“ถ้าคิดได้ ให้ช่วยคิด ถ้าคิดไม่ได้ ให้ช่วยทำ ถ้าทำไม่ได้ ให้ความร่วมมือ ถ้าร่วมมือไม่ได้ ให้กำลังใจ แม้ให้กำลังใจไม่ได้ ให้สงบนิ่ง”
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ
"ถ้าเรารู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมา ดูให้ดีเถอะว่า ได้ไปยึดอะไรเข้าให้แล้ว"
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เวลาทำบุญ..จะไปอธิษฐานเอาอะไรนี่ ปรารถนาให้ตนเกิดมา..สวย เกิดมา..รวย เมื่อเกิดมามันก็..ทุกข์ ยังอยากมาเกิดอีก เกิดมานับเป็นล้านๆชาติ ยังจะเกิดมาทุกข์อีก นับครั้งไม่ได้ ถ้ายังจะมาปรารถนาความสวยความรวย พระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า ท่านให้ปรารถนาหวังให้พ้นทุกข์ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก นี่เรายังไม่เข็ดหลาบ ยังอยากเข้ากองไฟอีก เหมือนแมงเม่ามันเห็นเพื่อนบินเข้ากองไฟ มันยังจะบินตามเขาเข้ากองไฟอีก
พระราชมงคลวชิรธรรม วิ. (#หลวงปู่บุญมา_คัมภีรธัมโม) วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
. ไปไหนไม่เท่ากับอยู่วัด อยู่วัดไหนก็ ไม่เท่าอยู่วัดตัวเอง คนมีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ จะได้ไม่นิ่งนอนใจในชีวิต
โอวาทธรรมหลวงปู่ขาน ฐานวโร วัดป่าบ้านเหล่า จ. เชียงราย
หากท่านรักสุขเกลียดทุกข์ ก็จงอย่าประพฤติทุจริต ไม่ว่าด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ระมัดระวังโตจะของเด้อ กฏแห่งกรรมนี่มันแฮงอิหลีเด้ ไผเฮ็ดอิหยังไว้ สิดีหึชั่ว กะหนีกฏแห่งกรรมบ่ได่เด้อ ย้อนว่ากฏแห่งกรรมนี่มัน เป็นธรรมมันยุติธรรมกับทุกชีวิต บ่มีไผหลีกเว้นได้ดอก มันคอยเวลามันอยู่ อย่าประมาทเนาะลูกหลานเอ้ย
แปลว่า..ระมัดระวังตัวเองนะ กฏแห่งกรรมนี้มันแรงจริงๆนะ ใครทำอะไรไว้ จะดีหรือชั่ว ก็หนีกฎแห่งกรรมไม่ได้นะ เพราะว่ากฏแห่งกรรมนี้มันยุติธรรมกับทุกชีวิต ไม่มีใครหลีกเว้นได้หรอก มันคอยเวลาของมันอยู่ อย่าประมาทกันนะลูกหลานเอ้ย
โอวาทธรรม องค์หลวงปู่จื่อ พนฺธมุตโต วัดเขาตาเงาะอุดมพร บ.หัวหนอง ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ
“…เราควรกำหนดใจทำใจให้เป็นธรรมและให้เป็นภาชนะที่สะอาด คอยรับธรรมะที่สะอาดนำไปปฏิบัติการต่อไป พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะที่สะอาดและบริสุทธิ์ เราจงพยายามชำระจิตใจของเราให้สะอาดและบริสุทธิ์ เพื่อจะได้รองรับธรรมะที่บริสุทธิ์ เราก็จะได้เข้าใจได้ถูกต้อง จะได้รับรสพระสัทธรรมตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราผู้สนใจธรรมะ เราควรกำหนดจิตมารวมกันอยู่ที่ใจ เพราะเมื่อรู้จักชื่อสิ่งใดแล้ว ธรรมะเหล่านั้นมันอยู่ที่ใจทั้งนั้น เพียงแต่เราได้ยินชื่อแล้ว ก็ดูธรรมะอยู่ที่ใจของเรา เราก็จะได้เข้าใจธรรมะเหล่านั้นอย่างถูกต้อง…”
หลวงปู่มหาเนียม สุวโจ วัดเจริญสมณกิจ (วัดหลังศาล) อ.เมือง จ.ภูเก็ต
เวลาที่จิตมันคึกคะนองไม่กลัวอะไรนี้ พอระลึกถึงความตาย ความอวดเก่งความอวดดีหายหมดเลย พอคิดถึงความตาย มันจะลดอัตตาตัวตน จะลดความบ้าระห่ำลงได้เยอะ.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวราราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
"...คำว่า สภาวธรรม นี่หมายถึงกายกับใจของเรานี่เอง กายก็คือรูปธรรม จิตใจเรียกว่านามธรรม หน้าที่ของเรา คือคอยรู้กายเนืองๆ คอยรู้เวทนาเนืองๆ คอยรู้จิตใจตัว เองเนืองๆ รู้บ่อยๆ ที่เราทำสติปัฏฐาน ๔ กายนุปัสสนา รู้กายเนืองๆ เวทนานุปัสสนา รู้เวทนาเนืองๆ จิตตา นุปัสสนา รู้จิตเนืองๆ ธัมมานุปัสสนา รู้ธรรมเนืองๆ รู้เพื่ออะไร ไม่ใช่รู้เพื่อให้ดีนะ ไม่ใช่รู้เพื่อให้สุข ไม่ใช่รู้ เพื่อให้สงบ แต่รู้เพื่อให้จิตมันรู้จักสภาวะ รู้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งจิตมันจำสภาวะได้ พอจิตจำสภาวะอันใด ได้แล้ว หากสภาวะอันนั้นเกิดขึ้น สติจะเกิดเองโดย อัตโนมัติ..."
#โอวาทธรรม หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๙ ...................................................................
ให้ภาวนา พุทโธ ทำจิตใจให้สงบ ไม่วุ่นวายกับ อารมณ์ภายนอก ทำใจให้สบายๆ ไม่ยอกย้อนถอนตัวตน ไม่ลุ่มหลง ไม่ห่วงใย ตัดขาดจากทุกสิ่งแม้ชีวิตของตัวตน ไม่มีทั้งสิ้น
__หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต__
#สมถะเป็นบาทของวิปัสสนา
"...เมื่อจิตเราสงบภายในแล้ว อุปมาเหมือนน้ำสงบ" น้ำสงบมันก็ใส ใสแล้วก็มองเห็นเหตุ มองเห็นผล มองเห็นบุญกุศล มองเห็นสุข มองเห็นทุกข์ มองเห็นดี มองเห็นชั่ว
มันสงบแล้ว อันนี้จิตของเราสงบแล้ว พอมันจะออกข้างซ้าย หรือจะออกข้างขวา ข้างหน้าข้างหลัง ข้างบน ข้างล่าง เราก็รู้ จึงว่ามันตั้ง นี่ เพ่งเล็งตั้งสติอยู่ตรงนี้ นี่หละให้พึงรู้ พึงเข้าใจ
อันนี้เมื่อจิตของเราเห็นแล้วอย่างนี้ เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังขารทั้งหลายและมันจะได้เกิด ปัญญา ความรอบรู้ในกองสังขาร ใครเป็นผู้ปรุง ใครเป็นผู้แต่ง ไม่ใช่อันอื่นปรุงแต่ง กายสังขาร จิตสังขาร นี่หละ ปรุงแต่งขึ้นจากจิตของเรา นี่หละมันจึงได้เกิดเป็น วิปัสสนา ขั้นต่อไปของสมถะ
เดี๋ยวนี้คนทั้งหลายว่าพูดถึงวิปัสสนา ๆ ได้ แต่ว่าไม่รู้จักว่า วิปัสสนามันเป็นยังไง นี่ สมถะเป็นบาทของวิปัสสนาคือ เมื่อจิตสงบแล้ว มาเห็นที่เกิดแห่งสังขาร แล้วก็เห็นที่ดับแห่งสังขารนี่หละ มันเป็นยังงี้ ให้พากันรู้ เดี๋ยวนี้เราไม่รู้ว่าอะไรมันเกิดจากไหน ไม่รู้จักที่เกิดและไม่รู้จักที่ดับ มันจะเป็นวิปัสสนาได้ยังไงล่ะ
วิปัสสนา คือ เมื่อจิตเราสงบแล้ว ก็เห็นที่เกิดแห่งสังขาร โอ เกิดจากจิตของเรา เราก็ดับสังขารที่จิตของเรา ก็ดับได้เพราะเหตุใด เราเห็นโทษแห่งสังขาร เห็นภัยแห่งสังขารทั้งหลาย เห็นทุกข์แห่งสังขารทั้งหลาย นี่มันจะดับได้ก็ตรงนี้
เมื่อเป็นทุกข์เห็นโทษแล้วมันก็ตัด จึงเรียกว่าเป็นวิปัสสนา ความรู้แจ้งเห็นจริง คือเห็นสัจจธรรม..."
