นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 22 เม.ย. 2025 1:36 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: คุณงามความดี
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 19 พ.ค. 2024 9:13 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4896
” สภาวธรรมภายใน “

..ส่วนอารมณ์บูด อารมณ์ดี อารมณ์ไม่ดีนี้
เป็นสภาวธรรมภายใน ถ้าใจไม่ฉลาด
ไม่มีปัญญา ก็จะขุ่นตาม
จะเกิดทุกข์ในอริยสัจขึ้นมา
เกิดสมุทัยขึ้นมา

.เหมือนกับที่เราขุ่นกับเรื่องภายนอก
ถ้ารู้ทันด้วยปัญญา ว่าเราห้ามมันไม่ได้
จัดการมันไม่ได้ มันเป็นไตรลักษณ์
เป็นอนิจจังเป็นอนัตตา เราจะไม่ทุกข์
ถ้าไปยุ่งกับมันก็จะทุกข์ขึ้นมาในใจ
ถ้าปล่อยวาง เราจะไม่ทุกข์

.เช่นตื่นขึ้นมาวันนี้รู้สึกไม่สบาย ก็พิจารณาว่า
วันนี้อารมณ์ไม่ดีแล้วนะ ให้รู้แค่นี้ก็พอ
ไม่ต้องมีปฏิกิริยาว่า ไม่เอา ไม่ชอบ
“ ให้สักแต่ว่ารู้ ” กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น

.ทั้งภายนอกและภายใน
ทั้งส่วนหยาบและส่วนละเอียด
ภายในนี้ละเอียดกว่าภายนอกมาก
ต้องเป็นสติปัญญาขั้นละเอียดถึงจะรู้ทัน.

…………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี

จุลธรรมนำใจ ๑๖ กัณฑ์ที่ ๓๙๕
วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๒





กิเลสมันมีอยู่เรื่องมี ถ้าไม่มีอะไรเสริมมันก็เหมือนกับไฟในเตาเรามีอยู่อย่างนั้นแหละ
ไม่มีอะไรเข้าไปเสริมก็ไม่ลุกลาม ไม่ไหม้บ้านไหม้เรือน
ไหม้สมบัติเงินทองข้าวของให้ฉิบหายป่นปี้ไป
ถ้ามันอยู่ในเตามีการรักษากันอยู่นะ
นี่กิเลสตัณหามันก็อยู่ในเตา คือในหัวใจของคนเราทุกคนนั่นแหละ
ให้มีศีลธรรมเป็นเครื่องรักษามันบ้างซิ

เทศน์อบรมพระและฆราวาส
ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑

“อีสานเขียว ใครกล้าพูด”

#ธรรมะ,#คติธรรม,#โอวาทธรรม,#หลวงตามหาบัว,#วัดป่าบ้านตาด







..ธรรมะสวัสดีเช้านี้..
..ชีวิตของเรายังมีอยู่ เป็นชีวิตที่มีกำไรที่สุดที่ได้ทำคุณงามความดีเอาไว้ จะได้ทำมากทำน้อยก็ได้ทำตามกำลังความศรัทธาของตน ชีวิตก็เลยเป็นมงคล ยังไงๆถ้ายังมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆเราก็ได้ทำบุญไปเรื่อยๆ จะมั่งมีศรีสุขเรื่อยๆ ชีวิตก็จะสมบูรณ์เพิ่มพูนบุญบารมีของตนให้เพิ่มขึ้น เมื่อเกิดชาติใดภพใดก็เพิ่มพูนบุญบารมีของตนให้เพิ่มขึ้น คนที่ไม่เคยทำบุญก็ทำตามกำลัง คนที่ไม่เคยรักษาศีลก็ให้รักษาศีล ถ้ามีศีลดีแล้วก็ให้เจริญเมตตาภาวนา พิจารณาถึงสังขารทั้งหลายเป็นของที่ไม่เที่ยงไม่มีอะไรที่แน่นอนเอาจริงไม่ได้ เหตุฉะนั้นสังขารทั้งหลาย อย่างคนเราเกิดขึ้นมาไม่ว่าคนทุกข์จนหรือคนรวยสูงต่ำดำขาวอย่างไร เมื่อถึงกาลสมัยแล้วก็อยู่ไปตามอำนาจของกรรม อายุขัยก็ดี เราก็ปรารถนาเอาไม่ได้ว่าจะให้อายุยืนเท่านั้นเท่านี้ แต่มันก็ร่วงโรยไปตามอำนาจของสังขาร..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่







