"...ทุกอย่างติดสมมุติทั้งที่จริงๆ แล้วมีแต่มืดกับแจ้ง เท่านั้น พอสมมุติแล้วก็หลงกัน พอเรารู้เท่ามหาสมมุติ มหานิยมแล้วมันก็หมดเท่านั้นล่ะ จิตใจมันก็จะสบาย ถ้าวิ่งตามสมมุติตลอดเวลาพูดไม่ถูกใจแล้วก็เอาล่ะ เอาไฟมาเผาตัวเอง มันเป็นอยู่อย่างนั้นโลกอันนี้น่ะ ครูบาอาจารย์ที่ท่านพาดำเนินมาไม่ได้ปล่อยพุทโธนะ เช่น องค์หลวงปู่ขาวน่ะ ท่านไปไหนก็พุทโธตลอด ถ้าเราไม่อยู่กับพุทโธแล้วก็จะกลายเป็นสัญญาไปหมด ครูบาอาจารย์ท่านว่าอย่างนั้น ตำราท่านว่าอย่างนี้ องค์หลวงปู่มั่นท่านก็สอนให้บริกรรมพุทโธเหมือนกัน ให้อยู่กับพุทโธ อันที่เรียนมาให้เก็บเข้าตู้เข้าหีบไว้ อย่าให้เป็นสัญญา อย่าให้เป็นอารมณ์..."
#ที่มา หนังสือ ชีวประวัติและพระธรรมเทศนา หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์
หากทำใจให้เกิดเมตตาอยู่ตลอดเวลาได้ สิเกิดสุขอยู่ตลอดเวลาได้คือกัน
โอวาทธรรม หลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท
นักภาวนาเดี๋ยวนี้มันใช้ไม่ได้นี้น่ะ มีแต่นักภาวนาขี้คุย ภาวนาได้อย่างนี้อย่างนั้น สงบอย่างนี้อย่างนั้น ได้ 2-3 ชม.มาอวดมาคุยให้เราฟัง
โอ้ย...!!! มันพูดมากไปว่ะ พอเจอเราทดสอบชี้หน้าดุใส่มึง หน้าดำปานหน้าหมีบาดหนิ กรรมฐานแตก นักภาวนาแบกโลกแบกกรรม แค่สติตัวเดียวยังเอาไม่อยู่ จิตมันออกนอกไปพวกหลอกตน นี้น่ะ...
โอวาทธรรม #หลวงปู่แผ่นทอง จาครโต
“ ใจเราไม่นิ่ง ”
…สติก็คือรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น ปัญญาก็รู้ว่าเป็นไตรลักษณ์ พอรู้ด้วยสติและปัญญาก็จะปล่อยวาง ปล่อยให้มันเป็นไป เจ็บก็เจ็บ
.เสียงเมื่อสักครู่นี้ดังมาก ดังแล้วก็ผ่านไป เป็นอนิจจัง ถ้ามีกิเลสก็จะตามเสียงไป มาจากที่ไหน ใครมาทำอะไร
.ถ้าเพียงรับรู้ว่าเป็นเสียง เกิดขึ้นแล้วดับไป ก็จบแล้ว แต่ใจของพวกเราไม่เป็นอย่างนั้น พอมีอะไรมากระทบก็จะตามไปเลย
.ดีก็ตาม ไม่ดีก็ตาม ใครชมก็ตามไป ใครด่าก็ไป ตามไปเอาเรื่อง แทนที่จะเฉย ด่าแล้วก็ผ่านไปแล้ว ชมแล้วก็ผ่านไปแล้ว ..ใจเราไม่นิ่ง
.นี่คือการเจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญอย่างนี้ ถ้าเข้าถึงจุดนี้ได้ ๗ วันก็บรรลุได้ บางทีไม่ต้อง ๗ วัน ๗ ชั่วโมงก็บรรลุได้ ฟังธรรมปั๊บบรรลุได้ทันทีเลย.
………………………………………… . พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๑๖ กัณฑ์ที่ ๓๙๑ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๑
"ร่างกายนี่มันไม่เที่ยง เราจะบำรุงอย่างไร อย่างไรมันก็ต้องทรุดโทรมอยู่นั่นแหละ ส่วนจิตใจนี่ เราบำรุงด้วยบุญ ด้วยกุศล ด้วยคุณธรรมอันดีอันงาม ย่อมมีความสุข ความสงบ เบิกบานทั้งกลางวัน และกลางคืน"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
“การพูดตรงนี้ ไม่ใช่สัมมาวาจานะ องค์ประกอบของสัมมาวาจาเนี่ย พูดความจริงใช่ไหม พูดด้วยเมตตา พูดสุภาพ พูดเหมาะกับกาลเทศะ พูดเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ อะไรอย่างนี้ มีหลายเงื่อนไข พูดตรงอย่างเดียวไม่ใช่นะ เราต้องปรับความคิดตรงนี้ซะ ไม่งั้น เดี๋ยวถือว่าเราเป็นคนตรง ลุยแหลกเลยไม่ได้นะ ทำให้คนอื่นเดือดร้อน”
พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช
“เราต้องยอมรับความจริงว่า เราไม่สามารถจะพบเจอเหตุการณ์ ที่น่าพึงพอใจได้ตลอดเวลา แม้ว่าวันนี้อาจจะไม่มีอะไรขัดใจเรา แต่พรุ่งนี้ก็อาจมี”
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
"พวกเราทั้งหลาย คิดดูให้เห็นโทษ และคุณแห่งความตายเสียให้ชัด ผู้มีปัญญาไม่ควรประมาทความตาย ให้เห็นว่าเป็นสมบัติสำหรับตัวเรา เราจะต้องตายในกาลอันสมควร ไม่ควรจะเกลียด ไม่ควรจะกลัวสังขารทั้งหลาย คือ สัตว์ที่เกิดมาในไตรภพ จะหลีกพ้นจากความตาย ไม่มีเลย
เมื่อมีความเกิดเป็นเบื้องต้นแล้ว ย่อมมีความตายเป็นเบื้องปลายทุกคน นัยหนึ่ง ให้เอาความเกิดความตาย ซึ่งมีประจำทุกวัน เป็นเครื่องหมาย เมื่อพิจารณาถึงความตาย ก็ต้องพิจารณาถึงความป่วยไข้ และความแก่ชรา เพราะเป็นเหตุเป็นผลกัน
ให้พิจารณาถึงพยาธิความป่วยไข้ว่า พยาธิ ธมฺโมมหิ พยาธิ อนตีโต เรามีความป่วยไข้เป็นธรรมดา จะข้ามล่วงพ้นไปจากความป่วยไข้หาได้ไม่ ถ้าแลพิจารณาเป็นความชราอันเป็นปัจจุบันได้ ก็ยิ่งประเสริฐ
ความระงับสังขารทั้งหลายนั้น ท่านมิได้หมายถึงความตาย ท่านหมายถึง วิปัสสนาญาณ และอาสวักขยญาณ คือปัญญารู้เท่าสังขาร รู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะ เป็นชื่อของพระนิพพาน เป็นสุดยอดแห่งความสุข"
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)
|