#เวลาตายไป_นิมนต์พระมากี่วัด
"... มา กุสลา ธัมมา ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าเจ้าของไม่สร้าง กุสลา คือ บุญกุศล เสียตั้งแต่บัดนี้ ..."
หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
ในชีวิตของเรามีทางเลือกอยู่สองทาง คือ คล้อยตามไปกับโลก หรือพยายามปฏิบัติให้อยู่เหนือโลก พระพุทธเจ้านั้นท่านทรงปฏิบัติจนพระองค์เองทรงพ้นโลก ด้วยการตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ ในทำนองเดียวกัน ปัญญาก็มีสอง คือ ปัญญาโลกีย์ กับปัญญาโลกุตตระ หากเราไม่ภาวนาฝึกปฏิบัติอบรมตนเอง ถึงจะมีปัญญาปานใด ก็เป็นเพียงปัญญาโลกีย์ เป็นโลกียวิสัย จะหลุดพ้นโลกไปไม่ได้ เพราะโลกียวิสัยนั้น มันเวียนไปตามโลก เมื่อเวียนคล้อยไปตามโลก จิตก็เป็นโลกคิดอยู่แต่จะหามาใส่ตัว อยู่ไม่เป็นสุข หาไม่รู้จักพอ วิชาโลกีย์เลยกลายเป็นอวิชชา หาใช่วิชชาความรู้แจ้งไม่ มันจึงเรียนไม่จบสักที เพราะมัวไปตามลาภ ตามยศ ตามสรรเสริญ ตามสุข พาใจให้ติดข้องเป็นกิเลสกองใหญ่
เมื่อได้มาก็หึงก็หวง เห็นแก่ตัว สู้ด้วยกำปั้นไม่ได้ ก็คิดสร้างเครื่องจักรเครื่องยนต์ เครื่องกลเครื่องไก สร้างศาสตราวุธสร้างลูกระเบิดขว้างใส่กัน นี่คือโลกีย์ มันไม่หยุดสักที เรียนไปก็เพื่อจะเอาโลก จะครองโลก ได้อะไรก็หวงอยู่นั่นแล้ว นี่คือโลกียวิสัย เรียนไปแล้วก็จบไม่ได้
มาฝึกทางโลกุตตระ โลกุตตระนี้อยู่ได้ยาก ผู้ใดหวังมรรค หวังผล หวังนิพพาน จึงจะทนอยู่ได้ จงทำตนให้เป็นคนมักน้อย สันโดษ กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำให้มันหมดโลกีย์
ถ้าเชื้อโลกีย์ไม่หมด มันก็ยาก มันยุ่ง ไม่หยุดสักที แม้มาบวชแล้วก็ยังคอยดึงให้ออกไป มันมาคอยให้ความรู้ความเห็น มันมาคอยปรุงคอยแต่งความรู้อยู่นั่นแล้ว ทำให้ใจติดข้องอยู่ในกามคุณทั้งห้า คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ อารมณ์ของใจเป็นกาม คือ ความใคร่ ในความสุข ความทุกข์ ความดี ความชั่ว สารพัดอย่าง มีแต่กามทั้งนั้น
คนไม่รู้จักก็ว่า จะทำสิ่งในโลกนี้ให้มันเสร็จ ให้มันแล้วเหมือนคนที่มาเป็นรัฐมนตรีใหม่ ก็คิดว่า ตนต้องทำได้ บริหารได้แล้วก็เอาอะไรๆ ที่คนเก่าทำไว้ออกไปเสีย เอาวิธีบริหารของตนเข้ามาใช้แทน ก็เลยต้องได้หามกันออก หามกันเข้าอยู่อย่างนั้นไม่ได้เรื่องสักที ที่ว่าจะทำให้เสร็จ มันก็ไม่เสร็จ เพราะจะทำให้ถูกใจคนทุกคนนั้น มันทำไม่ได้หรอก
คนหนึ่งชอบน้อย คนหนึ่งชอบมาก คนหนึ่งชอบสั้น คนหนึ่งชอบยาว คนหนึ่งชอบเค็ม คนหนึ่งชอบเผ็ด จะให้เหมือนกันนั้นไม่มีในโลก
คนอยู่ครองโลก ครองบ้าน ครองเมือง ทำทุกอย่างก็อยากให้มันสำเร็จ แต่ไม่มีทางสำเร็จหรอก เรื่องของโลกมันจบไม่เป็น ถ้าทำตามโลกแล้วจบได้ พระพุทธเจ้าท่านก็คงทรงทำแล้ว เพราะท่านครองโลกอยู่ก่อน แต่นี่มันทำไม่ได้.
"สองหน้าของสัจจธรรม" พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) (ตอนที่ 1)
อาการของจิต.. ทุกอาการที่เกิดขึ้นต้องดับ และแปรปรวน..
อย่าตื่นเงา ของจิตตัวเองจะเดือดร้อน ความรู้ว่าเผลอและไม่เผลอ เป็นทางที่ถูกต้องแล้ว
ความเสื่อมความเจริญ เป็นอาการของโลก ให้รู้เท่าผู้รู้..ว่าเสื่อมหรือเจริญ นี่แหละเป็นธรรมที่คงที่
ความรับรู้ทุกขณะนี้แล เป็นธรรมยั่งยืน
เราเป็นนักปฏิบัติ อย่าหลงตามอาการ ของความเสื่อมความเจริญ จงรู้ตามอาการ จึงจัดว่าเป็นผู้ฉลาดในธรรม
ดวงไฟยังมีดอกแสงควันไฟ ต้องแสดงความเกิดความดับ จากดวงไฟเป็นธรรมดา
จิตยังมีอาการเกิดๆ ดับๆ ซึ่งเกิดจากดวงจิตต้องมีเช่นเดียวกัน
ข้อสำคัญอย่าหลงตาม เสื่อมจงรู้ตาม เจริญจงรู้ตาม เผลอหรือไม่เผลอ จงรู้ตามทุกอาการ
จึงจัดว่านักค้นคว้าความรู้เท่า ในอาการเกิดๆ ดับๆของสิ่งเหล่านี้ ด้วยปัญญาเสมอไป
นั่นแลจัดว่าเป็นผู้รู้ จะรู้เท่าทันโลกและเรียนรู้โลกจบ จึงจะพบของจริง
#หลวงตามหาบัว
เมื่อเราสร้าง คุณงามความดี #ให้เป็นที่อบอุ่น ภายในจิตใจแล้ว อยู่คนเดียวก็สงบ
เวลามีชีวิตอยู่ก็เย็น ตายไปก็เย็น เพราะสงบเย็น ด้วยบุญด้วยกุศล
โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
" ถ้ามีอะไรมันกระเทือนขึ้นในใจ
ให้ดูหัวใจเจ้าของทันที....
เพราะเรามาแก้ใจ มาระงับดับกิเลสที่ใจ... สมมุติไม่พอใจคนนั้น ความไม่พอใจนี้ คือ เรื่องของเราเองเป็นผู้ก่อขึ้นมา
นี่จับตัวนี้ก่อน ฟาดตัวนี้ให้มันพังลงไป จึงเรียกว่า ผู้มาแก้กิเลส ต้องดูตัวนี้สิ ไปดูอะไรข้างนอก..."
โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
|