#อานุภาพแห่งทาน
“หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านเทศน์ในเทป วิญญาณที่หาที่เกิดนี้ มันมากเหมือนกับข้าวสารอยู่ในกระสอบนะ อากาศว่างๆ ที่เราเห็นนี่แหละเหมือนข้าวสารอยู่ในกระสอบ วิญญาณเหล่านั้นล้วนแต่ท่องเที่ยวหาที่เกิดทั้งนั้น เกิดที่ไหนก็เกิดแหละอันนี้ ที่ดีๆ ก็ไปแย่งเขาสู้เขาไม่ได้ เพราะตัวเองกำลังน้อย ตัวเราไม่มีทาน ผู้มีทานนั้นแหละจะมีกำลังมากอาศัยกำลังที่เกิดน่ะ ล้านๆ ตัวได้ตัวเดียว ตัวใดมีกำลังมากก็ได้เกิด กำลังมีผลมาจากทานนั่นแหละ พระพุทธเจ้าจึงสอนให้มีทาน ถ้าไม่มีทานล่ะแย่นะอันนี้ ที่มีสู้เขาไม่ได้...”
โอวาทธรรม #พระราชวชิรเขมคุณ (หลวงปู่อว้าน เขมโก) วัดป่านาคนิมิตต์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
#อย่าติดดี หลายปีที่แล้วมา หลวงพ่อชา ลงไปเยี่ยมวัดชิตเฮิร์สท์ที่อังกฤษ มีอุบาสกคนหนึ่งที่เคยศึกษาธรรมะฝ่ายมหายาน มาถามหลวงพ่อชา เรื่องการปฏิบัติว่า..คนที่ปฏิบัติเพื่อเป็นอรหันต์ กับคนปฏิบัติเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ อันไหนจะดีกว่ากัน อันไหนสูงกว่ากัน
หลวงพ่อชาตอบว่า อย่าเป็นอะไรเลย พระอรหันต์ก็อย่าเป็นเลย พระโพธิสัตว์ก็อย่าเป็นเลย แม้พระพุทธเจ้าก็อย่าเป็นเลย เป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นทุกข์ทันที คืออย่าเป็นคนดี อย่าไปถึงระดับนั้น เป็นคน อย่าเป็นคนดี ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องรำคาญคนไม่ดี
ทุกวันนี้คนที่ไม่ดีมากกว่าคนดีเยอะ ไปที่ไหนก็กลุ้มใจ มีแต่ความไม่พอใจ เหมือนกับคนที่สูบบุหรี่เลิกแล้วดูคนอื่นสูบ ก็ไปเทศน์ให้เขาฟัง นี่เรียกว่า "ติดดี ท่านไม่ให้ติด แม้จะเป็นความดีท่านก็ไม่ให้เราติดเพราะว่าความติดเป็นทุกข์ สร้างความทุกข์ใจ
โอวาทธรรม หลวงปู่ชา สุภัทโท
. อันนี้แหละเรียกว่าเป็นปัญญาแท้ เป็นปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติ พอเวลาเขาร้ายเขาตบหน้าเรา เราก็เฉยเสีย เจ็บกายอย่างเดียวพอ
อย่าไปเจ็บ ๒ เด้ง เจ็บกายแล้วยังต้องเจ็บใจอีกทำไม ใจนี้เราสามารถป้องกันไม่ให้มันเจ็บได้ ถ้าเรามีปัญญา
พระอริยบุคคลนี่ท่านจะเห็นอริยสัจตลอดเวลา เวลาที่กิเลสโผล่ขึ้นมาปั๊บ ท่านรู้แล้วอ้อมาแล้ว อยากแล้ว อยากได้นู่น อยากได้นี่ อยากให้คนนั้นคนนี้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ อยากให้สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นอย่างนี้
พอรู้ปั๊บก็หยุดมันทันทีด้วยการใช้ไตรลักษณ์ ว่าสิ่งที่อยากได้เป็นอนัตตาไป
คำสอนพระอาจารย์ สุชาติ อภิชาโต
การภาวนาลมหายใจเข้าออก เพื่อเป็นการพยุงความรู้ให้เด่น จะได้ปรากฏลมขัดขึ้นกับใจ ชำนาญลมแล้วน้อมเข้าไปท่ามกลางอก โดยเฉพาะสำคัญอยู่ด้วยสติ มีสติกำกับใจ ให้มีกำหนดลมทุกขณะเข้าออกสั้นยาว จนลมละเอียดเข้าไปทุกทีจนละเอียด กองลมกับจิตเป็นอันเดียวกัน ทีนี้ให้กำหนดลมอยู่โดยเฉพาะ ใจไม่ต้องกังวลบริกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อลมกับจิตละเอียดแล้วจะเกิดความสว่างไสว เยือกเย็น เป็นความสงบสุขรู้อยู่ในเฉพาะใจ ไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ใดๆ เพราะจิตวางภาระ มีความรู้อยู่เฉพาะใจดวงเดียว คือเป็นหนึ่ง (เอกัคตารมณ์) นี่ ผลที่ได้จากอานาปานสติกรรมฐาน ส่วนการภาวนาส่วนอื่นๆ ก็ดุจเดียวกัน นี่เป็นความสุข ที่สุขุมยิ่งกว่าที่เป็นมาแต่เก่าก่อน
