตายื่นมามอบให้ หลวงปู่เมตตาสอนอย่างเต็มกำลัง 1ชม.เต็มๆจนสังขารหลวงปู่อ่อนล้า หายใจเริ่มหอบเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด แต่หลวงปู่ก็คงสอนไม่หยุด จึงพิจารณาในใจว่าเพื่อรักษาธาตุขันธ์ของหลวงปู่ไว้ให้มากจึงต้องเอ่ยขอลากลับ หลวงปู่พยัคหน้าเหมือนรู้ใจ
หลวงปู่ : "หลวงปู่ก็สอนเจ้าเต็มที่แล้ว สมควรพักรักษาธาตุขันธ์แล้วล่ะเจ้ากลับได้แล้วและจงจำคำที่เราสอนไว้แล้วไปปฏิบัติตามอย่าลืม"
ศิษย์ :น้ำตาเอ่อล้นด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก นี่หรืออาการที่เขาว่าปิติน่ะ พยายามห้ามยังไงมันก็ไม่ฟัง มันจะร้องไห้ออกมาให้ได้ทีเดียว กราบลาพ่อแม่ครูมาด้วยน้ำตาที่เอ่อตา เราเป็นคนรักษาสัจจะเมื่อได้ลั่นวาจาลงไปแล้วก็ต้องทำตามที่ได้ลั่นวาจาเสมอ และครั้งนี้ได้รับปากหลวงปู่ไปแล้วก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุดให้สมกับที่หลวงปู่ได้พร่ำสอนอย่างเต็มกำลังเช่นกัน
พระธรรมโอวาทหลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม วัดกระดึงทอง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์
"มีสติรู้ตัว พูดจาให้น้อยลง พูดเท่าที่จำเป็น
จะต้องพูดด้วยความมีสติ รู้ตัวอยู่
การพูดมาก มีโอกาสพูดผิดได้มาก
ไม่เกิดประโยชน์ แล้วยังเป็นโทษอีกด้วย
เป็นผู้ฟัง แล้วตามคิด เลือกจำสิ่งดีๆ มาใช้
จะได้ประโยชน์กว่าคนพูดมาก มักขาดสติง่าย
เป็นผู้ฟังนี่โทษน้อย หรือไม่มีเลย แต่เป็นผู้ได้รู้
มากกว่าผู้พูด"
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
"หัดพูดแต่คำวาจาที่ประสานมิตรไมตรีจิต
ต่อกัน และกัน ไม่ไปยุให้รำตำให้รั่ว
ไม่ไปยุยงให้ใครทะเลาะวิวาท แตกร้าว
สามัคคีกัน
พูดแต่วาจานิ่มนวลอ่อนหวาน ต่อบุคคลทั่วไป
เว้นจากการพูดคำหยาบโลนต่างๆ พูดแต่
เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตน และผู้อื่น
เรื่องใดที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตน และผู้อื่นแล้ว
ก็ไม่พูด เพราะเสียเวลาไปเปล่าๆ นิ่งเสียดีกว่า"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
"ถ้าเรามาพิจารณาถึงเรื่องความตาย
เห็นอายุมันสั้นไป ไม่ยืดยาวอีกแล้ว
คราวนี้ จะได้รีบเตรียมเนื้อ เตรียมตัว
จะได้รีบขวนขวายหาสิ่งที่เป็นสาระ
สร้างคุณงามความดีให้เกิดมีขึ้นในตน
ทันกับกาลเวลา ซึ่งเรายังมีชีวิตอยู่
เพราะฉะนั้น มรณสติ ระลึกถึงความตาย
จึงเป็นของมีคุณค่ามาก แต่คนทั้งหลาย
ถ้าพูดถึงเรื่องความตายแล้วไม่ชอบ
กลับกลัว แต่ความดีอยู่ที่ความตาย
ถ้าคนเราพิจารณาถึงความตายแล้ว
ทำดีได้ง่าย"
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.