พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อาทิตย์ 18 ธ.ค. 2022 5:31 am
"บุญ...ไม่ได้อยู่แต่ที่วัดหรอก
นั่งอยู่บ้านก็เป็นบุญ
มันอยู่ที่กาย วาจา ใจ
นั่นแหละ..บุญ.."
หลวงปู่ปั่น สมาหิโต
สำนักสงฆ์ศรีอุทัย อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
#ทุกข์_เป็นบ่อเกิดของปัญญา
"... อันผู้พิจารณาทุกข์ เมื่อเห็นสภาพตาม
เป็นจริงแล้ว
... ทุกข์นั้นไม่ใช่มันจะมาครอบงำ ผู้ที่เห็น
ทุกข์
... แต่การพิจารณาทุกข์นั้น กลายเป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่
#มันเป็นการฟอกฝนจิตใจให้ใสสะอาด_อันเป็นบ่อเกิดของปัญญา_ให้ฉลาดเฉียบแหลมขึ้นทุกที ..."
#หลวงปู่เทสก์_เทสรังสี
มรรค ๘
ท่านผู้อ่านทั้งหลาย คำว่า มรรค ๘ เป็นทางเอกอาจนำผู้ดำเนินตามให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์แห่งใจได้โดยส่วนเดียวก็ดี มรรค ๘ ทำกิจปหานกิเลสในขณะเดียว ณ ที่เดียว (คือ ที่จิต) ในภูมินั้นๆ ก็ดี เท่าที่ข้าพเจ้าแสดงมาแล้ว หวังว่าพอจะเข้าใจได้บ้าง หรือจะสรุปอีกทีว่า พระอริยเจ้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ท่านดำเนินมรรควิถีโดยทางจิต ถึงแม้จะแสดงมรรคออกมาเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา ว่าด้วย กาย วาจา ใจ ก็ตาม แต่ถ้าเป็นอริยมรรคแล้ว ต้องเดินด้วยมรรคจิตทั้งนั้น นอกนั้นเป็นมรรคทั่วไป แลมรรคนี้มิใช่วิสัยของคนโง่หรือผู้แก่การศึกษา หรือใครๆ ก็ตามจะแต่งได้เอาตามชอบใจของตน แต่เมื่อผู้มีปัญญาศรัทธาเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือกรรมฐานที่อาจารย์สอนให้โดยปราศจากมานะและความลังเลใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว ยอมปฏิบัติธรรมอันมีมรรค ๘ เป็นเครื่องดำเนินโดยความเคารพจริงๆ แล้ว มรรค ๘ จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นชัดด้วยใจ ด้วยปัญญาอันชอบของตนเอง
มรรค ๘ ซึ่งเห็นว่าเป็นของยากและเป็นของมากก็ดี เมื่ออาศัยความไม่ประมาท เพียรพยายามดำเนินต่อไปไม่ให้ขาดไม่ให้วิ่น มรรคทั้งแปด จะเป็นของน้อยลงๆ แล้วจะยังเหลือแต่ผู้รู้ผู้พิจารณากับอารมณ์ที่พิจารณาอยู่นั้น มรรค ๘ จะหายสูญไป (คือ ลบสัญญา อุปาทาน) แล้วจะเกิดความสว่างขึ้นมาในใจว่า อ๋อ…ทางที่ถูกที่แท้ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายดำเนินมาแล้วเป็นอย่างนี้หรือ ผู้มีความเห็นชัดด้วยใจ ด้วยปัญญาอันชอบของตนเองอย่างนี้แล้ว จะไม่ยอมแสวงหาครูอาจารย์อื่นอีกแล้ว
ท่านผู้หวังเดินมรรคตามรอยพระบาทยุคลของพระพุทธองค์แล้ว ขอได้วางความจดจำและกังวลในความรู้ใดๆ ที่ได้มาจากปริยัติก่อน แล้วพึงน้อมใจเชื่อในกรรมฐานที่ตนจะปฏิบัตินี้ให้แน่วแน่ลงไปว่า นี่แหละทางตรง ทางให้ถึงความดับทุกข์แท้จริง แล้วพึงเจริญกรรมฐานตามปรารถนาของตนจนชำนาญเถิด เมื่อปัญญาสัมมาทิฏฐิเป็นประธาน อันมีสัมมาสมาธิเป็นรากฐานเครื่องสนับสนุนเกิดขึ้นแล้ว จึงจะรู้ชัดด้วยตนเองว่า ความรู้อันเกิดจากปริยัติกับเกิดจากปัญญาสัมมาทิฏฐิมีรสชาติผิดแผกแตกกันอย่างนี้
