Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

เรื่องของจิตเป็นเรื่องที่สำคัญ

อาทิตย์ 03 เม.ย. 2022 6:26 am

#ผู้ใดบ่มีศีล_บ่มีสมาธิ
"...บ่มีปัญญา ก็บ่สงบแหละ วุ่นวายขัดข้อง
นั่งก็เป็นทุกข์ นอนก็เป็นทุกข์ ได้ศีลก็เป็นทุกข์ บ่ได้ศีลก็เป็นทุกข์ วุ่นวายขัดข้อง อยู่ที่ไหนวุ่นวายขัดข้องที่นั่น..."

#ถ้าคนไม่ปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา
"...อยู่ในบ้านก็หนักบ้าน อยู่ในวัดก็หนักวัดแหละ คนบ่มีหลักธรรมประจำจิตประจำใจ
อยู่ในกรมในกองก็หนักกรม หนักกอง
อยู่ในเรือนชานก็หนักเรือนชานนั่นแหละ
คนไม่มีหลักพระพุทธศาสนานั่น... "

#ส่วนคนที่มีหลักพระพุทธศาสนา
"...อยู่ที่ไหนเบาที่นั่น อยู่วัดก็เบาวัด
อยู่ในบ้านก็เบาบ้าน อยู่ในเรือนในชานก็เบาเรือนเบาชาน อยู่ในสถานที่ไหน ก็เบาหมด... "

#โอวาทธรรมหลวงปู่ตื้อ_อจลธัมโม







#อย่าฆ่าตัวตายหนีทุกข์

"... งานการใด ๆ ให้ทำ แต่อย่าโลภมากจนเอาไฟเผาตัว
... บางรายฆ่าตัวตาย ๆ เพื่อหาทางออก สุดท้าย
... ก็กิเลสหลอกให้เป็นทางผิดหนักเข้าไปอีก การฆ่าตัวตาย
... เป็นกรรมอันหนักหนา กิเลสก็ยังหลอกว่า
ฆ่าตัวตาย
... เพื่อหนีทุกข์ ครั้นแล้วมันไม่ได้เพื่อหนีทุกข์ เพื่อเพิ่มทุกข์เข้าไปอีก... "

"นี่กิเลสหลอกสัตวโลกมันหลอกหลายชั้น เราเป็นลูกชาวพุทธอย่าหลงกลอุบายของมัน เมื่อทุกข์ก็ยอมรับว่าทุกข์ สัตว์เกิดมาในโลกนี้อย่าว่าแต่เราเป็นมนุษย์ สัตว์เขาก็ทุกข์เหมือนกัน เขาตะเกียกตะกายจนสุดความสามารถขาดดิ้นของเขา แต่เขาไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย..."

#เราเป็นมนุษย์มีสติปัญญาสูงกว่าเขา
#อย่านำเรื่องฆ่าตัวตายมาเป็นการหาทางออก #ซึ่งเป็นการหาทางเพิ่มทุกข์เข้าไปโดยลำดับเท่านั้น_ขัดกับความเป็นชาวพุทธของเรา

#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน







“อย่าเป็นกรรมฐานเป็ดนะ”

การปฏิบัติธรรมของเมืองไทยมีอยู่หลายสำนัก หลายวัด ทำให้ผู้คนเริ่มสับสนไม่รู้ว่าควร ปฏิบัติตามแนวทางใด สำนักใดจึงจะถูกต้อง วันนี้ก็เช่นกัน หลังฉันเช้าเสร็จก็มีโยมเข้ามากราบและเรียนถามปัญหาคาใจกับหลวงปู่หา สุภโร

โยม ; หลวงปู่เจ้าขา โยมเป็นคนชอบปฏิบัติธรรม ชอบกราบชอบไหว้ครูบาอาจารย์ เจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; อนุโมทนานะคุณนะ

โยม ; โยมไปปฏิบัติมาหลายสำนัก แต่งงที่ยังไม่ก้าวหน้ามาหลังเลยเจ้าค่ะ เวลาภาวนาพุทโธ บางที่พอง-ยุบก็เข้ามาแทรก ครั้นพอเอาสติมาจับพอง-ยุบ สัมมาอรหังก็โผล่มา ไม่รู้โยมจะทำอย่างไร จับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว ไม่ทราบว่าสายไหนดี สายไหนไม่ดีเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; เหอะ เหอะ คุณรู้จักเป็ดไหม

