” การทำบุญก็เหมือนการเติมน้ำใส่ตุ่มทำไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเมื่อน้ำล้นตุ่ม มันก็จะกลับมาให้เราใช้เอง “
- หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจนฺโท -
. เราอยู่ในโลกนี้ เราต้องอยู่ให้ฉลาด ประกอบด้วยปัญญา ตัวเรารู้ว่าเราปฏิบัติผิด ไม่ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ต้องพยายามแก้ไขที่ตัวเราให้ถูกต้อง คือเราต้องหาอุบายวิธีอยู่เสมอว่า ทำอย่างไรตัวเองจึงจะอยู่ให้เป็นสุขไม่วุ่นวายใจ อันนี้สำคัญมากทีเดียว สิ่งทั้งปวงพระพุทธเจ้าสอนพวกเราว่า
"ถ้าใครละความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือกำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลงเสียได้ ผู้นั้นจะพบเห็นพระนิพพาน
พระนิพพานอยู่เหนือความโลภ โกรธ หลง ท่านว่าอย่างนี้ ความโลภ โกรธ หลง เป็นรากเหง้าของโลก ชาติใดภาษาใด ก็มีสิ่งทั้งสามนี้ ทุกคนหนีไม่พ้น มีปัญหาอยู่
ถ้าทุกคนมีกันแล้วอย่างนี้จะทำประการใดดี ไม่คิดจะละสิ่งเหล่านี้บ้างหรือ บางคนถ้าจะละมันออกไปก็ยังเสียดายมันอยู่ ถือว่ามันเป็นมิตรที่ดีต่อเราอยู่ไม่ยอมให้มันตีตัวจากเราเลยอันนี้ก็ได้ชื่อว่าเราโง่กว่ากิเลส ปล่อยให้กิเลสเป็นนายเรา"...
คำสอนหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
ธรรมะเป็นสิ่งที่จะมาเกื้อกูลต่อชีวิต ต่อการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ต่อความบริสุทธิ์ ต่อความสิ้นไปแห่งความทุกข์ทั้งหลาย
พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมะ แนวทางแห่งการประพฤติปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์
พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ คือได้ค้นพบไว้แล้ว แล้วก็ได้นำมาแสดงไว้ เรียกว่าพระธรรม
พระสงฆ์ก็ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วก็ได้รู้ธรรมเห็นธรรม สืบทอดต่อ ๆ กันมา
#เมื่อมีธรรมะอันจะเป็นเครื่องดับทุกข์ให้แล้ว #แต่ว่าถ้าชาวโลกไม่สนใจในธรรมะ #ไม่น้อมธรรมะมาประพฤติปฏิบัติ #มนุษยโลกเหล่านั้นก็ต้องตกอยู่ในกองทุกข์
#พระพุทธเจ้าไม่สามารถจะมาเสกมาดลบันดาลให้สัตว์ทั้งหลายได้พ้นทุกข์ได้เลย ถ้าหากพระองค์สามารถจะเสกได้ พระองค์เสกไปนานแล้ว เพราะว่าพระองค์นั้นเปี่ยมล้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณ สงสาร คิดจะช่วยสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ จึงได้สะสมสร้างบารมีมาเพื่อมาเป็นพระพุทธเจ้า
#แต่ธรรมะหรือพระพุทธเจ้านั้นจะช่วยได้ #ก็ต่อเมื่อผู้ฟังได้ปฏิบัติตาม #ได้ปฏิบัติตามคำสอนที่พระองค์ทรงแสดงไว้
พระองค์ชี้ไว้ว่าทางนี้ เดินไปตามทางนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ เว้นอย่างนั้น ๆ ถ้าใครปฏิบัติตาม เว้นในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าควรเว้น ปฏิบัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสนับสนุนให้ปฏิบัติ บุคคลนั้นก็จะพ้นทุกข์ได้
แต่ถ้าใครไม่เชื่อฟัง ไปปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามไว้ ทรงตรัสว่าเป็นสิ่งให้เกิดความทุกข์ เช่น การกระทำทุจริตต่าง ๆ ทำอกุศลต่าง ๆ ฆ่าสัตว์บ้าง ลักทรัพย์บ้าง ประพฤติผิดในกามบ้าง โกหกหลอกลวงบ้าง ดื่มสุราเมรัยบ้าง พระองค์สอนว่าอย่างนี้เป็นทางแห่งความทุกข์ เป็นไปเพื่อความทุกข์
แต่ว่าบุคคลไม่เชื่อ ยังขืนทำ พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ พระองค์ก็ต้องปล่อยให้บุคคลนั้นเป็นไปตามกรรมของบุคคลนั้น ไม่สามารถจะมาเสกให้บุคคลนั้นพ้นทุกข์ได้ เพราะว่าเขาไปทำเหตุแห่งทุกข์
พระองค์สอนว่าให้รักษาศีล ให้บริจาคทาน ให้รักษาศีล ให้เจริญภาวนา ให้มีเมตตาต่อกัน ให้มีกรุณาต่อกัน ให้มีมุทิตาต่อกัน แต่เราไม่เชื่อฟัง ไม่ปฏิบัติตาม พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าหวังความพ้นทุกข์ หวังความสุขอันไพบูลย์ ไม่ปรารถนาความทุกข์ความเดือดร้อน ก็ต้องเว้นในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นทุกข์เป็นโทษ ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์
