นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 18 เม.ย. 2025 9:39 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: อารมณ์กรรมฐาน
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 12 พ.ค. 2024 8:19 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4893
ถาม : หนูอยากทราบว่าเวลาเพื่อนของเรา
เสียใจและรู้สึกแย่ เราควรปลอบ ให้กำลังใจอย่างไรเจ้าค่ะ

พระอาจารย์ชยสาโร ตอบ : มันแล้วแต่ แต่ละคนนะ
ก็แล้วแต่ว่าเขาแย่ เขาเสียใจเรื่องอะไร
แล้วนิสัยใจคอเขา บางคนไม่รักเขาเสียใจ
ก็อยากอยู่คนเดียวไม่อยากพูดกับใคร

แต่อย่างน้อยให้เราก็ให้เขารู้ว่า
เราพยายามเป็นเพื่อนมีอะไร
ยินดีนั่งฟังเขาอยากระบาย
เราก็ยินดีนั่งฟัง

ถ้าเขาต้องการคำแนะนำ
เราก็แนะนำไปแต่บางทีแค่ฟัง
แค่ให้เวลาไม่ต้องไปตักเตือน
ไม่ต้องไปให้ข้อคิดอะไรมาก
แค่อยู่เป็นเพื่อน มันก็ช่วยได้เยอะ

แต่ในเรื่องเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่
เราควรจะเรียนรู้ใช่ไหมว่า
เรียนรู้นิสัยใจคอคนรอบข้าง
เวลาเขาทุกข์เขาสไตล์ของเขา
เป็นยังไงอะไรที่จะช่วยเขาได้

แต่ละคนไม่เหมือนกัน
ในการฝึกตนว่าเวลาคนเป็นทุกข์
เราก็จะมีสติพอจะรู้ว่าเวลาไหน
ควรจะพูด เวลาไหนควรจะฟัง
เวลาไหนควรจะให้ข้อคิด
เวลานายควรจะปลอบใจ
เวลาไหนก็แค่อยู่อย่างมีเมตตา
มันก็ไม่มีตำราจะบอกในรายละเอียด
มันอยู่ที่เรามีสติว่าหลักก็คืออยากช่วยเขา
แต่ในลักษณะการช่วยกันแล้วแต่
….

#ไขปัญหาธรรม
#พระธรรมพัชรญาณมุนี
#พระอาจารย์ชยสาโร







"..ในโลกนี้ไม่มีอะไรสวย ไม่มีอะไรดี มีแต่ความเสื่อมไป ตัวเราก็เสื่อมไป กลับสู่ดินน้ำลมไฟ ทับถมไม่มีที่สิ้นสุด อย่ามัวแต่ยึดสิ่งจอมปลอม แต่สิ่งที่มาหลอกเราอยู่เลย ตัวของเรา มิตรของเรา ศัตรูของเรา ต่างก็แตกสลายดับไปทุกผู้ทุกนาม แล้วเราจะไปยึดเอาอะไร.."

#พระอริยแห่งป่าเขาลำเนาไพร
หลวงปู่สังวาลย์ ธมฺมสาโร อายุ ๙๔ ปี





" ช่างมันเถอะ คนเราดีไม่ดี เทวดาฟ้าดินท่านรับรู้อยู่ ตาเทวดานั้นมีมากมายอย่างกับตาข่าย สูงเลยหัวเราไปเทวดาฟ้าดินท่านเห็นทั้งนั้น ให้ตั้งใจทำดีเอาไว้… "

" คนเราเกิดมาแล้ว นั้นควรจะรีบเก่งตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ เพราะมันจะช่วยเหลือคนได้มาก ไปเก่งเอาตอนแก่ๆ มันจะไปช่วยอะไรใครได้ ฝึกฝนให้มากๆ คนเราไม่ต้องไปตามจับผิดใครหรอก ดูตัวเองให้มากเท่านั้นพอ "
.
--- คำสอน หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
วัดเพชรบุรี อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์







#ที่พึ่งของใจ

... " ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ใช้สอยก็ได้รับความสุขเฉพาะทางกายเท่านั้น จะเสื้อผ้าผ้าผ่อนท่อนสไบ จะที่อยู่ที่อาศัย หยูกยาคิลานเภสัช ใดๆก็ช่าง เพียงแต่ว่าได้บำบัดร่างกาย แต่ศีลธรรมนั้นบำบัดจิตใจ

... ร่างกายนั้น จะบำบัดเขาดีขนาดไหนเพียงไรก็ช่าง ร่างกายอันนี้เขาก็เสื่อมไปสิ้นไป จะบำบัดเขาดีขนาดไหนเพียงใดก็ช่าง ร่างกายอันนี้เขามีแต่จะเดินทางไปหาเป้าหมายคือความตาย จุดหมายคือ ความตาย