อนึ่ง มรรคคือปัญญาสัมมาทิฏฐิ เมื่อเกิดขึ้นอาจมีลักษณะอาการแตกต่างกันอยู่บ้าง ขอท่านนักปฏิบัติทั้งหลายอย่าได้ลังเลใจ ขอให้สังเกตดูรสชาติของมันว่า รสชาติมันจะต้องเป็นอย่างเดียวกันนั้น คือความรู้เกิดจากความสงบอยู่ภายใน รู้แล้วหายสงสัยในอุบายและกรรมฐานนั้นๆ ความปลื้มปีติอิ่มของใจจะติดพ่วงท้ายมา ทั้งนี้เนื่องจากอุบายที่ยกขึ้นมาพิจารณาหรือจิตกล้าหาญไม่เหมือนกัน ตลอดถึงมรรคจิตที่ปหานกิเลสแต่ละภูมิก็เช่นกัน อนึ่ง มรรคปหานของแต่ละภูมิจะเกิดขึ้นได้ก็ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่เกิดอีกซ้ำสอง ไม่เหมือนฌานซึ่งทำให้ชำนาญแล้วเข้าได้ทุกเมื่อ
ผู้ทำความสงบจิตเข้าถึงสมาธิยังไม่ได้ มักเห็นไปว่าสมาธิเป็นเรื่องที่ทำให้จิตโง่ซึมเซอะ การที่จิตคิดค้นแส่สายตามอุบายที่ตนมีอยู่นั่นแลคือปัญญา จริงอยู่ในโพชฌงค์ ท่านแสดงเครื่องตรัสรู้ ก็ยกธัมมวิจยะ คือคิดค้นในธรรมเป็นองค์อันหนึ่งในโพชฌงค์เหมือนกัน แต่คิดค้นโดยอยู่ในขอบเขตของสติจนธรรมนั้นซาบซึ้งเข้าถึงจิต อันเป็นเหตุให้พากเพียรพิจารณาไม่ท้อถอย แล้วมีผลตามมา คือ ความอิ่มใจ ความสงบสุข ใจตั้งมั่น แล้วปล่อยวางในเรื่องนั้นๆ เป็นเครื่องตัดสิน นั่นแลจึงจะถูกทาง เป็นเครื่องตรัสรู้ตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ถ้าผิดแผกแตกต่างแลไม่มีเครื่องวัดดังกล่าวมาแล้วมิใช่ปัญญาเครื่องตรัสรู้ทั้งหมด
ความจริงจิตที่เป็นสมาธิมิได้ทำให้เกิดโง่ซึมเซ่อแต่ประการใด นอกจากผู้ที่ยังทำสมาธิไม่ได้จะคาดคะเนเอาเท่านั่น ผู้จะได้สมาธิต้องเป็นผู้มีจิตกล้าหาญผจญกับอารมณ์ของจิตมาแล้วอย่างโชกโชน จนเรียกตนเองว่าเราชนะแล้ว จึงจะถึงสมาธิได้ เมื่ออยู่ในสมาธินั้นเล่า ก็มิใช่ว่าจิตจะโง่เง่าซึมเซอะ แต่มันมีความผ่องใสพิจารณาธรรมอันใดก็ปรุโปร่งเบิกบาน ฌานต่างหากที่ทำให้จิตสงบแล้วซึมอยู่กับความสุขเอกัคคตาของฌาน ขออย่าได้เข้าใจไปว่าฌานกับสมาธิเป็นอันเดียวกัน ลากับม้าเป็นสัตว์ประเภทเดียวกันแต่ตระกูลต่างกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามความโง่อันสงบจากนิวรณ์ทั้งห้า ยังดีกว่าความกล้าหลงเข้าไปจมอยู่ในกามทั้งหลายเป็นไหนๆ
ผู้จะทำความสงบอบรมสมาธิภาวนา ขอได้เก็บปัญญาที่เกิดจากการศึกษาแม้แต่การที่ได้ยินได้ฟังมานั้นเข้าตู้ไว้ก่อน จงใช้สมองอันตรึกตรองที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำสมาธินั้น เพ่งพิจารณากรรมฐานที่ตนยกขึ้นมาภาวนานั้น โดยเฉพาะอุบายที่จะทำให้เกิดสมาธิ จึงจะเกิดสมาธิขึ้นมาได้ ปัญญานอกนี้จะเอามาใช้เพื่อทำสมาธิไม่ได้เอาไว้ใช้เพื่ออย่างอื่น หรือ เทียบกับวิปัสสนานั้นควรทุกอย่าง อนึ่ง ปัญญาที่เกิดจากการศึกษานั้น หากจะนำมาใช้ในการหัดภาวนาสมาธิ เมื่อจะเข้าถึงสมาธิจริงๆ ก็จะต้องปล่อยวางปัญญานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเข้าถึงสมาธิได้ หรือถ้าปล่อยวางไม่หมดสิ้น สมาธิก็จะเป็นเพียงอุปจาระเฉียดๆ แล้วถอนออกมา ธรรมแท้เป็นปัจจัตตัง ความรู้ของวิญญูชนก็เป็นปัจจัตตัง จึงจะเป็นของอัศจรรย์ ความฉลาดถ้าเกิดก่อนความโง่แล้วจะปกปิดความโง่ไว้ จะไม่มีเวลาแลเห็นความโง่เลย
เรื่องเช่นนี้ข้าพเจ้าถูกพระเถระรูปหนึ่งถามแนวปฏิปทาว่าท่านดำเนินไปในแนวไหน ข้าพเจ้าก็เรียนท่านตามแนวที่ได้ดำเนินมา ตั้งแต่ต้นพิจารณากายคตาสติ จนจิตรวมเข้าถึงสมาธิ ตอนว่าถึงสมาธิยังไม่ได้อธิบายท่านก็ค้านขึ้นมาว่ามันก็โง่เท่านั้นซิ ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าจะตอบแทนท่านอย่างไรอีก เมื่อพูดกันถึงเรื่องภาวนาก็ต้องตอบท่านในทางภาวนาว่า โง่ผมก็ต้องยอม เพราะผมค้นหาความโง่ของตนอยู่นานแล้ว ท่านหันไปถามพระเถระอีกรูปหนึ่ง ซึ่งท่านก็เคยเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้ามาแล้ว ท่านก็ตอบในแนวเดียวกับข้าพเจ้าตอบ ท่านคงคิดในใจว่า เออ..พวกนี้เขาปฏิบัติกันอย่างไรนะ
ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องฌาน สมาธิ และมรรคกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ขอท่านผู้อ่านได้อดใจฟังอุทาหรณ์ในทำนองเดียวกันนี้เพื่อเป็นการศึกษาต่อไป ข้าพเจ้าได้ศึกษาแลอบรมแล้วได้ประสบการณ์ในด้านภาวนากรรมฐานมาบ้าง ถึงจะไม่ชำนาญ ก็พอจะนำเอามาเล่าสู่ท่านผู้อ่านฟังเพื่อเป็นการศึกษาได้บ้าง เรื่องทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้แสดงมาแล้วก็ดี หรือที่กำลังแสดงอยู่ ณ บัดนี้ก็ดี ทั้งที่จะได้แสดงต่อไปข้างหน้าก็ดี อาจไม่เป็นที่สบอารมณ์หรือมติของบางท่านก็ได้ ถึงอย่างไรก็ขอได้กรุณาให้อภัยแก่ข้าพเจ้าผู้มีเจตนาหวังดีในเพื่อนนักปฏิบัติด้วยกัน แล้วขอให้ถือว่านั่นเป็นเพียงมติของบุคคลคนหนึ่งเท่านั้น แล้วก็ดีเสียด้วย เพื่อจะได้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วก็หายความข้องใจของผู้อ่านได้ แล้วโปรดฟังอุทาหรณ์สัก ๒-๓ เรื่องต่อไป.
พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
#มีแต่ของเกิดมาตายทั้งนั้น
#มันเกิดมาเน่ามาเปื่อยหาประมาณมิได้
ถ้าเราเห็นชัดว่ามันเป็นของเกิด จิตมันตื่น มันถอนตัวออกทันที ทำไมจึงตื่น ทำไมจึงถอนตัว เพราะของที่ต้องเกิดนั้นเป็นของที่ต้องดับอยู่แล้ว
ดูแลหวงแหนขนาดไหนก็ช่างเถอะ มันตายไปทุกขณะ ตายแล้วก็เน่าก็เปื่อย ก็ทิ้งกันไป มันเกิดมาเน่ามาเปื่อย หาประมาณมิได้
#หลวงปู่แบน #ธนากโร.
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.