พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พุธ 22 พ.ค. 2024 9:01 am
"การให้ทาน เราก็ต้องดูว่าทรัพย์สินมันเหมาะสมในการให้ไหม และอีกประการหนึ่ง ปุญญักเขตตัง ต้องเลือกเนื้อนาบุญ ต้องดูเขตที่บริสุทธิ์ ถ้าเขตไหนไม่บริสุทธิ์ ถ้าเราให้ไปก็ไม่ต่างกับหว่านข้าวบนยอดเขาที่มีแต่หินแท้ หรือหว่านข้าวในกลางมหาสมุทรมีแต่น้ำลึก ข้าวก็ขึ้นไม่ได้ข้อนี้อุปมาฉันใด การให้ทานก็เหมือนกัน ต้องเลือกที่ให้"
พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๒ หน้าที่ ๗๔ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
โยมจากกรุงเทพฯ จะถวายรถเบนซ์ให้หลวงพ่อ
หลวงพ่อชา บอกว่า ไม่เอาหรอก อาตมาบิณฑบาต
ขอน้ำพริก น้ำปลา ข้าวเหนียวจากชาวบ้าน
แล้วมานั่งรถเบนซ์ชูคอ อาตมาอายเขา
หลวงพ่อชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
. พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฎิบัติของคนอื่น ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั้นแหละมาก ๆ
เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ
แล้วเกิดอารมณ์ร้อนใจ ..
ยังไม่ต้องบอกเขาให้แก้ไขอะไรหรอก รีบแก้ไข ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน
เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่าใจเย็น ๆ ไว้ก่อน ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่ใจ..
ไม่แน่..อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้
เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้
สักแต่ว่า.. สักแต่ว่า.. ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด
ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้ว จึงค่อยพูด จึงค่อยออกความคิดเห็น
พูดด้วยเหตุ ด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด...ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น
ทำให้เสียความรู้สึกของตนเอง
ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร
มักจะเสียประโยชน์ด้วยซ้ำไป ....
คำสอนหลวงปู่ชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
. ทรัพย์ภายในซึ่งมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เขารู้ว่าอะไรคือ ทรัพย์ภายนอกก็เข้าใจ และจะแก้ไขจิตใจของตนเองได้
ส่วนทรัพย์ภายในนั้น เป็นทรัพย์ที่ไม่ได้ถือติดตัวไปไม่ได้ถือไป เหมือนกับทรัพย์ภายนอก ทรัพย์ภายในมีอยู่ในจิตใจของบุคคลที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมันเกิดขึ้น จึงเรียกว่าเป็นอริยทรัพย์ คือ ทรัพย์ภายในที่มีไว้ในจิตใจนี้เอง
คือ ทรัพย์ที่จะติดสอยห้อยตามบุคคลไปทุกภพทุกชาติ ที่มีอยู่ที่จิตใจของเรา
จิตใจของคนเราจะเก็บข้อมูลต่างๆ เอาไว้ เหมือนตลับเทปคาสเซ็ท ทั้งความดี และความชั่ว ถ้าใครทำบาปความชั่วมาก จิตใจก็จะเกลือกกลั้วความชั่วสกปรกของจิตใจไว้มาก
ถ้าหากบุคคลสะสมแต่คุณงามความดีไว้ เช่น ทำความดีสะสมให้มาก
จิตใจก็จะเก็บข้อมูล คุณงามความดีไว้ได้มาก ถ้าเราทำคุณงามความดีทางกายวาจาใจ ในสิ่งต่างๆ กัน อันเกิดขึ้นมาในโลกนี้ก็เป็นเรื่องราวอย่างนี้เอง
คำสอนหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก จ.เชียงใหม่
#คนไม่รู้จักศีล
" มรรคข้อปฏิบัติ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
... คนไม่รู้จักศีล รักษาศีลแต่ละครั้งก็เหนื่อย รักษาศีลแต่ละครั้งก็ลำบาก บางทีอาราธนาไม่เป็น ก็ต้องไหว้วานให้คนอื่นมาอาราธนาให้ เรียกว่ามาอาราธนาศีล ในเมื่อขอศีลแล้ว ท่านก็ว่าเวระมะณี ๆ ก็สาธุ คิดว่าได้ศีลแล้ว ได้บุญแล้ว ข้อปฏิบัติไม่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อปฏิบัติเหมือนเดิม เคยทำยังไงก็ทำอย่างนั้น นี่! เรียกว่าคนไม่รู้จักศีล
... คนรู้จักศีลแล้วสบาย ต้องการรักษาเมื่อไหร่ๆ รักษาได้ทุกขณะ แล้วจะรู้ด้วยว่าศีลนี้มีความจำเป็นจะต้องรักษาทุกคน
ถ้าหากว่าไม่รักษาศีล คนนั้นล่ะศีลเศร้าหมอง ศีลจะไม่สะอาด ผ้าผ่อนท่อนสไบ เครื่องใช้ไม้สอย จะสะอาดเพียงไรก็ช่าง ใช้แล้วไม่ซักไม่ฟอกไม่รักษา สกปรกทั้งนั้น
