พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เสาร์ 23 มี.ค. 2024 10:02 am
“ กลัว ”
…ความกลัวไม่ได้อยู่ข้างนอก
แต่อยู่ข้างในใจเรา
เกิดจากจิตไปคิดปรุงแต่งขึ้นมา
มีอุปาทาน กลัวตายนั่นเอง
.กลัวจะเจอกับสิ่งที่ไม่ปรารถนา
ถ้าจิตไม่มีโอกาสได้คิดก็จะไม่กลัว
อย่างตอนนี้ไม่กลัวใช่ไหม
เพราะไม่ได้คิด แต่พอไปคิดปั๊บ ก็จะกลัว
.ตอนนี้นั่งอยู่ที่นี่กันเยอะๆไม่มีใครกลัว
แต่เย็นนี้ถ้านั่งอยู่คนเดียว ก็จะกลัว
ที่ก็ที่เดียวกัน ไม่มีอะไรแตกต่างกัน
ความกลัวอยู่ในใจ
.ถ้าอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งคืนก็ไม่กลัว
แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็จะกลัว
เวลากลัว..อย่าส่งจิตไปคิดถึงสิ่งที่กลัว .
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๖ กัณฑ์ที่ ๒๕๒
วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๙
โยม : กรณีที่ #ห่างไกลครูบาอาจารย์ เราควรมีวิธีสำรวจตนเองอย่างไรว่าเราเข้าใกล้หรือออกห่างจากเป้าหมายการปฏิบัติครับ
พระอาจารย์ตั๋น : ดูว่าศีลของเรามั่นคงไหม ศีล ๕ นะ ถ้าศีล ๕ ไม่ค่อยมั่งคง จิตใจเราไม่มีความเข้มแข็ง บางทีเราประพฤติผิดศีลหรือว่าตั้งใจที่จะทำผิดศีลเนี่ย จิตใจเราอ่อนแล้ว แต่ถ้าเรามีความมั่นคง ศีล ๕ ให้เป็นปกติ มีความมั่นคงเป็นฐาน ทีนี้ต้องดูสมาธิ เราทำสติสมาธิจิตใจเราสงบเพียงพอไหม บางทีถ้าอยู่ไกลครูบาอาจารย์เราขี้เกียจทำสมาธิ สติก็ไม่ตั้งมั่น เราก็สังเกตเห็น แล้วใจของเราเนี่ย ที่เราอยู่ไกลครูบาอาจารย์ เราทำสมาธิภาวนาเนี่ย กิเลสมันบรรเทาเบาบางลงไปไหม หรือเรามีความโลภความโกรธความพอใจความไม่พอใจความทุกข์นั้นมาก ถ้ามากแสดงว่าเราดำเนินปฏิปทาในทางที่ออกนอกทางไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปในทางดำเนินไปเพื่อละกิเลส เราต้องปรับจิตให้ได้ หาความพอดีให้ได้ว่า ทำอย่างไรทำให้ความทุกข์บรรเทาเบาบางลงจากจิตใจของเรา
#พระราชพัชรมานิต
(พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตฺโต)
"..อย่าพึงเข้าใจว่าศาสนาเป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า และเป็นสมบัติของพระสาวกองค์หนึ่งองค์ใด แต่เป็นสมบัติของผู้รักใคร่สนใจปฏิบัติทุกๆ คน ที่มุ่งประโยชน์จากศาสนา พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลายท่าน ไม่ทรงมีส่วนอะไรกับศาสนาที่ประทานไว้สำหรับโลกเลย อย่าไปเข้าใจว่าพระองค์และสาวกทั้งหลาย จะพลอยมีส่วนดีและมัวหมองไปด้วย จะปฏิบัติผิดหรือถูกประการใดก็เป็นเรื่องของเราเป็นรายๆ ไป มิได้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลาย.."
พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
"..บุคคลผู้มีสติปัญญาดี เมื่อได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังพระสัจธรรมอันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เขาย่อมเป็นผู้มีจิตแสนฉลาด รู้ความหมายมีศรัทธาเลื่อมใส เข้าใจในอรรถในธรรม เขาทำแต่กรรมดี ละกายทุจริต ดังจิตเจตนา เว้นห่างจากบาป เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมยเอาข้าวของของผู้อื่น ไม่ประพฤติผิดมิจฉาทางกาม ไม่พูดความเท็จ พูดแต่ความจริง ไม่พูดส่อเสียดให้เกิดความทะเลาะแตกความสามัคคีต่อกันไม่พูดคำหยาบ ไม่แสลงหู ทำให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจดี ไม่มีภัยในคำพูด พูดมั่นคงมีหลักฐาน ไม่เป็นคำเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้ประโยชน์ เป็นวาจาสะอาด นักปราชญ์นิยมชมชอบ.."
ภูริทตฺตวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
"..พระอรหันต์ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากไหน ก็มาจากหัวใจของปุถุชน มาจาก ราคะ โทสะ โมหะ ถ้าหากใจปุถุชนนั้นพยายามบากบั่นฝึกปรือตนให้เดินตามมรรคาสัมมาปฏิบัติ พระอรหันต์ก็มาจากที่นั่น กลั่นกรองมาจากที่นั่น เหมือนดอกบัวมาจากขี้ตม ขี้โคลนเน่า ๆ เหม็น ๆ แต่พอพ้นน้ำ รับแสงอาทิตย์แย้มบานเต็มที่ มีสง่าราศี ใครก็อยากได้อยากชม.."
โอวาทธรรมโดย
พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.