... จึงว่าวัตถุใด ที่โลกสมมุติว่ามีค่าภายนอก บำบัดเยียวยาเฉพาะร่างกาย ที่เกิดมาเท่านั้น ส่วนจิตใจนั้นต้องอาศัยศีลธรรมเป็นธรรมเครื่องอบรม จะต้องอาศัยศีลธรรม ใจของเราถึงจะมีความร่มเย็นเป็นสุขได้

... ศีลธรรมจึงมีความสำคัญ ศีลธรรมจึงมีประโยชน์มากกว่าวัตถุใดๆภายนอก ให้พากันมีความสนใจ สร้างศีลธรรมให้เกิดให้มีเป็นสมบัติของเราเสีย เพราะในโลกอันนี้ เราเกิดมาไม่มีโอกาสที่จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ หมดลมหายใจเมื่อไหร่ เราก็ต้องไปจากโลกอันนี้

... ในระหว่างชีวิตของเราที่มีอยู่นี้ ก็ให้รีบแสวงหาธรรมเป็นที่พึ่งของใจ แสวงหาธรรมให้เป็นสมบัติของใจของเราให้พอ ให้อิ่ม ให้สมบูรณ์ บริบูรณ์เสีย "
______________________________________________
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร ( หลวงปู่แบน ธนากโร )
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร






. หลวงพ่อชาสอนว่าความสบายมี 2 อย่าง คือ ความสบายที่เป็นไปเพื่อความสบาย และ ความสบายที่เป็นไปเพื่อความไม่สบาย

บางทีเราต้องผ่านความไม่สบายก่อนเราจึงได้ความสบายที่มีคุณค่า เพราะความสบายบางอย่างถึงแม้ว่าจะให้ความสุขในปัจจุบันแต่ก็เกิดความไม่สบายในอนาคต

เรื่องการทำลายสิ่งแวดล้อมก็เป็นตัวอย่างที่ดี เราอาจจะทำลายธรรมชาติเพื่อความสุขความสบายอยู่ในขณะปัจจุบัน

หรืออาจจะทำเพื่อลูกเพื่อหลานของเราได้ โดยลืมเสียว่าลูกของเราหลานของเราก็จะมีลูกมีหลานเหมือนกัน

การสงเคราะห์ลูกหลานของเราอาจเป็นการเบียดเบียนลูกของลูกๆ ที่ยังไม่ได้เกิด....

คำสอนพระอาจารย์ ชยสาโร
บ้านไรทอสี จ.นครราชสีมา






กุ้งมึงก็กิน ปลามึงก็กิน เป็ดมึงก็กิน น้ำพริก น้ำแกง น้ำอ้อยน้ำตาลกินทุกอย่าง ไอ้ห่า‼️ มึงนั่งสมาธิให้กูไม่ได้หรือ มันต้องเอาอย่างนั้นซิ นี่‼️

หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท







..เมื่อเราได้ทำคุณงามความดีก็ถือว่าชีวิตของเรานี้เป็นชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองไม่เสียประโยชน์ เป็นบุคคลที่ไม่ประมาทในชีวิต พระพุทธเจ้าท่านสอนเอาไว้ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่เล็กจนใหญ่จนโตจนถึงเฒ่าถึงแก่ แต่ไม่ได้ทำคุณงามความดีเอาไว้ก็เรียกว่าชีวิตนั้นขาดทุน ไม่ได้ทำคุณงามความดีเพิ่มพูนบุญบารมีของตน ชีวิตก็ขาดทุนไปเพราะไม่ได้ทำบุญเพิ่มอีก ถ้าบุคคลได้ทำคุณงามความดีไว้ตามกำลังความสามารถของตนเอง ทำบุญทำทานการกุศลก็ดี รักษาศีลก็ดีเจริญภาวนาก็ดี มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายด้วยกัน ถ้าได้ทำคุณงามความดีเอาไว้อย่างนี้ แม้ยังมีอายุไม่ถึง 50 , 60 , 70 หรือ 80 ปี ก็แล้วแต่ แต่ชีวิตของเราที่ได้ทำคุณงามความดีก็ถือว่ามีกำไรมากที่สุด..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่









การปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหน

ในเมื่อกายยาว ๑ วา หนา ๑ คืบ นี้แลเป็นตัวธรรม เป็นตัวโลก

เป็นที่เกิดแห่งธรรม เป็นที่ดับแห่งธรรม

เป็นที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้อาศัยบัญญัติไว้ซึ่งธรรมทั้งปวง

แม้ใครใคร่จะปฏิบัติธรรม

ก็ต้องปฏิบัติที่กายและใจนี้ หาได้ปฏิบัติที่อื่นไม่..