* อำนา มจ ทุกข อนิจจ อนตตา ชำนิชำนาญแล้วไม่มีเวลาดับ สว่างเรื่อย ๆ เพราะกำจัดความมืดคือ อวิชชา นี้เป็นสมบัติของพระอรหันต์จิตคงที่ จิตไม่กลับกลอก เพราะทานมีญาณและปัญญาผลิมาจากไตรลักษณ์
* อวิชชา ความรู้โกหกอันเดียว เที่ยวรังแกอริยสัจความจริงของพระธรรม เมื่อรู้ธรรมแล้วจิต กายปกติดี ไม่กดขี่บังคับ หรือ ส่งเสริมใด ๆ จากใจที่เคยเป็นมา ทั้งนี้เนื่องจากเป็นธรรม มีความเสมอภาค และให้ความเสมอภาคในสิ่งทั้งปวง จึงหมดศัตรูต่อกันเพียงนี้ ถึงอรหันต์แล้วชนะอวิชชา ไม่มีตำหนิติชมให้เขาเป็นอะไรอีกแล้ว ชาวเมืองอยู่เป็นสุข เพราะอวิชชาเป็นมหาโจร เบียดเบียนชาวเมืองไปต่าง ๆ พระอรหันต์ท่านรักษาธาตุขันธ์ของท่านไป แต่ไม่ประคอง ราคะ โทสะ โมหะ ให้เดือดร้อน เป็นสุขอย่างยิ่ง
* ภาวนานั้น ถ้ามีแต่สมาธิอย่างเดียว ต้องมีนิมิตต่าง ๆ หลอกอยู่เรื่อย ๆ เกิดจากอุปจารสมาธิ มีอุคหนิมิต ทำให้เป็นบ้าไปได้ ทำให้จมอยู่ในสมาธิความสงบและสุขไปได้ ถ้าภาวนาเอาวิปัสสนาผสมสมาธิแล้ว ย่อมไม่กำเนิดนิมิต เพราะไตรลักษณ์ล้างอยู่เสมอ และไม่สำคัญตนและไม่เป็นบ้า เกิดนิมิตทั้งหลายก็รู้เท่าทัน ดังนี้เป็นต้น
* ทรมานกายนั้น ทรมานด้วยปฏิภาคนิมิตและอุคหนิมิต ทำอุปจาระ อัปปนาสมาธิ ให้แจ่มแจ้งชำนิชำนาญ จึงจะถอนอุปทานในรูปขันธ์เสียได้ (คือ เบื่อหน่าย)
* ส่วนทรมานนามธรรม เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั้น ให้ละด้วยไตรลักษณ์อย่างเดียว เพราะเป็นชั้นละเอียด
* อวิชชาครองเป็นบัลลังก์มาอเนกชาติ อวิชชาดวงนี้จะเที่ยว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หมุนเวียนไปได้ทุกกำเนิด สูง ต่ำ ดี ชั่ว ในภพทั้ง 3 แม้จะแบ่งภพของสัตว์ไว้ต่าง ๆ กัน ในภพนั้น ๆ ไว้มากเท่าไร ใจอวิชชาดวงนี้สามารถเกิดได้ทุกภพ ทุกชาติ ที่ใจดวงนี้มีการเกี่ยวข้อง ถือเรื่องผิดของตนเป็นลำดับ อวิชชาดวงเดียวนี้ ก่อเหตุร้ายป้ายสีไปทั่วโลกธาตุให้แปรสภาพคือธาตุล้วนของเดิม คือ อริยสัจไปต่าง ๆ ตามแต่อวิชชาจะตบแต่ง พระอรหันต์ชนะด้วยปัญญาเห็นชอบ เห็นตรงตามอริยสัจ
* อวิชชากับจิตกลมเกลียวกัน ทำบาปกรรมต่าง ๆ ในภพน้อยใหญ่ เที่ยวเร่ร่อนในไตรภพไม่รู้จักจบ
* นักปฏิบัติอย่างหลงกิเลสอย่างละเอียด ให้ใช้ปัญญาอริยสัจให้มาก ๆ ประกอบความเท็จจริง อริยสัจ ไตรลักษณ์เป็นขอบเขต ล้างกิเลสทั้งหลายให้พินาศไป เมื่อเห็นความไม่เที่ยงแล้ว จะเห็นความเที่ยงของจิตกลั่นมาจากความไม่เที่ยง ทุกข อนิจจ อนตตา นักปฏิบัติต้องทำใจให้เข้มแข็งต่อการทรมานจิตของตน ไม่ให้กระทบกระเทือน อัตตกิลมถานุโยค กามสุขัลลิกานุโยค ให้ไปโดยสายกลาง
* ให้ใช้ปัญญาเร่งความเพียรไม่หยุดยั้ง ขอให้ประกอบด้วยไตรลักษณ์ กิเลสมันจะเกิดขึ้น ณ ที่ไหน กิเลสก็ อยู่ ณ ที่ใจ ปัญญาก็อยู่ ณ ที่ใจ ไตรลักษณ์เป็นธรรมอุกฤษฏ์ ชำระกิเลสออกจากจิต ได้เดินมรรคพอแล้ว มันแก้เอง
หลวงปู่หลุย จันทสโร
. ระวังนะ พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้ปกติให้มาก ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา
แม้เขาจะทำกับเรา ว่าเรา.. ก็เป็นเรื่องของเขา อย่าเอามาเป็นอารมณ์ ขอย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา ดูใจเรานั้นแหละ พัฒนาตัวเองนั้นแหละ
ทำใจเราให้ปกติ สบาย ๆ มาก หัด-ฝึก ปล่อยวาง นั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา
คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข.. โอวาทธรรม หลวงปู่ชา สุภัทโท..
จิตเป็นสมบัติอันลํ้าค่า ถ้าความเพียรย่อหย่อน ความฉลาดไม่พอ จิตจำต้องหลุดมือ ตกไปอยู่ในอำนาจฝ่ายตํ่า คือกิเลส และพาให้เป็นวัฏจักรหมุนเพื่อความทุกข์ ร้อนรนไปตลอดอนันตกาล ถ้าเราสามารถ ด้วยความเพียร และความฉลาดหลักแหลม จิตจำต้องตกในเงื้อมมือและสมบัติ อันลํ้าค่าของเราแต่ผู้เดียว
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
พ่อแม่ครูบาอาจารย์ของพวกเราที่หลวงพ่อได้เข้าไปใกล้เข้าไปสัมผัส ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีจิตใจเป็นกุศล มีแต่ช่วยร่วมสงเคราะห์อนุเคราะห์ลูกหลานประเทศชาติบ้านเมืองทั้งนั้น ขอให้พวกเราทุก ๆ ท่านเน้อ เดินตามแนวแถวพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของพวกเรา ให้สั่งสมบุญกุศลเอาไว้ ตายแล้วไม่สูญนะตายแล้วเกิดอีก นรกสวรรค์มี บาปบุญคุณโทษมี ถ้าไม่เชื่อก็ให้ฟังเอาไว้ แล้วก็ให้ปฏิบัติ
ถ้าปฏิบัติแล้วจะเชื่อเองนะ ถ้าหากว่าไม่ปฏิบัติแล้วไปลบหลู่ดูหมิ่นดูแคลนนั้นไม่ถูกนะ ให้ลูกหลานนั่งภาวนาอย่างที่หลวงพ่อพูด เอาสิ เออ ถ้าข้าไม่เชื่อ นั่งภาวนา ท่านก็ให้กำหนดลมหายใจเข้าหายใจออก พุทโธ พุทโธ พุทโธ ไม่ให้มันเผลอไปที่อื่นนะ เอาสัก 3 วัน 3 คืนดูสิ ตายเป็นตาย หลวงพ่อมั่นใจเหลือเกินนะ เมื่อจิตใจรวมสงบนิ่งลงไปแล้ว เราจะรู้ได้ตัวเอง โอ้ใช่ ครูบาอาจารย์ท่านภาวนาเป็นอย่างนี้เองนะ พอจิตใจรวมเข้าไปแล้ว ใจเป็นอันหนึ่ง กายเป็นอันหนึ่ง มันเป็นคนละอันกันจริง ๆ ตัวผู้รู้คือใจตัวนี้แหละจะพาไปเกิดในภพภูมิต่าง ๆ แต่ร่างกายของเรานี่ตายแน่นอน ไม่เป็นอย่างอื่น ตายสลายลงสู่ดิน น้ำ ลม ไฟ จากนั้นใจดวงนี้ก็ไปหาเกิดใหม่อีก เข้าไปยึดในปฏิสนธิเข้าไปเกิดอีก จากท้องของแม่อีก
แต่ถ้าใครทำบุญก็ไปเลือกเกิดได้นะ ไปเลือกเกิดได้เป็นลูกเศรษฐี หรือไปเลือกเกิดได้เป็นลูกใคร เลือกเกิดได้ทั้งนั้นล่ะ แต่ถ้าไม่มีบุญนะมันเลือกเกิดไม่ได้ ก็ไปเกิดเป็นหมู หมา กา ไก่ เป็นสัตว์เดรัจฉานไปได้ทั้งนั้นอีกเหมือนกัน เพราะเหตุไร เพราะว่าใจดวงนี้มันไปหาเกิดในภพภูมิต่าง ๆ ได้
เพราะฉะนั้น ขอให้พวกเราได้เกิดมาได้พบพระพุทธศาสนา ได้พบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนะ ให้ประกอบคุณงามความดี นั่นนะบุญกุศลจะพาพวกเราไปสู่ความสุขความเจริญ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา “เกิดในประเทศดีเพราะมีบุญ” แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙
|