... ศีล คือกาย, ศีล คือ ใจของเรานี้ ใช้อยู่เสมอๆ ไม่มีการซักฟอก มันก็สกปรกได้เหมือนกัน เพราะการเกี่ยวข้องคลุกคลีสิ่งที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ อันนั้นล่ะมันเป็นโคลนเป็นตม เป็นฝุ่นเป็นละออง ในที่สุดก็เปื้อนโคลน เปื้อนตม เปื้อนฝุ่นเปื้อนละอองทั้งนั้น แล้ว กาย ใจ จะสะอาดได้อย่างไร "
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร ( หลวงปู่แบน ธนากโร )
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร
วันสำคัญอย่างวันวิสาขบูชา ให้พวกเราเตรียมพร้อม เราจะประกอบคุณงามความดียังไง เราจะรักษาศีลยังไง เราจะภาวนายังไง เราจะปฏิบัติยังไง
สำหรับฝ่ายพระสงฆ์ ให้ตั้งจิตตั้งใจเอาไว้ว่า ในวันวิสาขบูชา เราจะพยายามทำจิตภาวนาของเราให้เต็มที่ เราจะอดนอนหรือจะผ่อนอาหาร เราจะอดนอนหรือเราเดินจงกรม เอาอิริยาบถ ๓ ยืน เดิน นั่ง เราจะไม่นอน ในคืนวันวิสาขบูชา อย่างนี้เป็นต้น
การทำความพากความเพียร ปฏิบัติของเราควรจะมีหนักมีเบานะ ไม่ใช่ว่าจะทำอย่างเก่า ควรจะเร่งความพากเพียร ปฏิบัติเอาจริงเอาจังบ้าง แล้วก็ถอยบ้างพักบ้าง เอาจริงเอาจังบ้าง ต้องสลับกัน มันจะได้เข้าใจในการประพฤติปฏิบัติของตนเอง ไม่ใช่ว่าวันไหนก็วันเก่า มันก็เหมือนกับไปทำมาค้าขาย ไม่ถูกที่ถูกทาง ไม่เจริญรุ่งเรือง ผลที่สุดก็เลยพาลขี้เกียจไปด้วย พาลไม่เชื่อในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าไปด้วย เพราะตัวเองไมได้ใส่ใจสนใจ ไม่ได้ปรับปรุงแก้ไขกายวาจาใจของตนเอง ปรับปรุงแก้ไขการกระทำของตนเองว่าที่เรากระทำไปนี่มันได้ผลอย่างไร ย่อหย่อนยังไง ตึงยังไงเกินยังไปหรือหย่อนไป โดยมากมันหย่อนไปมากกว่า
สำหรับศรัทธาญาติโยมก็เหมือนกัน วันวิสาขบูชาปีนี้เราจะรักษาศีลยังไง เอาศีลอุโบสถตั้งแต่ ๑๔ ค่ำ แล้วก็ ๑๕ ค่ำ แล้วก็แรม ๑ ค่ำเอาสัก ๓ วัน ให้คาบเกี่ยวกัน รักษาศีลอุโบสถดูสิเป็นยังไง เป็นการทำความพากความเพียร ประพฤติปฏิบัติกายวาจาใจของเรา
ขอให้พวกเราทุกๆท่านนะ ที่หลวงพ่อพูดทั้งนี้ทั้งนั้น ให้ฟังพวกเราสังเกตแล้วประพฤติปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ของพวกเรา ก็คือให้มีศีลเป็นพื้นฐาน ให้มีกฎระเบียบสำหรับตนเอง จากนั้นให้มีสมาธิ ทำจิตใจให้แน่นให้มั่นคง ฝึกหัดทางด้านจิตภาวนา พวกเรามาอยู่ที่จุดนี้เป็นพระกรรมฐาน เป็นโยมที่มาเกี่ยวข้องกับพระกรรมฐานเป็นโยมปฏิบัตินะ พวกเราก็ควรจะมีจิตภาวนาเป็นหัวใจของพวกเรา ส่วนอื่นเรื่องปลีกย่อย ทำการทำงานอะไรก็ตามเรื่องปลีกย่อย หัวใจจริงของพวกเราก็คือเรื่องจิตภาวนา จะทำจิตใจยังไงจึงจะสงบ จิตใจยังไงจึงจะรู้แจ้งเห็นจริงยังไง จะทำยังไงจะพ้นจากอาสวกิเลสตามแนวแถวที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านได้แนะนำสั่งสอนบอกกล่าว
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
พระธรรมเทศนา “ใจแบกกาย”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
"...มรรคเกิดขึ้นจากการกระทำของเรา คือการ
กราบการไหว้ การนั่งสมาธิภาวนาบริกรรมพุทโธๆๆ
นี่ชื่อว่ามรรค มีกายอันเดียวใจอันเดียวเรียกว่า
รูปธรรมนามธรรม ทั้งหมดนี่รวมมาเป็นอันเดียว
เอกายะโน อะยัง ภิกขะเว มัคโค รวมทั้งหมดนี่
เป็นมรรค กราบก็เป็นมรรค ไหว้ก็เป็นมรรค
นึกพุทโธก็เป็นมรรค นั่งสมาธิก็เป็นมรรค
จิตสงบก็เป็นมรรค ถ้าฟุ้งซ่านนี่ไม่ใช่เรียกว่ามรรค
ฟุ้งซ่านไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ กระวนกระวายเรื่องนั้น
เรื่องนี้
นี่เราต้องพยายามตั้งสติ ข้อสำคัญตั้งสติให้ดี
อย่าให้ขาดสติ ลมหายใจเอาเป็นกรรมฐาน
อย่าเร็วนักอย่าช้านัก อย่าเร็วนักอย่าช้านัก
ให้พอดีๆ พอดีหายใจๆ นั่นแหละ อย่าให้มากเกินไป
อย่าให้น้อยเกินไป ฝึกหัดทุกวันๆ มันก็ดีขึ้น..."
#โอวาทธรรม หลวงปู่หลอด ปโมทิโต
วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๔๓
............................................................
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.