นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 08 ก.ย. 2024 8:12 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: แนวทางดำเนิน
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 26 พ.ค. 2024 8:29 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4675
" คนที่เขาปฏิบัติ เขาได้ฌาณ
เขาไม่พูดหรอก เขาตั้งใจปฏิบัติต่อไป
แต่คนที่ชอบพูดกันนั้น นั่นมันเป็นวิธีหลอก
มันหาเงิน หาลาภสักการะเข้าตัวมัน
อย่าไปยุ่งกับพวกอย่างนี้นะ อย่าไปยุ่ง
อย่าไปเกี่ยวข้องนะ นั่นมันหาหลอก "
.
--- คำสอน พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร
วัดถ้ำสหาย อ.หนองแสง จ.อุดรธานี




"...ชีวิตที่ประเสริฐต้องเอาธรรมนำชีวิตน่ะ
พัฒนาใจ พัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กัน
โลกนี้ต้องปกครองโดยเอาธรรมนำชีวิตน่ะ
เป็นหลักการของโลกเลย

คำว่าชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือความมั่นคงของโลก
คำว่า 'ชาติ' ก็หมายถึงความถูกต้องที่เราเป็นมนุษย์น่ะ
มนุษย์ต้องเอาความถูกต้องเป็นหลัก เอาธรรมเป็นหลัก
ธรรมะนี่คือความถูกต้อง เวลาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ความไม่ถูกต้องก็เป็นได้แต่เพียง 'คน' เป็นได้แต่ 'ความหลง'
คำว่า 'คน' นี่แปลว่า 'อวิชชา' แปลว่า 'ความหลง' แปลว่า 'วัฏสงสาร'

มนุษย์แปลว่าผู้มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง
พัฒนาใจ พัฒนาวัตถุไปพร้อม ๆ กันน่ะ
ทุกคนก็โฟกัสมาหาที่ตัวเอง
ไม่ได้ไปโฟกัสหาผู้อื่นเลย

ทุกวันนี้เรามีความเห็นผิดเข้าใจผิด อย่างนี้
เรียนหนังสือเลยนึกว่าจบปริญญาตรี โท เอก แล้วถึงปฏิบัติ ไม่เน้นที่ปัจจุบัน
เพื่อไปแก้ไขที่คนอื่น

แก้ไขที่คนอื่นไม่ใช่บริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณ
ที่ว่าเรามีความเมตตาแก่ญาติพี่น้อง แก่ประชาชน...ไม่จริงน่ะ
เมื่อเรามีความเห็นไม่ถูกต้อง
มีความเข้าใจไม่ถูกต้อง
เอาตัวตนไปที่ตั้งน่ะ
ไม่ใช่เมตตาบริสุทธิคุณ
เมตตาเพื่อเอาเงินเอาตังค์ต่างหาก

...ขออนุญาตไม่ถ่ายภาพนะคะ...
[ผู้แปลขอให้ผู้ฟังธรรม งดถ่ายภาพหลวงพ่อขณะที่ท่านแสดงธรรม]

อย่าไปถ่ายน่ะ อดให้ได้ ควบคุมตัวเองให้อยู่
หลวงตาบัวบอกว่าทำอะไรให้เป็นระเบียบบ้าง
มีความสุขมันคุมไม่อยู่นะ
เพราะความสุขมันอร่อย มันแซ่บ มันนัว มันลำ มันหร็อยน่ะ
เราต้องเข้าใจอย่างนี้นะ

อันไหนดี เราถึงคิด
อันไหนดี เราถึงพูด
อันไหนดี เราถึงทำน่ะ
เพราะว่ามนุษย์เรานี้ ทำได้ทีละอย่าง
ภารกิจของมนุษย์น่ะ คิดได้ทีละอย่างน่ะ
เราเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ พุทธะมันเกิดไม่ได้
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง เขาเรียกว่า ถาวรแห่งอวิชชา ถาวรแห่งความหลงน่ะ

เราเข้าใจอย่างนี้ให้ง่าย ๆ เพราะว่าปัญหาต่าง ๆ มันอยู่ที่เราคนเดียว

พลเอกท่านหนึ่งมาถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อว่ารัฐบาลจะไปได้มั้ย
หลวงพ่อก็บอกว่ารัฐบาลไหนก็ไม่ได้หรอก ถ้าเอาตัวตนเป็นที่ตั้งน่ะ
เพราะตัวตนมันคือเป็นไปไม่ได้ เพราะตัวตนนั่นไม่ใช่บริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณน่ะ
ต้องเข้าใจง่าย ๆ อย่างนี้