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
เราเกิดมาจนเรามีสังขารมีอายุได้ทุกวันนี้เพราะบุญรักษาทั้งนั้น เมื่อบุญรักษา..อย่าลืมว่าคำว่าบุญนี้มันเกี่ยวข้องกับอะไรได้บ้าง กายสังขารก็มีธาตุมีเลือดเนื้อของจิตวิญญาณบิดามารดา ปู่ย่าตายาย..ล่วงไปเป็นเทวดาบ้างแล้วก็มี ล่วงไปเป็นเทพแล้วก็มี ล่วงเป็นพรหมบ้างแล้วก็มี แต่ภูมิเหล่านี้แล้วเมื่อเค้ายังมีความผูกพันกับเราอยู่ เค้าต้องอาศัยบุญกุศลทั้งนั้น..
ดังนั้นเมื่อคราใดเมื่อเราจะทำความดี ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ที่เราจะเข้าถึงในกระแสพระรัตนตรัย..มันมีอานิสงส์มาก อานิสงส์ว่าอะไร..แม้ทำบุญให้ทานกับพระพุทธเจ้า ๑ ครั้ง แต่การที่เราน้อมจิตเข้าสู่ในกระแสพระรัตนตรัยได้ จนจิตตั้งมั่นเข้าถึงศีล สมาธิ ปัญญาในหัวใจแห่งมรรคได้..มีอานิสงส์มากกว่าขนาดนั้น
ถ้าอย่างนั้นแล้วเค้าจึงบอกว่าในขณะที่เราทำจิตให้ตั้งมั่น มีความประภัสสร มีปิติ มีความยินดี มีความผ่องใสของจิตในบุญ มีความปรารถนาจะอธิษฐานบุญกุศลนี้ให้กับสรรพสัตว์ดวงจิตวิญญาณเหล่าใด..มันจึงไม่มีประมาณในบุญกุศลนั้น แม้ว่าบุญกุศลที่เราแผ่ออกไปเปรียบเหมือนเมล็ดโพธิ์ เมล็ดถั่ว แต่ว่าผลมันให้เท่ากับต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง..
นั่นหมายถึงว่า..เมื่อถึงมันจะให้ผลแล้ว ผลของกรรมมันให้แล้ว มันจะให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขนั่นเอง นั้นขณะที่เราทำเหตุอยู่นั้นเรายังไม่เห็นผลมันเราจึงมองว่าเป็นเหตุเล็กน้อย แต่เมื่อมันให้ผลแล้วมันใหญ่เท่าต้นของเมล็ดพืชพรรณนั้นนั่นเอง ดังนั้นอย่าได้ดูถูกดูแคลนในการเจริญเมตตาจิตแผ่เมตตา เพราะอานิสงส์การแผ่เมตตาอยู่เป็นประจำแล้วย่อมทำให้เข้าถึงสมาธิ เข้าถึงฌาน เข้าถึงปัญญาได้ง่ายนั่นเอง
ดังนั้นแล้วเมื่อเราจะเจริญภาวนาเจริญกรรมฐาน ให้เราตั้งจิตอธิษฐาน เพราะอะไร..เพราะจิตเราที่ตั้งมั่นในการทำความดีแล้ว ในความดีนั้นชื่อว่าเป็นบุญกุศลแล้ว เมื่อเรามีความปรารถนาจะแผ่เมตตาจิต เพื่ออะไร..เพื่อให้ทุกดวงจิตดวงวิญญาณ ที่เค้ามีบุพกรรมมีวาสนา ที่เค้าจะพลอยได้รับบุญกุศลตามกำลังแรงบุญที่เค้ารับได้นั้น ในบารมีนั้นได้ เพื่อเรียกว่าเป็นธรรมทาน
เช่นว่าเราได้บูชาเทวดานั้นด้วยธรรมทานแล้ว..อย่างนี้ แล้วสถานที่แห่งใดอันเป็นทิพย์ ที่เราสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิต เจริญตบะบารมีอยู่ มันเป็นสถานที่อันเป็นทิพย์ มีเทพเทวดาเค้ามาสถิต..เพื่ออะไร ก็เพื่อรอโมทนากับผู้ที่มีบุญกุศล ผู้มีจิตที่ฝักใฝ่อยู่ในบุญกุศล ที่มีจิตที่จะเข้าถึงในกระแสพระรัตนตรัย เพราะอะไร..มันเป็นอานิสงส์ผลบุญใหญ่นั่นเอง
เพราะว่าเมื่อเค้าโมทนาแล้วเค้าได้เลื่อนภพเลื่อนภูมิ ได้แสงสว่างแห่งบุญ มีความผ่องใส เมื่อมีความผ่องใสแล้วก็ทำให้อายุเค้ายืนยาวนาน ในการเสวยทิพย์สมบัติในเทวโลกพรหมโลกได้ อย่างนี้..
นั้นเราเป็นมนุษย์เรามีโอกาสมาก แต่เทพเทวดาในการจะสร้างบุญกุศล..มีโอกาสสร้าง แต่ว่ากำลังที่จะได้มันน้อย เพราะเค้าไม่มีกายหยาบ เพราะเมื่อไม่มีกายหยาบเค้าก็จะมีแต่ความสุขแต่ถ่ายเดียว เมื่อมีความสุขแต่ถ่ายเดียวจึงไม่สามารถมีอะไรเป็นข้อเปรียบเทียบได้..
แต่มนุษย์นั้นมันเห็นทุกข์แล้วแล้วมันละทุกข์ได้ จนเข้าถึงความสุข นี่แลบารมีมันจึงแตกต่างกัน นั้นคนที่ทำบารมีแม้ว่าจะบรรลุธรรมเหมือนกัน เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แต่บารมีที่แตกต่างกันเพราะอะไร บางคนบำเพ็ญมายาวนาน แต่บางคนบำเพ็ญไม่นานก็บรรลุธรรม ถามว่าบุคคลที่ทำบำเพ็ญยาวนานนี้ โยมว่าเค้าจะเห็นความสำคัญมั้ย มีความลำบากมากกว่ามั้ย นี่จึงบอกว่าบารมีจึงแตกต่างกันก็ตรงนี้..
เอาง่ายๆว่าบางคนบุคคลมีโอกาสได้มาปฏิบัติธรรม ก็เห็นว่าเป็นของธรรมดา แต่บางคนต้องขวนขวาย ต้องเสียสละ การเดินทางทั้งหลายย่อมมีอุปสรรค กว่าจะได้มาประพฤติปฏิบัติมาภาวนา หรือจะได้มาพบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ฉันจึงบอกว่านั่นแล..เหตุแห่งเส้นทางคือทางเดิน แต่ได้มาปฏิบัติเหมือนกัน แต่เหตุที่มานี้ต่างกัน มีความยากลำบากไม่เหมือนกัน เหตุนี้จึงบอกได้ว่าบุคคลที่ยากลำบากกว่าจึงมีบารมีมากกว่า เค้าจะเห็นความสำคัญในการได้มาประพฤติปฏิบัติ หรือได้มาสดับฟังธรรม มาพบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ อย่างนี้..
เหมือนบุคคลที่ได้เงินมาโดยง่ายกับบุคคลที่ได้เงินมาโดยยาก ใครจะเห็นค่าความสำคัญของเงินมากกว่ากัน นั้นโยมลองพิจารณาเรื่องธรรมเหมือนกัน..
มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต บ้านโปร่งวิเชียร อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
|