ดูอสุภะให้กำหนดยังไง
ธาตุขันธ์ ดูซิ ตลอดเวลาเพราะเป็นอสุภะ มนุษย์หยาบมากตัวผู้ตัวเมีย ดูซิ ต้องยุ่งตลอดเวลา ดูซินั่น ฟัน ลิ้น โกนหนวด ต้องยุ่งตลอดเวลา
ตัวผู้ตัวเมีย ดูซิข้างล่างนะ มนุษย์เป็นอย่างนี้นะ ตัวผู้ตัวเมียเป็นอย่างนี้นะและดูซิอันนี้นะ ข้างหน้าข้างหลัง สกปรกมาก ไม่มีคนหนึ่งไม่เป็นอย่างนั้นนะ
หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต วัดป่าบ้านตาด
#เห็นภายใน
ญาติโยมนี่เป็นแม่ชีก็ดี พราหมโณก็ดี นุ่งขาวห่มขาวไปจำศีลกัน จิตใจมันตกต่ำ อ้าว ใส่ชุดลายมาแล้วบัดนี้ มาถึงแล้วก็เป็นชุดขาว ถ้าแม่ชีจิตใจดำอำมหิต ศีลมันไม่ดี ใส่ชุดดำมาเลย ถ้ามันต่ำลงไปกว่านั้น เอาแหละมันจะตกต่ำลงไปแล้วบัดนี้ เครื่องนุ่งเครื่องห่มขาดกระรุ่งกระริ่ง มันจะต่ำลงไปอย่างนี้ จิตใจของคน ตกต่ำลงไปจริงๆ มันเป็นสัตว์เดรัจฉานมาเลย ตรงนี้แหละเห็นไหม เวลาโกรธเกลียดเคียดแค้นไม่เป็นมนุษย์เสียแล้ว เป็นยักษ์ เป็นมารแล้ว มันเป็นสัตว์ จิตตกต่ำ จิตของคนจะตกลงไปอย่างนี้ ตกลง เป็นสุนัข เป็นโค กระบือ ตกลงไปจริงๆ ลงไปเป็นงู ต่ำลงไปจริงๆ ไม่มีขาเลย คนเราทุกคนระวังให้ดี ตรงนี้แหละ ระบบจิตมันตกต่ำเป็นอย่างนี้
แม้เป็นพระก็ดี บางองค์นั่นน่ะ บวชได้ซะนาน 30 กว่า 40 กว่าพรรษานั่นแหละ ก็ยังเป็นกระบืออยู่นั่น ไม่ได้เป็นพระเลย ดูนะจิตของพระฝึกมามันตกถึงขนาดนั้น ระดับจิตของพระบางท่านพอเห็นท่านนอนอยู่ ก็ ดูว่าเป็นโยมอยู่ ตอนเช้าอาตมาก็ไปเคาะท่านว่า จิตตกมากเหลือเกินไปบำเพ็ญมา ท่านยอมทันที ทำไมทำให้จิตตกมาก “ผมยอมตายแล้วล่ะไปไม่ไหวแล้ว” ท่านบอกอย่างนี้ จิตตกต่ำเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ฉะนั้นจิตดวงเดียวนี่ เปลี่ยนแปลงได้มากที่สุดทีเดียว ยกให้ดีที่สุดก็ทำได้ ทำความสะอาดมัน มันมีหลายระดับถึงขนาดนี้ ฉะนั้น เราจะดูตรงนี้ได้เลยว่าใครเป็นอะไร แต่ไม่อยากให้คนหลง บางวัดใช่ไหม ไปเปิดกรรมเปิดอะไร หลงว่าชาตินั้นชาตินี้ ใครเกิดที่นู่นที่นี่ เราอย่าเพิ่งไปหลงงมงายเสียดีกว่า แต่มันมีจริงนะ ว่าคนนี้เกิดเป็นอะไรมา เดี๋ยวนี้มันอยู่ชั้นไหน มันก็ดูได้ ทุกวันนี้อาตมาปิดรายการแล้ว เพราะหลงปู่แหวนท่านห้าม หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ขาว ห้าม เรื่องนี้อาตมาไม่เปิด ถ้าเปิดแล้ววัดไม่มีที่นั่งที่อยู่ ไม่เปิดเรื่องอย่างนี้เพราะโลกมันหลง หลงเรื่องอย่างนี้ เหตุฉะนั้น อาตมาก็เลยเฉยๆ ทุกวันนี้เห็นอยู่ แต่เฉยๆ ไม่บอก บางคนชอบถาม ท่านอาจารย์ผมเป็นอะไรมา ฉันเป็นอะไรมา ไปถึงวัดบอกด้วยสิ ... ไม่บอก ให้รีบปฏิบัติ บอกแค่นี้ทุกวันนี้ “ญาติโยมก็สามารถบรรลุธรรมได้ ...ให้ปฏิบัติ”
ธรรมเปลี่ยนโลก หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
...ความคิดเหมือนกับยาเสพติด พอความคิดลดน้อยลง มันจะเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ เช่น เกิดความง่วง เพราะถ้าจิตใจเราคุ้นกับความคิด ต้องการจะมีอะไรสักอย่างอยู่ในใจตลอดเวลา พอความคิดเริ่มหายและมีความผ่อนคลาย จิตมักจะตกภวังค์ เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอน เราต้องระวัง พอจิตเริ่มจะรู้สึกเข้าที่แล้วต้องเพิ่มสติไม่ใช่ผ่อนคลาย พอมีความผ่อนคลายของกาย เราก็ต้องถ่วงกับการเพิ่มสติ ถ้ากายผ่อนคลายเรามักไม่ระมัดระวังจะทำให้ง่วง เมื่อรู้สึกว่ากายกำลังผ่อนคลาย เร่งสติให้มาก
ถ้าจิตเผลอไประวังอย่าให้จิตท้อแท้ อย่าให้เบื่อหน่าย อย่าให้รำคาญ ถือว่าเรื่องธรรมดา กิเลสมันมีกำลังมาก มันอยู่กับเรามาหลายภพหลายชาติแล้ว ไม่ใช่ว่าจะปล่อยวางได้ง่าย แต่การฝึกให้จิตยอมอยู่ในปัจจุบันกับลมหายใจไม่เหลือวิสัยใคร เพียงแต่ว่าต้องอดทน ใจเย็น แต่มุ่งมั่นทำความเพียรที่เรียกว่า อาตาปิ เหมาะสมกับความต้องการของจิตใจในแต่ละขณะ และมุ่งมั่นเห็นคุณค่าของการฝึกจิต เห็นโทษเห็นทุกข์ในการไม่ฝึก...
พระอาจารย์ชยสาโร ปฏิบัติธรรมวาระปฏิบัติธรรมผู้ปกครองโรงเรียนทอสี วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๔ ณ บ้านบุญ ปากช่อง นครราชสีมา
“เปลี่ยนชื่อหนีกฎแห่งกรรมได้ไหม”
คำถาม: คนที่เขาเปลี่ยนชื่อนามสกุลแล้วจะหนีกฎแห่งกรรมได้หรือเปล่าคะ
พระอาจารย์: ไม่ได้หรอก อย่างนั้นก็เปลี่ยนกันแหลกละซิ ชื่อมันไม่เกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม ชื่ออะไรมันก็..ชื่อบุญ ยังติดคุกได้เลย ชื่อดี ก็ยังติดคุกได้ ไม่ใช่พอเปลี่ยนชื่อแล้วเขาไม่จับไปติดคุกก็ดีซินะ
ธรรมะบนเขา วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอนโอน
ธรรมะ คือ ธรรมชาติของความเป็นจริง ทุกอย่างมีอยู่แล้ว เป็นจริงอยู่แล้ว เป็นธรรมะชาติความเป็นจริง ที่เป็นมา และเป็นไปตลอด ไม่มีเปลี่ยนแปลง
อุปมาดั่งเกลือเกลือมีรสเค็ม ความเค็มมันก็เค็มอยู่ตลอดกาล เขาก็เที่ยงของเขาอยู่อย่างนั้น รสของเขามีแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ไม่เห็นว่าเกลือมันหวานสักครั้ง
กินอยู่บนฟ้า กินอยู่ใต้ดิน กินอยู่ประเทศไหนเมืองไหน ก็เค็มอยู่อย่างนั้น ไม่ทิ้งรสชาติของเขาหรอก
ลักษณะความโกรธ มันก็โกรธอยู่อย่างนั้น ของมันมีอยู่ประจำโลก
ความอิจฉาอาฆาต มันก็มีอยู่อย่างนั้น ของมันอยู่ประจำโลกแต่ไหนแต่ไร รสขมก็มี
เรื่องความโกรธ ความแค้น มันเป็นอาหารของใจนะ
เรื่องขม เรื่องเผ็ด เรื่องเค็ม เป็นรสชาติที่เกิดจากลิ้น เรื่องร้อนเรื่องหนาว ก็เกิดจากร่างกาย
เรื่องเสียงดีไม่ดีก็เกิดจากหู สิ่งดีไม่ดีก็เกิดจากหู ผู้รับประสาท ผู้รับอารมณ์ต่าง ๆ
รูปมันดีไม่ดีก็เกิดขึ้นจากตา แต่ว่าถึงดีไม่ดีสิ่งเหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าตัวดีไม่ดีหรอก แต่ใจเป็นผู้รับรู้ทั้งหมด
แต่เราก็มีปัญหาแก้ใส่ใจอย่างเดียว เขามีแต่แสดงตามแบบของเขา อยู่อย่างนั้นตลอดกัปตลอดกัลป์
#คติธรรมคำสอน #หลวงปู่ศรี #มหาวีโร #วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
พวกเรานี่หนังสือตำรับตำราครูบาอาจารย์ดูหมด แต่ไม่สนใจปฏิบัติ เราปฏิบัติอยู่แต่นอก ๆ เอาไปมอบไว้กับพระพุทธเจ้าครูบาอาจารย์ ของไม่ได้บกพร่องที่ไหน มันบกพร่องที่ใจของเราที่ไม่ได้สนใจจะปฏิบัติ เพราะฉะนั้นคนสมัยนี้จึงไม่ค่อยถึงมรรคถึงผล หัวใจคนมันเสื่อม ศาสนาไม่ได้เสื่อม
เราถือศาสนากันแบบลม ๆ แล้ง ๆ ถือไม่จริงไม่จัง ถือกันเล่น ๆ เห็นศาสนาเป็นของเล่น พอจะพูดกันได้แต่กับคนปฏิบัติ คนไม่ปฏิบัติหิ้วแต่ปิ่นโตไปวัด หิ้วแต่สังฆทาน ก็ไม่มีโอกาสจะเข้าถึงศาสนา จึงขอเตือนว่า พวกเรามาอยู่ในขั้นหนึ่งแล้ว เพียงแต่ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ อย่ามีแค่อยากพ้นทุกข์เฉย ๆแต่ปฏิบัตินิด ๆ หน่อย ๆ เหตุมันไม่สมผลเลย
ความรู้สึกของเรามันเป็นความรู้สึกของกิเลส ถ้าเราตามใจกิเลส ทำตามความรู้สึกเจ้าของ นั่นแหละคือทำตามกิเลส เพราะกิเลสกับเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราจะเขี่ยกิเลสออก เราจะแก้กิเลสได้ เราต้องทำให้เหนือ เคยนั่งภาวนา ๒ ชั่วโมง ก็ต้องนั่งให้ได้ ๓ ชั่วโมง ให้มันเหนือความรู้สึกเจ้าของ มันจึงจะเป็น "ธรรม" ขึ้นมา
ถ้าเราจะนั่งปฏิบัติแบบที่เราเคยนั่งมาแบบไหนก็ทำแบบนั้น มันก็อยู่ที่เก่าที่เดิม ใจมันไม่ถูกเปลี่ยน เมื่อมันไม่ถูกเปลี่ยน จะถึงอรรถถึงธรรมได้ยังไง ความเพียรไม่ถึง อย่างบางคนนั่งภาวนา ๓๐ นาที มันก็อยู่แค่ ๓๐ นาที เท่านั้นล่ะ ให้มันฝืนขึ้นไปเรื่อย ๆ อันไหนที่กิเลสชอบ ธรรมไม่ชอบ ที่ธรรมชอบ กิเลสไม่ชอบ อย่างนี้จึงจะเป็น "ธรรม"
เพราะใจเรายังไม่เป็นอรรถเป็นธรรม เราจะเชื่อใจเราไม่ได้ คนไหนเชื่อเจ้าของเท่ากับเชื่อกิเลส คนไหนฝืนความรู้สึก ถ้ากิเลสไม่ชอบนั่งสมาธิเราต้องนั่ง ให้มันฝืนไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่ฝืนก็จะจมอยู่อย่างนี้ ถ้าปฏิบัติกิเลสไม่สะเทือน จะให้มันออกจากใจมันก็ไม่ออก เพราะฉะนั้น คนที่จะปฏิบัติจนออกจากวงล้อมนี้ไปได้ ต้องเหมือนกับคนกัดเพชรขาด เราจึงจะเข้าใจวิธีการแก้กิเลส ถ้าไม่อย่างนั้น ก็อยู่ในวงล้อมกิเลส มันไสหัวให้ปฏิบัติ เราก็ปฏิบัติ มันให้เลิกนั่งเราก็เลิก ถ้าอย่างนี้มันก็ติดอยู่ในวงล้อมของกิเลส ให้กิเลสเป็นตัวบ่งชี้ เราปฏิบัติมาได้เท่าไร กี่วันกี่เดือนกี่ปีก็เท่าเดิม
เราไปอ่านประวัติครูบาอาจารย์ดูสิ ข้างนอกแม้กิริยาอาการของท่านจะเรียบร้อย แต่ภายในท่านเข้มแข็ง ไม่เข้มแข็งเอากิเลสไม่อยู่ เด็ดกิเลสไม่ขาด สิ่งไหนที่เราแพ้มันง่าย ๆ หลงกลมันได้เร็วที่สุด มันก็เอาอันนั้นล่ะมาล่อ เอ้า พอละนะ เดี๋ยวจะตายละนะ เอาสิ่งนี้มาล่อ ปฏิบัติไปอย่ากลัวตาย ไม่อย่างนั้นเราต้องมาตายซ้ำ ๆ ซาก ๆ อีก ผู้ไม่กลัวตาย จะไม่กลับมาตายอีก เพราะเอาความตายออกจากใจไปแล้ว ผู้ปฏิบัติที่เอาทุกข์ออกจากใจแล้วก็จะไม่กลับมาทุกข์อีก
พระอาจารย์โสภา สมโณ วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จ.นครราชสีมา แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๙
|