บริจาคเงิน เป็นร้อยล้าน พันล้าน
แต่ถ้ายังทำผิดศีล ผิดธรรมอยู่
เวลาตายไป ก็จะไม่ได้กลับมา
เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นพรหม
แต่จะไปเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉาน
เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ไปตกนรก
ต่างกับคนที่รักษาศีล
แต่ไม่ได้ทำบุญเลยแม้แต่บาทเดียว
อย่างน้อยก็จะได้กลับมาเกิด
เป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นพรหม

โอวาทธรรม หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบุรี






" #การภาวนานั้นไม่ต้องสอนกันมาก
ให้ดูลงไปที่กายใจ เพราะกาย และใจจะสอนเราเอง
ของจริงนั้นไม่ต้องอาศัยตำรา
ไม่อาจเรียนจากตำรา ไม่อาจหาเอาจากสิ่งใด
แม้แต่คำจากหลวงปู่ก็สอนไม่ได้
แม้พูดไปเท่าใด ก็ไม่อาจเข้าถึงจิตถึงใจ
หากไม่มีความเพียร ขอให้ทำให้มาก
และใจเรานั่นแหละมันจะสอนตัวเอง "
_____________________________________________
หลวงปู่อว้าน เขมโก
วัดป่านาคนิมิตต์ จ.สกลนคร






#โอวาทธรรม หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
#อุบายของการเจริญมรรค

"...๑. ให้รู้ทางดีทางชั่วอย่างทั่วถึง
๒. มากไปด้วยความพากเพียร
๓. มีความร่าเริงแจ่มใสในการประกอบกิจ
๔. มากไปด้วยความไม่สันโดษในกุศลธรรม
ให้เป็นปรารภกุศลธรรมให้ก้าวหน้าไปเสมอ
ไม่หยุดอยู่ เพียรก้าวไป
๕.ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม
๖. เป็นผู้พยายามให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

ข้อปฏิบัติเหล่านี้ย่อมนำความกว้างขวางไพบูลย์
ในธรรมะมาให้เสมอ คือ ประคองจิตได้ ทำความ
ร่าเริงให้จิตได้ ข่มขนาบจิตได้ วางอุเบกขาได้
น้อมจิตไปในธรรมอันประณีตได้
ที่สุดก็คือยินดียิ่งในพระนิพพาน..."

#ที่มา หนังสือ บทธรรม พระจาม มหาปุญโญ
................................................................









#อนัตตา

... " คำว่าอนัตตา คือไม่มีอะไรเป็นอะไร ไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตน เป็นแก่นเป็นสารเป็นสาระเป็นของจริง เป็นของว่างๆ ที่ว่าอันนั้นๆ จริงๆไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเป็นสาระ ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตน

... พยับแดด กระแสใจทั้งหลายเหมือนพยับแดด สิ่งที่มีในโลกเหมือนพยับแดด คือมีเป็นว๊อบๆแว๊บๆ เอาจริงๆแล้ว ไม่มีอะไรสักอย่าง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะต้องดับ

... กระแสใจที่เกิดขึ้น แล้วไหลไปตามกระแสใจที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีอะไรจะลูบคลำสัมผัสได้ แต่สิ่งเหล่านี้ หากใจของเราที่ไม่ศึกษา ใจของเราก็หลงในสิ่งเหล่านี้ แว้บไปในสิ่งที่ดี แว้บไปในสิ่งที่ไม่ดี แว้บไปในเรื่องของกิเลสตัณหา ก็เป็นกิเลสตัณหาทั้งหัวใจ ทั้งๆที่แว้บไปนั้น มันก็กระแสใจแป้บเดียวเท่านั้น แต่กลายเป็นเรื่องเป็นราว เป็นสารพัดอย่างอยู่เสมอ ก็เพราะใจเราไม่รู้ใจ "
_____________________________________________
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร ( หลวงปู่แบน ธนากโร )
วัดดอยธรรมเจดีย์. จ.สกลนคร







" มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ
มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์...
แปดอย่างนี้ พระพุทธเจ้า และสาวก
ไม่มีความยินดี และโศกเศร้า
ไม่มีความหวั่นไหว...
ไม่มีความยินดี ยินร้าย
กับอารมณ์แปดอย่าง
นี่ละ จึงว่าจิตประเสริฐ จิตเกษม "
________________________________________
หลวงปู่ขาว อนาลโย







. เอ็งเรียนทางโลก ก็ใช้ได้แค่ชาตินี้… เอ็งฝึกทางธรรม… เอาไปใช้ได้หลายอสงไขยชาติ…จะยืน เดิน นั่ง กินข้าว ก็สวดมนต์ เป็นเดือน เป็นปี หลายปี...จนจิตเอ็งจะเป็นเนื้อเดียวกับจักรพรรดิ อยู่กับข้า...อย่าหยุดสวดมนต์ภาวนา

"ที่แกปฏิบัติอยู่ให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวแกเอง"… เอ็งนอนที่ไหน สวดให้หลับทุกครั้ง แล้วเอ็งจะเข้าใจ…"

คำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
วัดสะแก จ.อยุธยา






“… เวลาไหว้พระสวดมนต์ อย่าพากันเห็นเป็นของเล่นคะนองปาก ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นของสูง ควรค่าแก่การเคารพเทิดทูน ถ้าหากเห็นเป็นของเล่นจะเป็นบาปเป็นกรรมกับบุคคลนั้น นักปราชญ์ท่านจะตำหนิ เทวดาเขาก็จะพากันตำหนิ เวลาไหว้พระสวดมนต์ก็ให้พากันตั้งใจสวดสาธยายธรรมอย่างจริงจัง ให้มีสมาธิจดจ่อลงไปในบทสวดสูตรนั้น ๆ มันถึงจะเกิดอานิสงส์ การไหว้พระสวดมนต์คือการทำสมาธิไปในตัว บางทีข้อธรรมต่าง ๆ จะผุดขึ้นมาในขณะที่เรากำลังสวดมนต์อยู่ก็มี

พวกเทพเทวดาเขาเคยเป็นมนุษย์เหมือนกันกับพวกเรามาก่อน ตอนเป็นคนเขามีจิตฝักใฝ่ในบุญกุศล พอตายจากโลกนี้ไปแล้วก็ได้ไปจุติอยู่ในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ สูงบ้างต่ำบ้าง ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่ตนเองสั่งสมมาตอนที่ยังเป็นมนุษย์ ถึงจะเป็นเทพเทวดา แต่จิตของเขายังติดยึดในบุญกุศล พอได้ยินได้เห็นผู้ใดทำคุณงามความดี พวกเขาก็จะพากันมาอนุโมทนาบุญกับผู้นั้น ๆ ถ้าเรามีจิตเป็นสมาธิ เราก็จะเห็นพวกเทพเจ้าเหล่าเทวดาเขาพากันมาร่วมอนุโมทนาบุญกับเรา การรับรู้อย่างหยาบ คือมีอาการขนลุกพองสยองเกล้าเป็นต้น ถ้าจิตละเอียดลงไป ก็เห็นเขาแสดงตัวตนออกมาให้เราเห็น ทำให้มันเป็นแล้วจะรู้เห็นด้วยตัวของเราเอง …”

โอวาทธรรม
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO