หลวงปู่สมกอง ญาณาสโย วัดดานนกเขียน ต.นาทัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ เมตตาให้ธรรมะ
“คนไม่มีบุญจะมีอะไร นั่งอยู่ที่ไหนก็เศร้าหมอง เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้า พระสาวก พระอรหันต์ ผู้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีมาบวช พอมาบวชแล้ว ลืมทรัพย์สมบัติหมดเลย พระโมคลา พระสาลีบุตร เป็นลูกเศรษฐี พระมหากัสสปะ ก็เป็นมหาเศรษฐี พอภาวนาแล้วจิตใจถึงสุขแล้ว ไม่อยากได้เลยเงิน เพราะฉะนั้นแล้วคนที่มีบุญจึงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก คนไม่มีบุญจะอยู่ยังไงก็เป็นทุกข์ จะไปอยู่อย่างไรก็ไม่เป็นสุขในโลกอันนี้ เทวบุตรเทวดาดูแลคนมีบุญ แต่คนมีบาปเขาไม่ดูแลนะ ปล่อยไปตามยถากรรม คนมีบุญไปอยู่ไหนก็มีโชคลาภ เทวบุตรเทวดาเขาดูแลคุ้มครอง เขาจะช่วยเหลือผู้มีบุญ คนมีบุญนี้เป็นคนขาวสะอาด เทวบุตรเทวดาก็มองเห็น ส่วนคนมีบาปอยู่ในโครนตมไม่มีใครมองเห็น เพราะฉะนั้นแล้วคนมีบุญจึงไม่กลัวอะไรสักอย่าง”
หลวงปู่สมกอง ญาณาสโย
#รู้จักทุกข์แล้วปล่อยทุกข์ซะ
"... เกิดดับเป็นหน้าที่ ตาก็เกิดดับ หูก็ เกิดดับ รูป เสียง กลิ่น รสโผฐฐัพพะก็ เกิดดับ ลมหายใจก็เกิดดับ วิตกวิจาร ก็เกิดดับ ตัวเวทนา ตัวสัญญาก็เกิดดับ
... คนนอนหลับไม่ยึดถือพอตื่นขึ้นเท่านั้นแหละ "นั่นก็ของเรา นี่ก็ของเรา"
... ทุกข์เพราะเกิดดับมันมีอยู่แล้ว เอาราคะ โทสะ โมหะมาเพิ่ม ยิ่งทุกข์ใหญ่ ..."
#เรารู้จักทุกข์แล้วปล่อยทุกข์ซะ #อยากพ้นทุกข์ก็อยู่กับธรรมะ #อยากเป็นทุกข์ก็ไปอยู่กับสัตว์โลก
#หลวงปู่บุดดา_ถาวโร [วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี]
"หมากัดขาเรา เราอย่าไปกัดขาหมาตอบ ถ้าไปกัดคงน่าเกลียดจริงๆ หมากัดขาเรา เราก็รักษาแผลไป เช่นเดียวกัน .. ถ้ามีคนอื่นตำหนิเรา เราอย่าไปตำหนิเขาตอบ ใครทำให้เราโกรธ เราอย่าหลงไปโกรธเขาตอบ ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก"
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
อานิสงส์ของการสวดมนต์
...ยังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามาก หรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านมีคุณวิเศษอย่างไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์อรหันต์อริยะเจ้ามีคุณเช่นไร การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ
" ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ "
ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มี ๕ โอกาสด้วยกันคือ
เมื่อฟังธรรม เมื่อแสดงธรรม เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์ เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ
การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น ๒ เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไปเพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง ๓ นั่น คือ
กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐ ในพระคุณทั้ง ๓ พร้อมเป็นการขอขมา ในการผิดพลาดหากมี และกล่าวสักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็นการสร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดที่เดียว
อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน
การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดังพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่น
ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิต ก็จะทำให้เกิดความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้น ๆ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด
ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดมนต์จะพลอย ได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการสวดมนต์มีอยู่จำนวนมาก ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผู้สวดมนต์ได้ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์ ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดา ทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตราย ได้อย่างดีเยี่ยม
ดูก่อน.. ท่านเจ้าพระยาและอุบาสกอุบาสิกาในที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เมื่อจิตมีที่พึ่งคือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี และความขนพองสยองเกล้าก็ดี ภัยอันตรายใด ๆ ก็ดีจะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั่นแล.. (ที่มา : หนังสือ อมตะธรรม สมเด็จโต พรหมรังษี)
|