โยม ; รู้จักเจ้าค่ะ ทำไมเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; เออ เป็ดหน่ะ มันบินเป็น ว่ายน้ำเป็น เดินก็เป็น มุดน้ำก็เป็น แต่มันเป็นแบบไม่เก่ง ไม่สวย เดินมันก็เดินไม่สวยเหมือนไก่ ว่ายน้ำมันก็ว่ายเป็นแต่ไม่เก่งเหมือนปลา บินมันก็บินเป็นแต่ไม่เก่งเหมือนนก สำนักปฏิบัติธรรมมีมากมายหลายหลาก ต่างแบบก็ต่างทำ ต่างวิธีการ ล้วนแต่ทำตามความถนัด ทำตามจริตของตนเอง ของครูบาอาจารย์ แต่ทุกสำนักทุกสายก็รวมลงที่ความสงบ รวมลงที่ปัญญา รวมลงที่การรู้ธรรมเห็นธรรม ตามแบบตามแผนที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งท่านสอน ถนนทุกสายล้วนมุ่งสู่เมืองหลวง หัวใจทุกดวงก็ล้วนมุ่งสู่พระนิพพาน ให้เดินถนนสายเดียวนะ จะเข้ากรุงเทพ ออกไปจากการสินธุ์ ไปถึงขอนแก่นก็เปลี่ยนใจวิ่งไปทางเมืองเลย ไปถึงเมืองเลยก็วิ่งเข้าพิษณุโลก ออกจากพิษณุโลกก็เปลี่ยนใจไปกาญจนบุรี แล้วเมื่อไหร่จะถึงกรุงเทพ ทั้ง​ ๆ​ ที่ถนนทุกสายก็มุ่งสู่กรุงเทพ ก็เพราะเปลี่ยนใจ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หาถนนเส้นนั้น เปลี่ยนถนนเส้นนี้ ก็เนิ่นช้าเท่านั้น

คุณเอ้ย ถ้ากรรมฐานยังจัดเข้าใน สมถะ ๔๐ วิปัสสนา ๒ อย่างอยู่ กรรมฐานนั้น การปฏิบัติของสำนักนั้นก็ถือว่าถูกต้อง อย่าเลือกว่าสายใดแบบไหน อย่ามีสาย อย่าไปสังกัดสายนั้นสายนี้ ให้มันเป็นอัตตา ให้มันมีตัวมีตน เราปฏิบัติเพื่อทิ้งตัวทิ้งตน มีสายก็มีตน มีตนก็มีเรา มีเราก็มีพวกเขาพวกเรา เห็นว่าเราดีกว่าเขา เขาเลวกว่าเรา ถ้าคุณภาวนาพุทโธแล้วเที่ยวไปเหยียดหยาม พองหนอ – ยุบหนอ ไปเหยียดหยามสัมมาอรหัง ไปเหยียดหยามนะมะพะธะ ว่าเป็นของเลวเป็นของไม่ดี ในเมื่อคุณยังไม่เคยปฏิบัติคุณรู้หรือว่าไม่ดี คุณไม่รู้จักดี ไม่รู้อย่างลึกซึ้ง ไปยังไม่ถึงที่สุด จะเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่สำนักเหล่านั้นหรือ ธรรมมะของพระบรมครูตรัสไว้มากมาย ตรัสให้คนต่างคน ต่างโอกาสฟัง คุณไม่ต้องทำตามเสียทุกอย่างนี่ เลือกเอาที่ตรงใจเรา ตรงจริตเรา เหมาะสมกับเราแล้วปฏิบัติ เดินทางเดียวอย่าเดินหลายทาง มันช้า เข้าใจนะ

โยม ; เจ้าค่ะ แต่โยมจะแก้อาการที่พบอยู่อย่างไรเจ้าคะ

หลวงปู่ ; ตั้งผู้รู้ขึ้นนะ ตั้งสตินะ รู้กับเดี๋ยวนี้ รู้กับขณะนี้ แล้วดูความเปลี่ยนแปลงในใจ ดูคำบริกรรม อย่าทิ้งบริกรรม ตั้งสติดูคำบริกรรม เมื่อมันขาดสติไปหาคำอื่น​ ๆ​ ตั้งสติแล้วดึงกลับมา เลิกเป็นกรรมฐานเป็ด เลิกเป็นกรรมลอย ลอยไปหาคำนั้น ลอยไปหาวิธีนี้ ให้มั่นใจในเส้นทางที่ครูบาอาจารย์นำพาพวกเราเดิน เข้าใจนะ อย่าเป็นกรรมฐานเป็ดนะ

วิสัชนาธรรมโดย​
พระเทพมงคลวชิรมุนี (หลวงปู่หา​ สุภโร)






#อุเบกขาคืออะไร

ใครจะรังแกกัน จะว่าร้ายกัน ใครจะโกงใครจะกิน ใครจะผิดใครจะถูก ใครจะทำลายป่า ทำลายสิ่งแวดล้อม เราไม่เกี่ยว เราพอใจและสามารถที่จะวางอุเบกขาอยู่ในโลกที่สับสนวุ่นวายได้ นั่นไม่ใช่อุเบกขาตามคำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเป็นความเฉยเมย ไม่ยินดีไม่ยินร้าย วางตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน อันเป็นอาการของโมหะ ที่หลับหูหลับตาหันหลังให้เรื่องที่ไม่อยากรู้ไม่อยากฟัง เพราะไม่ต้องการให้มีสิ่งใดมากระทบจิตใจตน อาจเป็นเพราะขี้เกียจ กังวล หรือกลัวว่าถ้ารู้ถ้าฟังแล้ว จิตใจจะหดหู่เป็นทุกข์ จึงเซ็นเซอร์ปิดกั้นตัวเองไม่ยอมรับรู้ จนสามารถวางเฉยกับเรื่องที่จริงๆ แล้วอาจจะไม่ควรวางเฉย

ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีพระรังแกก้าวร้าวพระสารีบุตร พระองค์อื่นๆ นั่งดูเฉยอยู่ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมา ทรงตำหนิพระเหล่านั้นว่าควรจะเข้าไปช่วยพระสารีบุตรด้วยความเมตตากรุณา ไม่ใช่ถือว่าเป็นเรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าไปยุ่งดีกว่า นั่นไม่ใช่ท่าทีที่ถูกต้องเสมอไป บางโอกาสก็สมควรที่จะเข้าไปยุ่งในระดับหนึ่ง เช่น ช่วยตักเตือนผู้ที่สมควรได้รับการตักเตือน เราต้องทำด้วยความสงสาร ด้วยความอยากให้เขาพ้นจากความเห็นผิด เป็นต้น นักปฏิบัติต้องมีสติพอที่จะรู้เจตนาของตนและรู้ว่ากรณีใดควรวางใจเป็นกลาง วางจิตเป็นอุเบกขา รู้แล้ววาง ส่วนกรณีใดจำเป็นต้องช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่ว่าอุเบกขาจะดีที่สุดในทุกๆ เรื่องทุกๆ โอกาส

“อุเบกขา” คือ จิตที่เป็นกลาง ไม่หวั่นไหวทั้งๆที่รู้ทั้งๆที่เห็น คือรู้แล้วเฉย ไม่ยินดียินร้าย เป็นผลของการรับรู้สิ่งต่างๆ ด้วยปัญญาจากการพิจารณาเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ ศึกษาชีวิตของตน เห็นความแปรปรวนความไม่แน่ไม่นอนหลายครั้งหลายครา จนทำให้จิตใจเราเป็นกลาง เป็นกลางด้วยปัญญา ไม่ใช่เป็นกลางเพราะขี้เกียจรู้ขี้เกียจสนใจ

โอวาทธรรม พระอาจารย์ชยสาโร






"...ความอดทนเป็นเครื่องหมายของคนดี อดทนถึงที่ได้ดีทุกคน ถ้าอดทนไม่ถึงที่ ก็ไม่ได้ดีสักคน..."

คติธรรม
หลวงปู่หา สุภโร






"เมื่อเจตนาบริสุทธิ์
แม้ว่าวัตถุบริจาคนั้น
จะมีจำนวนน้อย หรือมีราคาน้อย
ก็ได้ชื่อว่าใหญ่โตโดยเจตนา"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย





"คนเรา เมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น
ผู้อื่นเขาก็จะให้ความเมตตา
ตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา
เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน

ความเมตตานี่แหละ คือ อาวุธ
ที่จะปกป้องตัวเราเอง ให้ไปได้
ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใครๆ
จะนำเอาไปใช้ก็ได้
จัดว่าเป็นของดีนักแล"

หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ





#เรื่องจิตเป็นสำคัญ

เรื่องเจ็บก็ยอมรับว่าเจ็บ
เจ็บขนาดไหน
ก็เหมือนโลกเค้าเจ็บกัน

แต่จิตเป็นจิตนะ นั่น
โรคเป็นโรค
ทุกข์เป็นทุกข์
กายเป็นกาย

ต่างอันต่างจริง
ของใครของเรา

กายก็จริงของกาย
ทุกข์ก็จริงของทุกข์
จิตจริงของจิต

เมื่อต่างอันต่างจริงแล้ว
ไม่กระทบกัน
ถึงขนาดแตกออกไปแล้ว
ก็ไม่กระทบกัน

เข้าใจรึเปล่า
นี่แหละที่ว่า
เรื่องจิตเป็นสำคัญ

เรื่องเจ็บ รู้
แต่มันจะเจ็บขนาดไหน
มันก็เป็นเรื่องของมัน

เหมือนไฟ
แสดงเต็มเหนี่ยวของมัน
มันก็แสดงเต็มเหนี่ยว
ของมันเต็มเหนี่ยว

เราผู้นั่งดู
มันก็ไม่มากระทบเรา

ไฟเป็นไฟ
จิตเป็นจิต

ทุกข์ขนาดไหน
ก็เป็นทุกข์

กายก็เป็นกาย
อยู่อย่างนั้น.. แน่ะะะ

ต่างอันต่างจริง
มันก็ไม่กระทบกัน

#หลวงตามหาบัว







#หลวงพ่อเล็ก #วัดท่าขนุน

เรื่องของทิพจักขุญาณนั้นเป็นแค่ของแถมในการปฏิบัติเท่านั้น และแถมมาแล้วก็มักจะจัดการไม่ถูก สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก

ที่กระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "ของแถมในการปฏิบัติ" ก็เพราะว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ตาม ถ้าวิสัยเดิมมาทางด้านวิชชาสาม อภิญญาหก หรือปฏิสัมภิทาญาณสี่ ถ้าจิตสงบลงได้ระดับเมื่อไร ทิพจักขุญาณจะเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องไปดิ้นไปรน ดังที่เคยเปรียบเทียบไว้ว่า ซื้อรถเมื่อไรก็ได้ล้อมาด้วย ไม่มีใครที่ซื้อรถแล้วต้องตะเกียกตะกายไปหาล้อเพิ่มขึ้น แต่ด้วยความที่ท่านทั้งหลายนั้น ต้องบอกว่าสติปัญญาน้อย จึงจัดการกับทิพจักขุญาณไม่ค่อยจะถูก

แม้กระทั่งลูกศิษย์รุ่นเก่า ๆ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เท่าที่กระผม/อาตมภาพสัมผัสมาด้วยตัวเอง ก็นำเอาทิพจักขุญาณไปใช้ผิดเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมั่นใจว่าลูกศิษย์ของท่านฉลาดพอ ท่านถึงได้สอนมโนมยิทธิให้ แต่ปรากฏว่าที่ฉลาดพอนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็ออกทะเล กู่ไม่กลับ เพราะเมื่อเกิดทิพจักขุญาณขึ้นแล้ว ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ต่าง ๆ จะตามมาด้วย

ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ก็เคยพลาดอยู่ถึง ๓ ปี กลายเป็น "ขี้ข้าชาวบ้าน" แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นฆราวาส แต่ก็ถือว่าเป็นขี้ข้าชาวบ้านเขา เพราะว่าใครถามอะไรก็บอกเขาหมด แล้วพอได้รับคำชมเชยมาก็ "ตูดกระดก" ลอยทั้งตัว ก็เลยกลายเป็นขี้ข้าของชาวบ้านเขาด้วยความเต็มใจของตัวเอง เพราะว่าอยากได้คำชมอีก..!

จนกระทั่งได้สติขึ้นมา เพราะพินิจพิจารณาแล้วว่า การที่เราจะหลุดพ้นจากกองทุกข์นั้น ไม่ใช่เรื่องของอภิญญาสมาบัติ แต่เป็นเรื่องของปัญญาที่ต้องรู้แจ้งเห็นจริง และยอมรับสภาพความเป็นจริงของร่างกายของเรา และตลอดจนกระทั่งร่างกายคนอื่น วัตถุธาตุอื่น ๆ และยอมรับความจริงในโลกนี้ด้วย เมื่อเห็นจริงแล้วก็ปลดการยึดมั่นถือมั่นออก จึงสามารถที่จะหลุดพ้นไปได้

ไม่มีข้อไหนบอกว่าต้องได้ทิพจักขุญาณ ไม่มีข้อไหนบอกว่าต้องระลึกชาติได้ ไม่มีข้อไหนบอกว่าต้องรู้ว่าคนตายแล้วไปไหน ? คนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ? ไม่จำเป็นต้องรู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต มีอย่างเดียวก็คือปฏิบัติตามสายสุกขวิปัสสโก เพื่อเข้าถึงความสิ้นกิเลส

แต่เท่าที่พบมาก็คือจัดการกับทิพจักขุญาณไม่ถูก ได้มาแล้วก็ "เฟื่อง" คำว่า เฟื่อง ในที่นี้ ที่อาตมภาพเป็นก็คืออาการเดียวกัน "คะนอง" ใช้ทิพจักขุญาณในด้านที่ไม่ถูกต้อง ขาดปัญญา แยกแยะไม่ออกว่าปัจจุบันเราเป็นอะไร จึงไปเอาอดีตเป็นเครื่องยึด รู้แล้วแทนที่จะเข็ดว่า เราเกิดมาทุกข์ยากนับชาติไม่ถ้วน กลับรู้แล้วไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่า ๆ คนโน้นเป็นอย่างนั้นกับเรา คนนี้เป็นอย่างนี้กับเรา

บุคคลที่กำลังปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ แทนที่จะเร่งรีบ เพื่อที่ตัวเองจะได้ขึ้นสู่ฝั่ง พ้นจากภาระต่าง ๆ ไปเข้าสู่เขตแดนที่ปลอดภัย เรากลับไปกอดคอคนโน้นไว้ ฉุดรั้งคนนี้ไว้ด้วยความสัมพันธ์เก่า ๆ ท้ายที่สุดก็จมตายกันทั้งพรวน แล้วการที่เราใช้ทิพจักขุญาณผิด ไม่ได้มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง ก็สร้างความเสียหายให้กับครูบาอาจารย์อย่างมาก จนกระทั่งกลายเป็นวลีที่กึ่งดูถูก กึ่งเยาะเย้ยว่า "อย่ามโน"..!

...วันนี้ที่บอกกล่าวแก่ท่านทั้งหลายให้ชัดเจน ก็เพราะว่าบางคนที่ได้ทิพจักขุญาณแล้ว มีสิทธิ์ที่จะหลงทาง ต้องรู้จักระมัดระวัง รู้อะไรไม่ใช่พูดได้ทั้งหมด บุคคลที่รู้จริงต้องรู้ว่าสิ่งที่เรารู้นั้น พูดได้เท่าไร บางเรื่องรู้มา ๑๐๐ พูดได้แค่ ๒ แค่ ๓ จะอกแตกตาย..! แต่ก็ต้องกัดฟันทนไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วท่านอาจจะไปละเมิดกฎของกรรมโดยไม่รู้ตัว
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน








#ถ้าเราทำจิตให้เป็นปัจจุบันได้นะเราจะหาทุกข์มาจากไหน

นี่เรื่องเมื่อเช้า ก็เอามาคิดตอนเย็น เรื่องตอนเย็น ก็เอามาคิดตอนเช้า แล้วเราจะอยู่กับปัจจุบัน ได้ยังไง

#ธรรมะมันต้องลงที่ปัจจุบันนี่
#เป็นปัจจุบันเท่านั้น
#ไม่มีอดีต #ไม่มีอนาคต

นั่นถ้าจิต เป็นปัจจุบัน มันจะลงไปสู่ความว่างเองอัตโนมัติ นั่นล่ะ ธรรมถึงจะเกิดขึ้น จิตที่มีธรรมที่แท้จริง คือ จิตปัจจุบันนี่แหละ

โอวาทธรรม :
#หลวงพ่อเยื้อน #ขันติพโล
#วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร
อ.บัวเชต จ.สุรินทร์
บันทึกโดย : เขมปัญโญคฤหัสถ์
ตอบกระทู้