โอสถธรรม วิปลาสธรรม อาจาริยาบูชา ๑๐๐ พระธรรมเทศนา ............................. ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
..การคิดในจิตในใจของเราก็เหมือนกัน ถ้าเราคิดเมตตาต่อทุกๆคนอยู่นี้มันก็จะเกิดความสุขสบาย ว่าตนเองนี้ได้ทำไว้ในสิ่งที่ดีได้ปฏิบัติในสิ่งที่ดี มันก็มีความสุขความสบาย เหตุฉะนั้นมันไม่หนีไปจากไหนล่ะคุณงามความดีนี้ มีแต่กายวาจาและจิตใจเท่านั้นทั้งฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี ให้พวกเราพิจารณา ถ้าเข้าใจแล้วก็ให้ตัดสินใจตั้งหน้าตั้งตาทำคุณงามความดี มันก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อยๆ เกิดชาติใดภพใดก็ให้มันเจริญรุ่งเรืองกว่าชาตินี้ มั่งมีศรีสุขกว่าชาตินี้ รูปร่างกายก็ดี สดสวยงดงามกว่าชาตินี้ เรียกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายก็ดี ก็จะอำนวยความสุขความสบาย..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป.. วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
#สันตุสสโกวาท “คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก”
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก ขนาดพระพุทธเจ้า บรมครูของพวกเรา นางมาคันทิยา ว่าจ้างคนในเมืองอุเทน ด่าพระพุทธเจ้า อย่างนางจิญจมาณวิกา ก็หาเรื่องใส่พระพุทธเจ้า พระเทวทัต กลั่นแกล้งจะฆ่า พระพุทธเจ้า สรุปแล้วก็คือไม่ใช่นินทาเฉยๆ จะฆ่าให้ตายอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นเรื่อง คำนินทาสรรเสริญนี้ เราอย่าไปหวั่นไหว ต้องมองดูตนเอง เราทำผิดหรือเราทำถูก เราคิดผิดหรือเราคิดถูก เราพูดผิดหรือเราพูดถูก เขาจะนินทาสรรเสริญ ข้าพเจ้าเป็นผู้รับกรรมที่ตนได้กระทำไว้ ถ้าเราทำกรรมดีอยู่แล้ว เขานินทายังไง เราก็ดีอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเราทำกรรมชั่ว ถึงคนจะยกย่องสรรเสริญ เชิดชูบูชาขนาดไหน เราทำกรรมชั่วในใจ เราก็ต้องไปนรก เพราะเราทำกรรมชั่ว เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เชื่อในตัวเอง เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม แต่บางคนเห็นเขานินทาแล้วก็พลอยนินทาไปด้วย อันนั้นแปลว่า ไม่มีเหตุ ไม่มีผล ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่ใช่ว่าเราจะหูเบา ข้างใดข้างหนึ่ง...ไม่ได้ เราต้องฟัง ฟังเหตุฟังผล มันผิดไหม ถูกไหม ตามหลักเหตุและผล จะให้ถูกใจคน มันไม่ได้หรอก ถูกใจคนแต่ผิดธรรม ได้ยังไง มันต้องให้ถูกธรรม ถูกธรรมคือ หลักเหตุผล ธรรม คือความถูกต้อง คือหลักเหตุผลนั้นแหละคือธรรม เพราะฉะนั้นให้พวกเรา ต้องเป็นผู้หนักแน่น ในหลักเหตุผล ในโลกธรรม ในนินทาสรรเสริญ อย่าไปพอใจแต่สรรเสริญอย่างเดียว...ไม่ได้นะ เมื่อเขานินทามาเราก็ฟัง นินทาถูกต้องไหม ถ้ามันถูกต้อง เราก็แก้ไข ถ้ามันไม่ถูกต้อง เราจะไปฟังทำไม ปากมนุษย์ การจะพูดอะไรออกไป ต้องสำรวมระวังปาก เราพูดออกไปเป็นยังไง กระทบกระเทือนคนอื่นเขาไหม เสียหายไหม ถูกต้องไหม เป็นธรรมไหม ต้องใช้ปัญญาพิจารณา กลั่นกรองไตร่ตรองด้วยเหตุและผล ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าไปหูเบา ถ้าหูหนักไม่ฟังคำใครเลยก็ไม่ได้ หูหนักเกินไป จะหูเบาหูหนัก ก็ขอให้อยู่ในหลักเหตุผล เพราะฉะนั้นเราต้องฟังเหตุฟังผล มันจึงจะถูก สำหรับพวกลูกหลานให้หนักแน่น สรุปแล้ว ลูกศิษย์หลวงพ่ออินทร์ทั้งหลายให้หนักแน่น
โดย หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา "คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก" แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙
#ถอนเครื่องผูก
"ไม่มีอะไรที่จะทำให้พ้นจากเครื่องผูกได้ มีแต่การปฏิบัติธรรมหรือมีแต่ข้อปฏิบัติเท่านั้น สิ่งเหล่านี้สามารถที่จะทำให้ได้
จึงว่า ... อย่าพากันคิดว่าเป็นเรื่องไกล อย่าพากันคิดว่าเป็นเรื่องยาก อย่าพากันคิดว่าไม่มีบารมี บารมี หรือไม่มีความสามารถ"
..... หลวงปู่แบน ธนากโร
บุญมีแล้ว...แนวใด๋ดีกะป๋องใส่ บุญบ่ให่...ของขี้ฮ้ายกะแล่นโฮม
-คติธรรม หลวงพ่อสมภพ โชติปัญโญ-
"..กิเลสทั้งหมดเกิดรวมอยู่ที่จิต ให้เพ่งมองดูที่จิต อันไหนเกิดก่อน ให้ละอันนั้นก่อน...."
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
"...เวลาล่วงไป ชีวิตของเราก็ล่วงไป ล่วงไปหาความตาย มนุษย์เป็นสัตว์อันสูงสุด อันนี้เป็นเพราะเราได้สมบัติปันดีมา ปุพเพจะกตะปุญญตา บุญกุศลคุณงามความดีเราได้สร้างมาหลายภพหลายชาติแล้ว
เราอย่าไปเข้าใจว่า เราเกิดมาชาติเดียวนี้ ตั้งแต่เราเทียวตายเทียวเกิดมานี่ นับกัปป์นับกัลป์อนันตชาติไม่ได้ แล้วจะว่าเหมือนกันได้อย่างไรล่ะ เมื่อเรามาเกิดก็มีแต่วิญญาณเท่านั้น
พอมาปฏิสนธิ ก็เอาเลือดเอาเนื้อพ่อแม่มาแบ่งให้ ได้อัตตภาพออกมา แม้กระนั้นก็ไม่มีสัตว์มาเกิด ต้องอาศัยจุติวิญญาณ เราต้องสร้างเอาคุณงามความดี
พวกฆราวาสก็คือตั้งใจรับศีลห้า ศีลแปดในวันเจ็ดค่ำ แปดค่ำ สิบสี่ค่ำ สิบห้าค่ำ เดือนหนึ่งมีสี่ครั้ง อย่าให้ขาด ทำสมาธิภาวนา ให้มีสติ ระวังกายของตนให้เป็นสุจริต วาจาเป็นสุจริต ใจเป็นสุจริต
เท่านี้แหละ เอาย่อ ๆ มีสติอันเดียว ละบาปทั้งหลาย ความชั่วทั้งหลาย ละด้วยกาย วาจา ด้วยใจ ทำบุญกุศลให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท กระทำจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
อันนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้มีสติรักษากาย วาจา ใจ ศีลห้าถ้าใครละเมิดก็เป็นบาป ครั้นละเว้นโทษห้าอย่างนี้ นั่นแหละเป็นศีล ศีลคือใจ บาปก็คือใจ ศีลอยู่ในใจ บาปก็อยู่ที่ใจเหมือนกันนั่นแหละ
เรื่องทำบุญทำกุศล ให้ทาน รักษาศีล ภาวนาอยู่แต่ใจทั้งนั้น อะไรโม๊ดอยู่กับใจ สงสัยก็พิจารณาดวงใจ ทำบาปห้าอย่างนี้แล้ว ศีลไม่มี เป็นคนไม่มีศีล
คนมันชอบทำแต่บาป ศีลไม่ชอบทำ อยากทำแต่บาป ท่านเปรียบไว้ว่า คนไปสวรรค์เท่ากับเขาวัว คนไปนรกเท่าขนวัว วัวมีสองเขา แต่ขนมันนับไม่ถ้วน..."
หลวงปู่ขาว อนาลโย
"..เมื่อมีความสุข.. ..ก็ให้รู้ว่า..เดี๋ยวความสุข.. มันก็ผ่านไป ..เมื่อมีความทุกข์... ก็ให้รู้ว่า.เดี๋ยวความทุกข์... ก็ผ่านไป.." -สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสสกลมหาสังฆปริณายก
แท้จริงการดูจิต ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่รู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏ ด้วยจิตที่เป็นกลางจริง ก็พอแล้ว รู้...อยู่ตรงนั้นแหละ ถ้าจิตเป็นกลางจริง ๆ จะสังเกตเห็นจิตผู้รู้ แทรกอยู่ตรงนั้นเอง เมื่อเห็นบ่อย ๆ แล้ว ต่อไปก็ชำนาญ สามารถเห็นจิตผู้รู้...ได้เสมอ. .. หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
|