พระพุทธเจ้าสอนธรรมะท่านก็สอนให้ง่าย ๆ เหมือนหลวงพ่อ แต่พระพุทธเจ้าพูดดีกว่าหลวงพ่ออีก
พระพุทธเจ้าน่ะ มองดูท่านยิ่งกว่าแอร์คอนดิชั่นอีก
เพราะท่านพูดออกจากใจ ออกจากพระนิพพานน่ะ
พระพุทธเจ้าไม่เอาอะไรน่ะ ถึงเรียกว่าพระพุทธเจ้า
ความเป็นบริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณนะ
พระพุทธเจ้าไม่หวังคำขอบคุณกับใคร

พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่าทำแบบนี้ได้บุญเยอะนะ
ทำอย่างนี้ได้บุญน้อยนะ
พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้น
สมัยทุกวันนี้ มันมีความเห็นผิดเข้าใจผิด
เอาตัวตนเป็นที่ตั้ง บอกประชาชนน่ะ
ถ้าคนรวย ๆ นะจ๊ะ นะจ๊ะ กันทุกวัดเลย

ถ้าคนรวยน่ะ เอาใจใส่
คนมียศฐาบรรดาศักดิ์ เอาใจใส่
ถ้าคนจนน่ะ ให้พรไม่ออก
ช่างหัวมัน มันก็ธรรมดาเนาะ
ถ้ามีตัวตนน่ะ โฟกัสไปหาใครก็ถูกคนนั้นน่ะ
ที่นั่งอยู่ที่นี่น่ะ โฟกัสไปหาใครก็ถูกนะ ถ้าไม่ยกเลิกตัวตนน่ะ
เราต้องพากันเข้าใจอย่างนี้
แล้วก็แล้วไป
ช่างหัวมัน ช่างพ่อช่างแม่ ช่างลูกช่างหลานมัน

เราทุกคนต้องเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ยกเลิกตัวตน
เอาตัวตน นั่นเรียกว่าเป็นลูกศิษย์พระเทวทัตน่ะ
หลวงพ่อพูดอย่างนี้มันถึงอก ถึงใจหน่อย
ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะไปหน้าด้านหน้ามึน เป็นลูกศิษย์พระเทวทัตไปเรื่อย
พวกที่พระเทวทัตเอาไป พระโมคคัลลา พระสารีบุตรก็ตามกลับมาหมดแล้ว..."

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
วันเสาร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗

#หลวงพ่อกัณหา_สุขกาโม
#วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม







โอวาทพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

"ในโลกนี้ เป็นธาตุทั้งนั้น...
ให้รู้เท่าทัน กับธาตุ อย่าหลงตามธาตุ
ให้เห็นปัจจุบันธรรม...
อย่าส่งจิตอนาคต และอดีต
ธาตุ ๘๔,๐๐๐ ธาตุ ออกมาจากจิตหมด

นิโรธ เป็นของดับ
เพราะรู้เท่าแล้ว...จิต ไม่เกิดยินดี ยินร้าย
ดับไปเช่นนี้ ชื่อว่า...นิโรธ

แสดงฌาน เป็นที่พักชั่วคราวแล้ว
เจริญต่อๆ ไป ให้เอากาย วาจา ใจนี้
ยกขึ้นพิจารณา...
อย่าเพิ่ม อย่าเอาออก ให้เห็นเป็นปกติ

มรรค ๘ นั้น...
สมาธิมรรคเป็นองค์ ๑ นอกนั้น...เป็นปริยาย
ให้รู้ธรรมะ และอาการของธรรม
ถึงขั้นละเอียดแล้ว ก็จะรู้...เอง เห็นเอง

ถ้าส่งจิต ใจต้องเด็ดเดี่ยวกล้าหาญที่สุด
จึงจะรู้ธรรม เห็นธรรม

เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่า
อย่าไปเอามา ให้รู้เฉพาะปรกติ ของจิต

แสดงฐานของธรรมะเป็นบ่อเกิดอริยสัจของจริง
แสดงตนดูถูกท่านว่า...
ท่านเป็นคนโกรธ เพราะผู้ฟังไม่เห็นตามความเป็นจริง เพราะยุ่งแต่จิต ของตัวเท่านั้น

เกิดความรู้อย่างพิเศษแล้ว...
ย่อมมหาอานิสงส์ ประมาณไม่ได้

อัตฺตาหิ....ฯลฯ เป็นของลึกลับเหลือที่สุด

ให้รู้ธาตุ เห็นธาตุ จิต จึงไม่ติดทางราคะ

คนเราจะดี จะชั่ว ต้องเกิดวิบัติเสียก่อน

ท่านแสดงไม่อ้างสวรรค์ นิพพาน
ไม่อ้างทุคติ อ้างความเป็นไปทางปัจจุบัน
อย่างเดียว เพราะชั่ว-ดี ก็ปัจจุบันที่ยังเป็น
ชาติมนุษย์

ความรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นอนันตนัย
มากมายยิ่งกว่า...๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
เป็นอุบาย ที่จะทรมานสัตว์
พ้นวิสัยของสาวก ที่จะรู้ตามเห็นตามได้
สาวกกำหนดรู้ แต่เพียง ๘๔,๐๐๐ เท่านั้น
ก็เป็นอัศจรรย์

ท่านกำชับว่า...
อย่าให้จิตเพ่งนอก ให้รู้ในตัวเห็นในตัว
เมื่อรู้ ในตัวแล้ว...รู้ทั่วไป เพราะตัวเป็นต้นเหตุ
ให้แก้ปัจจุบัน...
เมื่อแก้ปัจจุบันได้แล้ว ภพ ๓ นั้นหลุดหมด

ไม่ต้องส่งอดีต อนาคต
ให้ลบอดีตภายนอกให้หมด จึงจะเข้าอารมณ์ภายในได้

เพ่งนอก เป็นตัวสมุทัย
เป็นทุกข์ และเป็นตัวมิจฉาทิฐิ
เพ่งใน เป็นตัวสัมมาทิฐิ
เพ่งในตัว เป็นสัมมาทิฐิ

เล่นนิมิต ก็ได้
ยินดียินร้าย ก็ได้ เรียกว่า...คุ้มเงาตน

เชื่อนิมิตเป็นบ้า

บันทึกธรรมโดย หลวงปู่หลุย จันทสาโร
พ.ศ. ๒๔๘๓ ณ วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี

(จากหนังสือ “บูรพาจารย์” โดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๔)








"ไม่ปฏิบัติแล้ว จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร"

บางคนก็บอกฉันอยากให้พ้นทุกข์เร็วๆ อยากพ้นทุกข์ แต่ไม่ยอมทำ ไม่ยอมทำในสิ่งที่พ้นทุกข์

มัวแต่นั่งอยากนอนอยาก ไม่เอาแล้วชาตินี้ทุกข์มาก ไม่เอาแล้วจะไปแล้ว จะไปนิพพาน จะไปนิพพาน และกิริยาคำว่า “ผู้ปฏิบัติที่จะไปนิพพาน” น่ะมีหรือเปล่า ?

เอ้า กิริยาผู้ปฏิบัติเพื่อไปนิพพานน่ะเรามีไหม เราทำหรือเปล่า หรือไม่ได้ทำเลยจะไปนิพพาน หรือเราต้องการบรรลุโสดาบัน

แล้วกิริยาผู้บรรลุโสดาบันนี่นะ เรามีไหมในจิตใจของเรา ในกิริยาของเรามีไหมกิริยาผู้บรรลุโสดาบันน่ะมีไหม ถ้ามี หมายความว่า "เราต้องบรรลุแน่นะ" ในชาติปัจจุบันเราต้องบรรลุแน่ ถ้ามี แต่ถ้าเราอยากบรรลุแล้ว เราไม่มีเลย จะบรรลุอะไร ?

เพราะเราไม่ตาม ไม่ดำเนินไปตามรอยผู้บรรลุโสดาบัน หรือผู้บรรลุสกิทาคา อนาคา ก็แล้วแต่อยากได้อยากบรรลุ แต่ไม่ยอมทำในกิริยาผู้บรรลุโสดาบัน สกิทาคา อนาคา ตลอดจนถึงอยากบรรลุเป็นพระอรหันต์ อยากบรรลุเป็นพระอรหันต์

ในกิริยาของพระอรหันต์ ท่านก็ทำของท่านน่ะ เราทำได้หรือยัง ตรงนี้น่ะโยม ตรงนี้โยมต้องดู โยมต้องตื่นตัวเองตลอด ต้องตบหน้าผากตัวเองตลอด ทำไมกูไม่ยอมทำเสียที ทำไมกูนั่งอยากแห้งๆ

แล้วในกิริยาตรงนี้แหละ กิริยานี้ล่ะเป็นผู้พาเราไปได้ หากไม่มีมีกิริยาตรงนี้แล้ว ไม่มีการดำเนินตรงนี้แล้ว จ้างเถอะโยม ไม่มีใครจะไปได้

เราดูกิริยาของพระอรหันต์ ท่านเป็นมาได้ยังไง ท่านบำเพ็ญมาแบบไหนแล้ว เราบำเพ็ญแบบท่านไหม เราบำเพ็ญเหมือนท่าน รับรองไม่พ้นแน่ ไปเหมือนท่าน ถ้าเราอยากเป็นพระพุทธเจ้า เราก็บำเพ็ญอย่างพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบำเพ็ญมาแบบไหน ตรงนี้แหละความจริง

เราควรคิดเป็นการบ้าน เป็นการบ้านของเราทุกๆ วันเลย ว่า ฉันอยากบรรลุธรรม อยากบรรลุธรรม แล้วในกิริยาของผู้ปฎิบัติธรรมให้บรรลุธรรมนั้น เรามีไหม ?

เขาทำแบบไหนถึงบรรลุธรรม หรือ เขานอน นอน นอนลูกเดียวบรรลุเลย หรือ กูไม่ยอมนั่งภาวนาเลยบรรลุเลย มันเป็นไปไม่ได้โยม เราต้องศึกษากิริยาผู้บรรลุธรรมเพื่อรู้ธรรม เพื่อแจ้งธรรม ถ้าเราไม่ดูตรงนี้แล้วบอกตรงๆ อาตมาคิดว่า ปฏิเสธล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่า ไม่มีโอกาสที่จะรู้ได้ถ้าหากเราไม่อยู่ในกิริยาอย่างนี้

คือว่า กิริยาอย่างนี้ ถึงว่าเราจะอยู่ในเพศของฆราวาส โสดาบัน ฆราวาสก็บรรลุได้ สกิทาคามี ฆราวาสก็บรรลุได้ ตลอดถึงอนาคามี ฆราวาสบางคนก็ได้ นอกจากพระอรหันต์เท่านั้นจะอยู่ไม่ได้ ต้องมาบวช ถ้าอยู่เป็นฆราวาสไม่เกิดเจ็ดวันต้องตาย

ถ้าเราดู เราต้องดูแนวทางดำเนินของเขาว่า เขาทำยังไง เขาโดนกระทบกระทั่งแล้ว เขาทำใจยังไง นี่ตรงนี้แหละครูอาจารย์ที่ท่านสอน ท่านก็สอนให้ลงประเด็นตรงนี้ พยายามให้ดูให้อย่างนี้...

โอวาทธรรม... #พระเทพวชิรญาณโสภณ วิ. (เยื้อน ขนฺติพโล) เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธรรมยุติ)เจ้าอาวาสวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์




มรดกธรรมของหลวงปู่ที่ฝากไว้
เตือนใจขณะอาพาธหนัก
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต
ก่อนที่จะละสังขาร

แล้วจะพึ่งอะไร?

"พึ่งร่างกาย กายก็แตก
พึ่งน้ำในกาย น้ำก็สลาย
พึ่งไฟในกาย ไฟก็กระจาย
กายทั้งร่างมีแต่เรื่องแตกกระจาย
แล้วจะพึ่งอะไร?
พึ่งบ้าน บ้านก็จะพัง
พึ่งสมบัติเงินทอง
ก็ล้วนแต่สิ่งจะพังทลาย
ยังเพลินเมามัว มั่วสุมอยู่หรือ?
มนุษย์เราตัวฉลาดแท้ๆ
ไม่สมควรกับความเป็นดังที่กล่าวมา
ความดีมีอยู่ แสวงหาซิมนุษย์ทั้งหลาย
ท่านหาความดีได้ ทำไมเราหาไม่ได้?
เวลาไพล่ไปหาความเลวทรามต่ำช้า
ทำไมหาได้? สิ่งเหล่านั้นมันวิเศษวิโสอะไร?
ถ้ามันพาคนให้วิเศษ มนุษย์พากันวิเศษ
เลิศโลกไปนานแล้ว
ไม่จมปลักดังที่เห็นกันอยู่นี้เลย
จึงไม่ควรเพลิดเพลิน ไม่ควรมัวเมา
ไม่เข้าเรื่องอยู่เปล่าๆ
อะไรดี มีสาระ รีบแสวงหา"
.
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO