นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 18 ม.ค. 2025 3:59 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: พิจารณากาย
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 22 มี.ค. 2022 5:31 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4806
...ในการทำความเพียรในรูปแบบ อาจจะเอาลมหายใจเป็นงาน ต้องการจะฝึกสติโดยใช้การกำหนดลมหายใจเป็นอุบาย เป็นกุศโลบาย สิ่งที่ต้องการก็คือสติ ลมหายใจเป็นธรรมชาติส่วนหนึ่งของกาย เราตั้งสติอยู่ในกายคือลมหายใจ พอเรามุ่งอยู่ที่ลมหายใจ มารต่างๆ กิเลสต่างๆ ก็จะปรากฎ ก็จะมาท้าทาย ถ้าเราไม่กำหนดลมหายใจ หรือไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องระลึกของจิตใจ เป็นเครื่องรู้ของจิตใจนั้น กิเลสเรามองไม่เห็น

เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจในเบื้องต้น การเจริญสติกับลมหายใจ หรือคำบริกรรม มีหน้าที่เปิดเผยกิเลสที่ซ่อนอยู่ในใจ เรานั่งสมาธิหรือว่าเราเจริญสติกับลมหายใจ เรียกว่า อานาปานสติ ถ้าเกิดความฟุ้งซ่านวุ่นวายหรือว่าจิตใจวิ่งไปโน่น วิ่งไปนี่ ขออย่าท้อแท้ใจ เรียกว่าถูกต้อง ถูกต้องแล้ว เพราะก่อนที่จะชนะศัตรู เราต้องรู้เท่าทันศัตรูเสียก่อน ต้องเห็นหน้าของมัน รู้ว่ามันเป็นอย่างไร เราจึงจะฉลาดในการป้องกันและการปล่อยวาง...

พระอาจารย์ชยสาโร
ปฏิบัติธรรมวาระปฏิบัติธรรมผู้ปกครองโรงเรียนทอสี
วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๔ ณ บ้านบุญ ปากช่อง นครราชสีมา







คิดว่าเงินซื้อความสุขได้

แต่ความสุขเกิดในใจ ความโกรธเกิดในใจ
ความโลภเกิดในใจ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดในใจ

ทำไมต้องไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ เพื่ออะไร
เพื่อแต่งหน้าแต่งตัว

คิดว่าเมื่อแต่งหน้าแต่งตัวใหม่ก็เป็นคนใหม่ใช่มั้ย
แต่ใจมันสกปรกไปไหน

หลวงพ่อมาร์ติน ปิยธมฺโม
วัดภูฆ้องทอง






…อย่าไปกังวล
อย่าไปห่วงกับสิ่งต่างๆ ในโลกนี้
เพราะ อย่างไร
ก็ต้องตายจากกันไปในที่สุด
ห่วงก็ตาย… ไม่ห่วง ก็ตาย

.ห่วงแล้วก็จะเสียเวลา
ไม่มีเวลามาภาวนา
ถ้าไม่ห่วง
ก็จะได้มีเวลา มาภาวนามาปฏิบัติ
มาแยกธาตุแยกขันธ์
มากำจัดต้นเหตุที่ทำให้
จิตใจว้าวุ่น ขุ่นมัววุ่นวายทุกข์
อยู่ตลอดเวลา

.ก็คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอยากทั้ง 3 คือ
กามตัณหา… ความอยากใน
รูป เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ
ภวตัณหา…
ความอยากมี อยากเป็น
วิภวตัณหา…
ความอยากไม่มี อยากไม่เป็น

.พอไม่มีความอยากเหล่านี้อยู่ในใจแล้ว
“ ใจก็จะเป็น อุเบกขา ไปตลอด “
เพราะจะเฉยกับ ทุกสิ่งทุกอย่าง.

……………………………………………
.
คัดลอกจากหนังสือ“ผู้ไกลจากทุกข์”
หน้า 21 (ธรรมะบนเขา)
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี







“... ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ราคะ กิเลส ตัณหา
... เกิดขึ้นที่ใจนี้แหละ แสดงออกจาก
ใจนี้... แต่ถ้ามีสติ
... ความชั่วเหล่านั้นก็ดับไป ...”

#โอวาทธรรม
#หลวงปู่แหวน_สุจิณฺโณ







คำว่าอย่ายุ่ง ไม่มี
เพราะต้องมีอย่างนั้นแน่นอน
ไม่มีทางไม่มี ต้องวุ่นวาย
เพราะเป็นอยู่แล้วนะ แต่รักษาความดีได้

คำว่าอย่ายุ่งไม่พูดแน่นอน จริงๆโยม
ถ้ายุ่งมาก ดีมาก ขันติได้
วุ่นวายมาก ใครทำไม่ถูก เอา ยอมรับ
แต่เราทำถูกได้ แต่คำว่าอย่ายุ่ง ไม่ยอมพูดอย่างนั้นแน่นอน

สมมติเขาว่าๆๆ
เป็นผู้หญิงมาพูด เขาพูดอย่างนั้น
เอานิ่ง ขอโทษเขา ผมขอโทษด้วย เราไม่รู้เรื่อง
อย่าพูดอะไรเลย

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด







#หลวงตาสอนให้มีสติรู้อยู่ที่กายที่จิตตลอดเวลา

ฉบับที่ ๘ วัดป่าบ้านตาด อุดรฯ
​​๒๔ สิงหาคม ๒๕๐๐

การพิจารณากาย-จิต ให้ถือว่าเป็นกิจสำคัญประจำอิริยาบถ

และโปรดระวังอย่าปล่อยให้จิตไปสำคัญหมายรู้ไว้ก่อนจะทำความตั้งใจในปัจจุบันที่มีต่อกาย-จิตให้เคลื่อนไหวไปตาม จะไม่เห็นความจริงที่มีประจำกาย-จิต

พึงทำเหมือนเราเปิดหีบสิ่งของ ซึ่งส่งมาจากทางอื่นที่เราไม่เคยรู้สิ่งของภายในหีบมาก่อน ตั้งเจตนาไว้เพื่อจะดูเฉพาะสิ่งของภายในหีบเท่านั้น จนกว่าเราเปิดออกดู จะรู้ว่ามีอะไรบ้างในหีบนั้น

การพิจารณากายก็พึงตั้งเจตนาไว้ว่ากาย-จิตเรานี้ก็เท่ากับหีบอันหนึ่ง แล้วพึงตั้งจิตไว้เฉพาะหน้า อย่าส่งไปตามสัญญาอดีตอนาคต กำหนดกาย-จิตไว้จำเพาะหน้าจนกว่าจะเห็นความเป็นอยู่ของอาการทั้งหลายที่เป็นไปอยู่ในปัจจุบัน และจะเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้าจนถึงความแตกดับ

พึงพิจารณาให้เป็นปัจจุบันจริง ๆ อย่าคาดหมายไปก่อน จะกลายเป็นความสะเพร่าของจิตติดสันดาน เลยจะไม่ได้อุบายอะไรจากการพิจารณากายกับจิต ทั้งจิตเองก็จะไม่มีกำลังความสงบ ตลอดถึงความแยบคายคือปัญญา จะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่ต้องเดือดร้อนไปก่อน

การพิจารณากายกับจิตซึ่งเป็นสถานที่เกิดปัญญาและความหลุดพ้นแท้ จะเป็นไปไม่ได้อย่างไรเล่า นักปราชญ์ท่านได้ชัยชนะจากสมรภูมินี้แท้ (จากกายกับจิต) นอกจากจิตจะไม่เอาเรื่องกาย-จิตมาเป็นอารมณ์แห่งกรรมฐานเสียจริง ๆ ความรู้ในกายทุกส่วนซึ่งเกิดจากการคาดคะเน จะไม่เป็นผลที่พึงใจของเรา

ในเมื่อเราไม่ผลักดันความรู้ชนิดคาดไปก่อนออกให้ห่างไกล ทรงไว้เฉพาะความรู้ที่เกี่ยวพันกันกับกายในปัจจุบัน นั่นแลจึงจะเป็นความรู้ใหม่เกิดขึ้นมาแทนตัว จึงจะเป็นความรู้สามารถรักษาจิตให้เที่ยงตรงต่อธรรมทั้งหลาย ทั้งที่เป็นฝ่ายดี ชั่ว และกลาง ๆ

เราเริ่มพิจารณาคราวใดก็พึงตั้งจิตไว้ทำนองนี้ อย่าปล่อยให้จิตรู้หลอกไปก่อน

ส่วนผลคือความสงบสุขนั้น เป็นของเกิดเองจากการพิจารณาถูก เราไม่ต้องเดือดร้อนว่าจะไม่พ้นทุกข์ ทุกข์มันอยู่ที่กาย-จิตนี้เท่านั้น เพราะกิเลสอยู่ที่นี่จึงต้องพิจารณาที่นี่ เรียกว่าแก้ทุกข์หรือแก้กิเลส

เราอย่าส่งจิตไปสวรรค์ นิพพาน นรกที่ไหน นรกคือความเดือดร้อนอันวุ่นวาย นิพพานคือความสงบสุข เมื่อชำระใจของเราได้ดีแล้ว ด้วยสติปัญญาและความเพียรจริง ๆ เราจะรู้ได้ทั้งนรก ทั้งสวรรค์ และนิพพาน ณ ภายในจิตของเรานี้เท่านั้น หาไปรู้ที่อื่นไม่

คนทั้งหลายรู้ธรรมทั้งหลายแล้วไม่พ้นทุกข์ ทั้งกลับเป็นเสี้ยนหนามยอกแทงตนและผู้อื่นเข้าด้วยซ้ำ แต่พระพุทธเจ้าแลสาวกรู้ธรรมแล้วพ้นทุกข์ไปเลย พร้อม ๆ กับความรู้ธรรมเกิดขึ้น

เพราะเหตุใดระหว่างคนทั้งสองสามจำพวกนี้จึงต่างกันเล่า ก็เพราะความรู้เกิดจากปัจจุบันจิตอันกลายเป็นปัญญาไปในตัว กับความรู้คาดคะเน (สัญญา) มันต่างกันราวฟ้ากับแผ่นดินนั่นเอง จึงสามารถแปรคนทั้งสองจำพวกให้ต่างกัน

เหตุที่ความรู้ที่เป็นปัจจุบันจิตจะเกิดได้ ก็ต้องพิจารณาปัจจุบันธรรมคือกายกับจิตนี้เอง เพราะกาย-จิต เป็นสถานที่สั่งสมกิเลสและเป็นสถานที่ถอดถอนกิเลสแลกองทุกข์ทั้งมวล

ฉะนั้นเราควรตั้งจิตไว้โดยทำนองที่ว่าให้จิตอยู่กับกายจิตจริง ๆ จนเรียกปัจจุบันได้เต็มที่ แล้วกระแสของปัจจุบันจิตจะกระจายแสงสว่าง คือ ปัญญาออกตามอาการของกายแลอาการของจิตโดยรอบคอบ

จากนั้นก็จะได้เห็นทุกสิ่งทั้งที่เป็นคุณเป็นโทษ ปรากฏด้วยปัญญาอันชอบแท้ ตลอดกลางวัน กลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน จะเรียกว่าฟังธรรมทุกเวลาก็ได้

ความเกิดแก่เจ็บตาย เราเคยได้ยินจนชินหู แต่ยังไม่ซึ้งถึงปัญญาแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่มีรสชาติพอที่จะให้เกิดความเบื่อหน่ายได้ ทั้งนี้ก็เพราะสัญญาหมายกันไปเท่านั้น หาได้เป็นปัญญาหยั่งทราบความเกิดแก่เจ็บตายอย่างแท้จริงไม่

ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายซึ่งรู้ธรรมของพระองค์ด้วยสัญญา จึงกลายเป็นเจ้าแห่งทุกข์ แห่งกงจักรสังสารวัฏอีกด้วย คำว่า กงจักร เป็นต้น พึงทราบใกล้ ๆ และย่อด้วยว่า กาย-จิตและอาการของจิตนี้เอง หมุนตัวเองให้หลงรัก-ชังในวัตถุและอารมณ์ทั้งที่เป็นภายนอกและภายในอยู่ไม่มีเวลาหยุดยั้งได้

ฉะนั้นจึงควรพิจารณาตัวกงจักรเป็นต้นนี้ ให้แยบคายด้วยปัญญาอยู่เฉพาะหน้า นักปราชญ์ท่านไม่หนีจากกายกับจิต ถือเป็นนิมิตประจักษ์ใจทุกเวลา ใช้ปัญญาสอดส่องอยู่เสมอ จึงสามารถพ้นจากสมมุติถึงวิมุตติ คือสภาพที่หาสมมุติบัญญัติไม่ได้แม้แต่น้อย

นี่แหละเรียกว่า พ้นจากกงจักรตัวหมุนเวียน เราพึงทราบกงจักรหรือสังสารวัฏว่าอยู่ที่ไหนแน่ โดยนัยที่อธิบายมานี้ จะได้หายสงสัยกันเสียที

​พระมหาบัว
#ธรรมะในลิขิต
#หลวงตามหาบัว
#ฉบับที่8








"สิ่งใดปรากฏขัดข้องในใจ
สิ่งนั้น คือ...
ธรรมเครื่องสอนเรา รีบหยิบยกขึ้นพิจารณาทันที
ที่ปรากฏ

อย่าปล่อยไว้ ให้เป็นข้าศึกแก่เรา
สิ่งที่ปรากฏเฉพาะหน้า นั้นแล
เรียกว่า...ปัจจุบัน
ความรู้สึกตัวทันที ที่สิ่งนั้นมาปรากฏ
แล้วพิจารณาแก้ไข นี้ก็เรียกว่า...ปัจจุบัน

ปัจจุบัน แก้ปัจจุบัน
จึงจะเห็นความบริสุทธิ์ ไปเป็นขั้น ๆ
จนถึง...
ความบริสุทธิ์ อย่าง...สมบูรณ์."
____________________________________________
องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







"เห็นความผิดของคนอื่น ให้หารด้วย ๑๐
เห็นความผิดตัวเอง ให้คูณด้วย ๑๐
จึงจะใกล้เคียงกับความจริง และยุติธรรม"

หลวงปู่ชา สุภัทโท





"ไปเดือดร้อนอะไรกับคนนินทา
ใครนินทา เราไม่ได้ยิน ไม่ใส่ใจก็สบาย
คนนินทาน่ะ เป็นยาชูกำลัง ที่จะเตือนตัวเอง
เขาติ ดีกว่าเขาชม จะได้รู้ตัว
ถ้าเราเป็นอย่างนั้น จะได้ปรับปรุง
เราจะไปโกรธเขาทำไม ถ้าไปโกรธเขา
ก็เรียกว่า เราแพ้ตัวเอง"

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร







"หูเราก็มีสองหู ปากก็มีปากเดียว
แสดงว่าเราต้องฟังให้มาก ต้องพูดให้น้อย"

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก





"คนที่เคยผิดหวัง ถ้าไม่มีธรรมะ
มันจะผิดหวังไปตลอดชีวิต เสียใจหว้าเหว่
น้อยเนื้อต่ำใจตลอดชีวิต

แต่ถ้าคนไหนได้มาศึกษาธรรมะ
ไม่ว่าจะผิดหวัง น้อยเนื้อต่ำใจมาแค่ไหน
ก็สมหวังในชีวิต

ทุกวันนี้ คนเราไปแก้ทุกข์ทางโลก
ไม่ได้แก้ทุกข์ทางธรรม ไม่ได้ฝึกฝนอบรม
ไม่ได้เอาธรรมโอสถ ไม่ได้เอายาพระพุทธเจ้า
มารักษาโรค ไม่ได้รักษาใจกัน

ธรรมะนี่ ถ้าเข้าถึงขั้นจริงๆ แล้ว
คนที่มีโรค ก็เหมือนคนที่ไม่มีโรค
คนที่มีความทุกข์ ก็ไม่มีความทุกข์
มันแก้ปัญหาไปได้ทุกอย่างเลย"

หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 78 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO