นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 18 ม.ค. 2025 3:47 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 23 มี.ค. 2022 4:05 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4806
"... ถ้าเราตั้งอกตั้งใจปฏิบัติบูชาอยู่เสมอ
ไม่ให้ขาด
... ความเจริญในจิตในใจมันก็เจริญขึ้นโดยลำดับ
... จนถึงขั้นเลิก.. ละ.. ตัด.. ปล่อยวางกิเลส
ราคะ
... โทสะ ...โมหะ ได้เด็ดขาด เอาจริงๆ ก็สำเร็จได้... "

#โอวาทธรรม
#หลวงปู่สิม_พุทธาจาโร






หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนาได้พูดถึงศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันไว้ว่า

“พระพุทธเจ้าโคดมของเรา
ยังไม่หมดอายุ ๕,๐๐๐ ปี จบเมื่อไรพระธาตุ
ของพระพุทธองค์จะมาชุมนุมกันรวมเป็นองค์
พระพุทธเจ้าเหมือนเดิม จะอยู่ในเมืองไทยนี่ ๗ วัน เทศน์ครบ ๗ วัน คนหรือเทพที่อยู่ทางนี้
ใครได้ฟังเทศน์จะได้ถึงอรหันต์จะได้นิพพาน
จากนี้ก็จะเสด็จไปเมืองกุสินาราไปอยู่ที่นั่นอีก
๗​ วัน คนหรือเทพที่ได้บำเพ็ญไว้แล้วจะมาฟัง
เทศน์จะได้ถึงอรหันต์ดับปัญจขันธ์ทั้งห้า เข้า
พระนิพพานพร้อมพระพุทธเจ้า แผล็บหายไป
หมดเข้าพระนิพพานรวมหมด ถ้าไม่ขยันก็ไม่ได้
ถ้าคลาดจากนี้ไปก็รอพระศรีอาริย์มาโปรดข้างหน้า"

จากหนังสือพระชัยวงศานุสติ
หัวข้อ​ หลวงปู่สอนว่า หน้า​ ๒๓๓






"... ผู้หญิงก็พ้นทุกข์ได้ ผู้ชายพ้นทุกข์ได้ ฆราวาสพ้นทุกข์ได้ พระเณรพ้นทุกข์ได้เมื่อปฏิบัติให้ถูก
... ถ้าไม่ถูกก็เป็นทุกข์ได้ด้วยกันไม่ว่าพระว่าเณรฆราวาสญาติโยม
... เป็นทุกข์ได้ด้วยกันทั้งนั้นถ้าปฏิบัติผิดจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า... "

#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน






…เราปฏิบัติเพื่อ
“ ควบคุมใจของเรา “

.ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์
ก็ยังเป็นสมมุติอยู่ ..ไม่เที่ยง
ถ้าควบคุมได้
ก็จะมีความสุขอีกแบบหนึ่งที่ดีกว่า
“ ความสุขที่เกิดจาก อุเบกขา “

.ถ้ายังควบคุมไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร
ไม่เสียหายอะไร ถ้ามีปีติมีความซาบซึ้ง
นั่งฟังแล้วขนลุก หรือน้ำตาไหลนี้
เป็นเรื่องธรรมดา

.ถ้าต้องการควบคุมจิตใจ
“ ต้องทำจิตให้มีแต่ความว่าง
ให้เป็นอุเบกขา ”.
………………………………………..
กำลังใจ ๕๗ กัณฑ์๔๓๘
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี







อสุภะนี้เป็นความจริง

ไม่มีคนหนึ่งไม่เป็น
อสุภะหยาบอย่างนักหนา

ตัวผู้ตัวเมีย เป็นหมาเป็นแมวเป็นช้าง
ไม่เหมือนอย่างมนุษย์ หยาบอย่างนักหนา
อสุภะธาตุขันธ์ มนุษย์หยาบเบอร์1
เป็นลิงเป็นอะไร สู้มนุษย์ไม่ได้เรื่องอสุภะ
มนุษย์เบอร์1 ไม่มีเบอร์2แน่นอน มนุษย์เบอร์1

หยาบอย่างนักหนานะ อสุภะนี้เป็นความจริง
แต่ในใจไม่ยอมแสดง

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด






“สมบัติ” ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง
เมื่อเราลาลับจากโลกนี้ไป...
เราก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้
ทิ้งไว้หมด...!!! แม้ร่างกายก็สลายไป
“ดูอย่างจีวรเราสิ เมื่อเราใช้ไปนาน
ก็ย่อมผุผัง ย่อยสลายไปตามเวลาในที่สุด
นี่...ล่ะเปรียบเหมือน”ชีวิต”คนเรา
เมื่อถึงเวลา”ก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ และต้องตาย”
ให้มั่นสร้างกุศลคุณงามความดีกันไว้น่ะ”

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565
ณ.กุฏิ #หลวงพ่อสอนศิษย์

หลวงพ่อทวน สุภัทโท
วัดใหม่ทรายมูล อ. พนัสนิคม จ.ชลบุรี







แล้วเรื่องผู้หญิงโยม

อันนี้สำคัญเหลือเกิน
เพราะเด็กหญิง อายุ11-12 ต้องมีประจำเดือน
และผู้หญิงผิดปกติง่ายกว่าเรา

กลับไปบ้านต้องฟังโยมแม่นะ
อย่าพูดซาบๆเข้าหูโยมแม่
ถ้าจะกินข้าว แม่ต้องนั่งก่อน
ต้องให้แม่กินก่อน

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด






#ธรรมะถึงใจ
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕

"เราทำตัวเราให้ดีก็แล้วกัน เรื่องของคนอื่นก็เรื่องของเขา ถ้าดีก็อนุโมทนามุทิตาจิต อย่าไปอิจฉาริษยา ถ้าด้อยก็ให้มีความสงสาร ช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกันไป"

#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
"มีใจใฝ่ธรรม"
กัณฑ์ที่ ๓๙๙
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒






#ติดดี ——พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อกลางวันฉันเพล ได้คุยกับมหาติ๊กเรื่องติดดี คือเมื่อปฏิบัติไปแล้วรู้สึกว่าตัวเองดี

พอถามต่อไปว่ารู้ได้อย่างไรว่าตัวเองดี “อ๋อ...เปรียบเทียบกับคนอื่นเขา” ก็โดนเต็ม ๆ เท่านั้นแหละพ่อคุณ..!

ถ้าเปรียบเทียบกับคนอื่นก็กลายเป็นสักกายทิฏฐิกับมานะถือตัวถือตน

เพราะฉะนั้น..การปฏิบัติต้องพึงระมัดระวังให้หนัก ถ้าเผลอเมื่อไรก็เรียบร้อย

เคยคุยกับโยมว่า สมัยก่อนที่ปฏิบัติธรรมใหม่ ๆ เมื่อทุ่มเทให้กับหลักการปฏิบัติของหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็อยู่ในลักษณะที่ว่ามอบกายถวายชีวิต จนเรียกคนอื่นเป็นหลวงพ่อไม่ได้ ปลื้มอกปลื้มใจว่าชีวิตนี้เรามีครูบาอาจารย์ที่สุดยอดอย่างนี้แล้ว ไม่มีใครเหนือกว่า

พอปฏิบัติไป ๆ ดูไปดูมา โอ้โฮ...สังโยชน์ตัวใหญ่เบ้อเร่อเลย สังโยชน์ซ้อนสังโยชน์ด้วย ก็คือเป็นทั้งสักกายทิฏฐิ เป็นทั้งมานะถือตัวถือตน

คุณยิ่งปฏิบัติต้องยิ่งดีขึ้น ถ้ายิ่งดีขึ้น ก็ต้องยิ่งลดเรื่องของสักกายทิฏฐิและมานะลงได้ แต่นี่ลดลงไม่ได้ไม่พอ กลายเป็นเหยียบคนอื่นไปอีกต่างหาก กลายเป็นว่าพอทำดีแล้วติดดี ก็ไปไหนไม่รอด แต่กว่าจะรู้ตัวก็นาน

เรื่องอย่างนี้ต้องพิจารณาแบบไม่เข้าข้างตัวเอง ดูให้รอบด้าน ดูให้ทุกเรื่อง ถ้าไม่อย่างนั้นก็แปะอยู่แถวนั้นแหละ ก็ดีเสียแล้วนี่ เลยไม่พัฒนาตัวเองต่อ"

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)

เก็บตกบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖






อารมณ์นั้นเป็นอาหารของใจ ธรรมชาติของใจชอบอารมณ์สงบสุข ใจจึงวิ่งหาอารมณ์ที่มันชอบ

วิธีดับอารมณ์นั้นไม่มี เพราะอารมณ์นั้นเป็นอาหารของใจ แต่ให้ฝึกใจให้เป็นกลางๆ คือไม่ใช่สุข ไม่ใช่ทุกข์ และไม่ใช่เฉยๆเฉื่อยๆ

แต่เมื่อมีสิ่งมากระทบให้เกิดอารมณ์ ใจรับรู้อารมณ์แล้ววางลงให้เป็นกลางๆ อารมณ์กลางนี้เรียกว่าอารมณ์สงบ

จะใช้อุบายด้วยการบริกรรมพุทโธ ให้ใจยึดติดสิ่งเดียวไว้จนสงบ ฝึกทำบ่อยๆจนใจเข้มแข็งเมื่อมีอารมณ์มากระทบ ใจก็จะยังสงบอยู่อย่างนั้น

#หลวงปู่เหลือง #ฉนฺทาคโม







ถาม : ควรจะปฏิบัติอย่างไร กับเรื่องศาลพระภูมิ จึงจะชื่อว่า ไม่งมงาย

หลวงพ่อพุธ : การตั้งศาลพระภูมิ โดยส่วนมาก หมอผู้ที่ตั้งศาลพระภูมิ บางท่านก็สามารถจะมองเห็นว่า เมื่อตั้งศาลพระภูมิขึ้นมาแล้ว ผู้ที่จะมาอยู่ในศาลพระภูมินั้น เป็นผี หรือเป็นเทวดา บางท่านก็รู้จักทำตามตำรับตำรา แต่หารู้ไม่ว่า ผีที่มาอยู่ศาลพระภูมิ เป็นผีเทวดา หรือผีหัวโกร๋น ก็ไม่รู้ การปฏิบัติต่อศาลพระภูมินี้ เราเชื่อว่าศาลพระภูมิ ในเมื่อสิ่งนั้นมาอยู่ สิ่งนั้นเป็นวิญญาณพระภูมิเทวดา หรือพระภูมิเจ้าที่ ๆ หมายถึงเทวดานั่นเอง การปฏิบัติต่อท่านเหล่านั้น ถ้าเราเอาสิ่งของไปเซ่นสรวง ก็จะเป็นอุบายให้ผูกท่านติดอยู่ในศาลพระภูมินั้นแหละ เพราะในเมื่อเราไปปฏิบัติต่อท่าน ท่านก็ติดในความดีของเรา

ถ้าหากเราจะปฏิบัติให้ถูกต้องกันจริง ๆ พวกที่มาอยู่ศาลพระภูมินี้เป็นวิญญาณชั้นต่ำ คอยอาศัยกินบุญจากมนุษย์เราผู้มีชีวิตอยู่ ถ้าเราทำบุญสุนทร์ทานอย่างไรแล้ว กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้พระภูมิ เมื่อพระภูมิได้อนุโมทนาแล้วก็บอกพระภูมิว่า (ท่านจะอนุโมทนาหรือไม่อนุโมทนาก็ไม่รู้ละ) แต่เราทำบุญแล้ว เราอุทิศส่วนบุญให้ท่าน เมื่อท่านได้อนุโมทนาแล้ว ท่านจะพ้นจากความเป็นผีพระภูมิ อาจจะเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงขึ้นไปก็ได้ แต่การไหว้นี้คนที่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึก อยู่ภายในจิต ภายในใจนี้ เราจะไหว้ตรงไหนก็ถูกพระของเราทุกหนทุกแห่ง เพราะเรามีคุณพระอยู่ในจิตในใจ การไหว้พระภูมิ เพียงแต่แสดงคารวะ โดยที่เราถือว่ามีอะไรอยู่ที่นี้ เพียงแค่นั้น ไม่ทำให้เสียคุณพระรัตนตรัย เป็นการแสดงความมีน้ำจิตน้ำใจนิดหน่อยเท่านั้น เหมือน ๆ กับเราไหว้เพื่อนฝูง หรือพ่อแม่ ไม่ขาดจากพระไตรสรณคมน์

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย







"..เมื่อจิตสงบลง จิตรวมลง
จึงได้รู้ในสิ่งที่สงสัย
มันกะหายสงสัยเลยบัดนิ
พุทโธ หรือพระพุทธเจ้า
กะอยู่นี่ พระธรรมเจ้ากะ
อยู่นี่ พระสังฆเจ้ากะอยู่นี่
อยู่ในดวงจิตดวงใจของ
ใครของเราหนี่ละ ดวงจิต
ทุกผู้ทุกคนเป็นดวงจิต
พระอรหันต์ทั้งนั้น แล้วแต่
ไผสิค้นพ้อ มันขึ้นอยู่กับ
ความเพียรพยายาม มีศีล
เป็นฐานเบี่ยงต้น มีสมาธิ
ใช่ปัญญาค้นหาในดวงจิต
อันนี่ อย่าไปเบิ่งผุอื่นเบิ่งจิต
เบิ่งใจจะของนิละสำคัญ .."

หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร





"ความดี กับ ความไม่ดี
ขึ้นอยู่กับเหตุ คือเราทำไว้
ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคนพูด"

หลวงปู่ศรี มหาวีโร





“จุดมุ่งหมายของการสวดมนต์
คือ ทำใจของเรา ให้มีที่อยู่อาศัย
คนเราที่ทุกข์ใจไม่หยุดยั้ง
เพราะใจไม่มีที่พึ่ง

ถ้ามีบทสวดมนต์เป็นที่พึ่ง
เวลาทุกข์ มันจะไปสวดของมันเอง
แล้วมันก็ลืมทุกข์ลืมยากไปได้”

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย





"บุคคลที่ทนในสิ่งที่คนอื่นทนได้ยาก
ทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก
บุคคลนั้น จะเข้าถึงความสำเร็จของชีวิต
ความอดทน ความขมขื่น จะเกิดขึ้น
ในเบื้องต้นของการทำความดี
แต่จะได้รับความชื่นชมในบั้นปลาย"

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 113 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO