"... ทำความดี.. หลงในดี ... มีความสุข.. หลงในสวรรค์ เขาผู้นั้นย่อมไม่พ้นจากกามกิเลส อันเป็นเหตุให้.. เวียนว่ายตายเกิด อยู่ในวัฏสงสาร ..." #ความดีและสวรรค์_อาจปิดกั้นมรรคผลนิพพานได้_ให้ระวัง ..!!" ____________________ #หลวงพ่อชา_สุภัทโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
"..อย่าทำความรู้ ความเห็นและความประพฤติทุกด้านเหมือนเราไม่มีป่าช้าอยู่กับตัว อยู่กับบ้านเมืองเรา อยู่กับญาติมิตรของเรา บทถึงคราวเป็นอย่างโลกที่มีป่าช้าทั่ว ๆ ไปขึ้นมา จะแก้ตัวไม่ทัน แล้วจะจมลงในที่ตนและโลกไม่ประสงค์อยากลงกัน จะคิดจะพูดจะทำอะไร ควร ระลึกถึงป่าช้าคือความตายบ้าง เพราะกรรมกับป่าช้าอยู่ด้วยกัน ถ้าระลึกถึงป่าช้า ในขณะเดียวกันได้ระลึกถึงกรรมด้วย พอทำให้รู้สึกตัวขึ้นบ้าง อย่าอวดตัวว่าเก่งทั้ง ๆ ที่ไม่เหนืออำนาจของกรรม แม้อวดไปก็เป็นการทำลายตัวให้ล่มจมไปเปล่า ๆ ไม่ควรอวดเก่งกว่าศาสดาผู้รู้ดีรู้ชอบทุก ๆ อย่าง ไม่ลูบ ๆ คลำ ๆ เหมือนคนมีกิเลสที่อวดตัวว่าเก่ง สุดท้ายก็จนมุมของกรรมคือความเก่งของตัว (ผลร้ายที่เกิดจากการทำด้วยความอวดเก่งของตัวเอง).."'
พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
#อะไรเกิดขึ้นให้ถือเป็นธรรมเครื่องเตือนสติปัญญา
ขอให้ยึดหลักว่า ขันธ์กับจิตเป็นสิ่งที่เราจะพิจารณาไม่ขาดระยะ และเป็นสิ่งสำคัญกว่าอื่นทั้งหมด
เรื่องจิตจะบริสุทธิ์หรือละเอียดขึ้นไปอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับจิตทำงานการค้นคิดให้รู้ตามเป็นจริงในขันธ์ทั้งหลาย
หน้าที่ของขันธ์ที่เขาทำงานอยู่ประจำอิริยาบถ ก็คือความตั้งขึ้นแลดับไปเท่านั้น ยกสังขารขันธ์เป็นตัวอย่าง คือสังขารจะคิดขึ้นปรุงขึ้น ทางดีก็ตามทางชั่วก็ตาม คิดเรื่องอดีตก็ตามอนาคตก็ตาม จะต้องดับไปในขณะ ๆ ทุกประเภทที่คิดขึ้นปรุงขึ้น
ขอแต่เราจงจับหลักของสังขารไว้ด้วยดี ยกสติปัญญาเข้าใกล้ชิดต่อความเกิดความดับของสังขารทุกเวลา แม้เวทนา สัญญา เป็นต้น ก็โปรดพิจารณาทำนองเดียวกัน จะต้องทำหน้าที่เกิดดับเช่นเดียวกัน อย่าทำความคาดหมายว่ากลัวลำบากหรือรำคาญ หรือละเอียดบริสุทธิ์ไปก่อนความเป็นเองของจิต
สุข ทุกข์ เศร้าหมอง ผ่องใส เป็นต้น ที่เกิดขึ้นให้ถือว่าเป็นธรรมเครื่องเตือนสติปัญญา อย่าถือว่าเป็นของเอาหรือของทิ้ง ให้ถือว่าเป็นสิ่งที่จะต้องรู้เท่าเสมอกันหมด
อย่าแสดงความดีใจ เสียใจไปตามสิ่งที่ปรากฏขึ้นแลดับไป ผิดหลักของผู้จะยกตนให้พ้นความลำเอียงในสภาวธรรม ไม่ว่าประเภทใด ๆ ทั้งหมด
พึงทราบว่าขันธ์ทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวเรา ไม่ใช่เป็นของขว้างทิ้ง หรือจะถือเอา แต่เป็นของจะรู้เท่าด้วยปัญญา แล้วต่างฝ่ายต่างก็อยู่ตามความเป็นจริงของตน ๆ ไม่สับสนกัน จึงจะไม่มีเรื่องยุ่งเกิดขึ้น เมื่อไม่มีเรื่องก็ไม่มีคดีเกี่ยวข้อง พอที่จะหาทนายและผู้พิพากษามาช่วยเบิกความและตัดสิน
อนึ่ง แม้จิตคือผู้รู้ เมื่อถึงขั้นรู้เฉพาะจิตไม่เกี่ยวกับอารมณ์ใด ๆ แล้ว ก็พึงพิจารณาเฉพาะจิตด้วยปัญญา เช่นเดียวกับการพิจารณาขันธ์ทั้งหลาย ไม่เช่นนั้นจะทำความนอนใจในผู้รู้ ก็จะติดผู้รู้เข้าอีก ยิ่งจะเป็นผู้รู้ที่เต็มไปด้วยความหลง
ข้อสำคัญเราอย่ากลัวผู้รู้จะฉิบหายไปจากตัวเรา ในขณะที่เราจะพิจารณาหรือกลั่นกรองผู้รู้ ให้ทำความเข้าใจว่า สิ่งทั้งหมดทั้งนอกกาย นอกใจ ทั้งในกาย ในใจ ทั้งใจ สิ่งใดจะเคลื่อนไหวไปอย่างไร จะแตกจะดับก็ขอให้เราเห็นชัดด้วยปัญญาญาณ ว่าสิ่งนั้น ๆ แตกดับไป เราอย่ามีส่วนเกี่ยวข้องว่าเราจะถูกทำลายหรือแตกดับไปตามสิ่งนั้น ๆ
ธรรมชาติใดที่จะเป็นธรรมชาติที่ประเสริฐ ธรรมชาตินั้นจะปรากฏชัดขึ้นกับเราทันที และธรรมชาติอันนั้นไม่อยู่ในกรอบของความเกิดขึ้นแลแตกดับสูญไปตามใคร ๆ ด้วย
นั่นแหละเรียกว่าธรรมดวงเอก คือพุทธธรรม พุทธธรรมคือผู้รู้ที่บริสุทธิ์ (พระพุทธเจ้าแลสาวกทั้งหลาย ท่านได้ธรรมดวงนี้ จึงเป็นผู้ประเสริฐสุดของไตรภพ โลกทั้งสามได้กราบไหว้ ก็กราบไหว้ธรรมดวงนี้เอง หาได้นอกเหนือไปจากตัวเราตัวท่านที่ไหนไม่)
ฉะนั้น จงพยายามตามที่อธิบายมานี้ สมบัติคือธรรมดวงเอก จะกลายเป็นของเราในวันหนึ่งแน่ เพราะสมัยนี้หาคนผู้จะทำตนเพื่อดวงธรรมดวงเอกนี้หายากมาก และจะหาครูอาจารย์ผู้ที่จะมาชี้ทางเพื่อธรรมดวงเอกได้โดยถูกต้องแก่นักศึกษาแลนักปฏิบัติผู้มุ่งหวังอยู่แล้วเต็มใจ ก็หายากเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้น ๑.ธรรมดวงเอก ๒.ผู้มุ่งหวังธรรมดวงเอก ๓.ผู้ชี้ทางเพื่อธรรมดวงเอกโดยถูกต้อง ทั้งสามซึ่งเป็นของหายากนี้ แต่ไม่ยากไปทุกราย ไม่ง่ายจนเกินไปถึงกับไม่เป็นของแปลก
ธรรมชาติทั้งสามนี้ที่ว่าหายาก ควรจะได้เป็นของสะดวกสำหรับเรา เพราะเข้าใจว่าเราเป็นคน ๆ หนึ่งที่ได้มีวาสนาบารมี มาประพฤติตนเพื่อธรรมอันเอกกับเพื่อนพุทธบริษัทเพื่อความเป็นลูกที่ดีของพระพุทธเจ้า เอวํ
อาตมาเป็นห่วงคุณทั้งสองมาก การป่วยพึงทราบว่าเขาจะมาเตือนเรื่องหนี้สิน ต่อไปเขาจะมาทวงหนี้สินกลับคืน จงรีบตั้งเนื้อตั้งตัวด้วยอริยทรัพย์
#หลวงตามหาบัว #ธรรมะในลิขิต #ฉบับที่26
|