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล







"...คำว่าจิตบริสุทธิ์เต็มที่นี้เป็นธรรมทั้งดวงไปแล้ว
นะ หมายถึงว่าธรรมทั้งดวงกับจิตทั้งดวงเป็นอัน
เดียวกันแล้ว นั่นเรียกว่าจิตกับธรรมเป็นอันเดียวกัน
ถึงจุดนี้แล้วขาดสะบั้นหมด เรื่องสมมุติทั้งมวลนี้
ไม่มีอะไรมาเกี่ยวข้อง เป็นอฐานะ คือให้เป็นไป
อย่างไรอีกไม่ได้แล้ว จะบังคับให้ติดก็ไม่ติดเมื่อถึง
ขั้นของมันแล้ว เมื่อยังไม่ถึงขั้นบังคับให้ถอนมันก็
ไม่ยอมถอน มันยึดมั่นถือมั่นของมัน พอถึงขั้นของ
มันแล้วมันถอนของมันเอง เมื่อถอนเต็มส่วนแล้ว
ทีนี้จะบังคับให้ติดก็ไม่ติด เป็นหลักธรรมชาติแล้ว
เรียกว่าเป็นอฐานะ ให้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แล้ว

ทีนี้เวลาถึงขั้นนั้นแล้ว นั่นละท่านเรียกว่าขั้นอัศจรรย์
อัศจรรย์โลกสมมุติเรานี้เป็นอันหนึ่งนะ ที่ว่าอัศจรรย์
ของธรรมแท้จิตแท้ เรียกว่าจิตเป็นธรรม ธรรมเป็นจิต
เรียกว่าธรรมธาตุก็ไม่ผิด ท่านให้ชื่อว่านิพพพาน
ธรรมธาตุ จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วพระพุทธเจ้า
ทรงให้ชื่อว่านิพพาน จะแยกเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
คำว่านิพพานเป็นคำเดียวเท่านั้น อันไหนไม่เหมือน
อันไหนไม่ถูก..."

#นิพพานคือนิพพาน หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด (๒ ก.พ. ๔๒)





ดูจิตทำงานที่กลางหน้าอกอย่างไร?

เวลาเราเจริญสติ เจริญปัญญาไป พอใจเราฟุ้งซ่าน
เราต้องกลับมาทำความสงบ มาอยู่กับพุทโธ
มาอยู่กับลมหายใจอะไรอย่างนี้ ให้ใจมีแรง
พอใจมีแรงแล้วเราก็กลับมาดูการทำงานที่กลางหน้าอกนี้อีก
จะเจริญปัญญารวดไปเลย
หรือว่าดูความไหวตัวที่อกตลอดไปเลยนี้ทำไม่ได้หรอก
ใจจะต้องมีแรง ฉะนั้นทุกวันแบ่งเวลาทำในรูปแบบนะ
ให้ใจสงบอยู่กับตัวเอง แล้วก็รู้ทันเวลาใจมันหนีไปจากอารมณ์กรรมฐาน
พอเรารู้ทันได้เรื่อย ๆ พอเรามาปฏิบัติจริง
เราจะเห็นมันหมุนอยู่กลางอกนี่ไหวยิบยับๆ
ใจเราจะไม่ถลำลงไปดู เราจะดูอยู่สบายๆ
เหมือนอยู่คนละระดับนะ ดูสบายๆ ไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
13 กรกฎาคม 2562

"ดูจิต ดูความไหวที่กลางอก"

เวลาที่ [จิต] ไหวขึ้นกลางอกเนี่ย
ถ้าไหวๆ ถึงจุดนึงก็ผุดออกมาเป็นความสุขใช่มั้ย?
ไหวๆ ผุดออกมาเป็นความทุกข์
ไหวๆ แล้วผุดเป็นความดี เป็นความชั่ว
แค่เริ่มไหวก็ทุกข์แล้ว แค่เริ่มไหวก็เป็นภาระแล้ว

เนี่ยเราดู หมายรู้ลงไป ในรูปธรรม ในนามธรรมทั้งหลาย
ด้วยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
เบื้องต้นเราจะสำรวจ พามันดูอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แต่พอมันภาวนาเป็นแล้วนะ มันดูของมันเอง

เพียงแต่มีความไหวยิบยับขึ้นกลางอกนิดเดียว
สติก็รู้ทันแล้วไม่ปรุงแต่งต่อ
ความไหวยิบยับนั้นก็ดับลง
ทั้งที่ยังไม่ทราบว่านั่นเป็นความปรุงแต่งเรื่องอะไรเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
๓๖๖วันแห่งสติ

พอถึงขั้นละเอียดนี่
จะเหลือแต่ไหวยิบยับๆ
นี่หลวงพ่อพุธสอนนะ
หลวงพ่อพุธสอนหลวงพ่อไว้
การภาวนาพอถึงขั้นละเอียด
จะเหลือแต่ไหวยิบยับ
หลวงตามหาบัวก็มาลงที่เดียวกัน สอนอันเดียวกัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO