นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 08 ก.ย. 2024 7:58 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การเป็นคนดี
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 28 พ.ค. 2024 6:52 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4675
“รีบสร้างกุศลไว้ เมื่อความตายยังมาไม่ถึง
เมื่อความตายมาถึง เงินหนึ่งสลึงก็เอาไปไม่ได้”

หลวงปู่สาย เขมธัมโม






"พุทธคุณของดี เหนือกว่าประสบการณ์ คือบ่มีประสบการณ์ บ่มีเหตุร้าย นั่นละจึงจะชื่อว่าของดีจริง"

คติธรรม...
#หลวงปู่จื่อ พนฺธมุตฺโต






"การรู้...โดยไม่คิดเอง
คือ การเดินวิปัสสนาที่ละเอียดที่สุด

ตราบใดที่ยังเห็น ว่า...
จิต...คือตัวเรา เป็นของ ของเรา
เราที่ต้องช่วยให้จิตหลุดพ้น...ตราบนั้น
ตัณหา หรือสมุทัย
ก็จะสร้างภพของจิต ว่าง...ขึ้นมาร่ำไป

ขอย้ำว่า ขั้นนี้...
จิต จะดำเนินวิปัสสนาไปเอง ไม่ใช่ ผู้ปฏิบัติ
จงใจกระทำ
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ไม่มี...ใครเลยที่จงใจ
หรือตั้งใจบรรลุมรรคผล นิพพานได้
มีแต่...จิต เค้าปฏิบัติตนเองไป เท่านั้น

เมื่อจิตทรง ตัวรู้...แต่ไม่คิดอะไรนั้น
บางครั้ง...
จะมีบางสิ่งผุดขึ้นมา สู่...ภูมิรู้ ของจิต
แต่จิต ไม่สำคัญมั่นหมายว่า...มันคืออะไร
เพียง แค่รู้...เฉย ๆ
ถึงความเกิด-ดับนั้น เท่านั้น

ในขั้นนี้...
เป็นการเดินวิปัสสนา ขั้นละเอียดที่สุด
ถึงจุดหนึ่ง...
จิต...จะก้าวกระโดดต่อไปเอง

การเข้า สู่...มรรคผลนั้น
รู้...มีตลอด แต่...ไม่คิด
และไม่สำคัญมั่นหมาย ในสังขารละเอียด
(ความสงบอันประณีต)ที่ผุดขึ้นมานั้น

เมื่อจิต...
ถอนออกจากอริยะมรรค และอริยะผล
ที่เกิดขึ้นแล้ว...
ผู้ปฏิบัติจะรู้ชัดว่า ธรรมเป็นอย่างนี้...
สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้น...ต้องดับไป
ธรรมชาติบางอย่าง มีอยู่...
แต่ก็ ไม่มี...ความเป็นตัวตนสักอณูเดียว

นี้เป็นการรู้ธรรม ในขั้นพระโสดาบัน
คือ ไม่เห็นว่า...สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
แม้...แต่ตัวจิตเอง เป็นตัวเรา
แต่...ความยึดถือ ในความเป็นเรายัง มีอยู่...

เพราะ ขั้นความเห็น...
กับความคิด นั้น...มันคนละขั้นกัน."

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล.






" การเป็นคนดี คบคนดี
อยู่ท่ามกลางคนดีในสถานที่ที่ดีงาม
ย่อมเป็นมงคลกับชีวิตเสมอ "

โอวาทธรรม
หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ
วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร






#กรรมของการไล่พระสงฆ์

เมื่อธุดงค์เข้าอุดรมาพักที่ป่าช้าบ้านข้าวสาร แถวๆเขตอำเภอเมือง ช่วงนั้นฝนเริ่มตกแล้ว เลยตั้งใจจะพัก ซักช่วงหลังสงกรานต์ จึงจะมุ่งเดินทางต่อไปอุบลราชธานี จึงได้หาที่ปักกลดในบริเวณป่าช้า พอตกกลางคืนมา ปรากฏว่าได้กิน หอมแป้งมาก่อน สักพัก ก็ได้กลิ่นเหม็นสาบเหม็นสางตามมา ได้แต่คิดในใจว่า “มันเหม็นอะไรมาแต่ทางไหนหนอ?” สักพักหนึ่ง จิตมันจะไปสัมผัสกันยังไงก็ไม่ทราบ ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า “หนูก็อยู่ใกล้ๆอาจารย์นี่ล่ะ”
พระอาจารย์ “แล้วทำไม่มีทั้งกลิ่นหอม ทั้งกลิ่นเหม็นสาบ”
วิญญาณเด็ก “ ถ้ากลิ่นหอมก็แสดงว่าไม่ทำอะไร แต่กลิ่นสาบนี่เป็นกลิ่นของคนตายเฉยๆ”
พระอาจารย์ “เจ้าตายมานี่ดนแล้วบ่?” (ตายมานานหรือยัง)
วิญญาณเด็ก “ดนแล้ว จนพ่อแม่ลืมหมดแล้ว”
พระอาจารย์ “แล้วแปลงกายเป็นอีหยังได้แหน่?”
วิญญาณเด็ก “ได้หมดทุกอย่าง”
พระอาจารย์ “แล้วถ้าโยมมาสิมาเจ้าสิเฮ็ดจังได๋”
วิญญาณเด็ก “หนูกะสิเฮ็ดกลิ่นแป้งไปก่อน แล้วก็เอากลิ่นสาบตามไปอีก

ปกติตอนเย็น จะมีเถ้าแก่ ส. เจริญชัย มาเล่นด้วย เด็กน้อยคนนี้ มันก็จะเอากลิ่นไปรับพอเถ้าแก่ได้กลิ่น ก็จะพูดว่า “รู้แล้วล่ะ สิไปหาอาจารย์” แล้วกลิ่นนั้นก็หายไป พอมาถึงก็ไม่มีกลิ่น พอจะกลับ เขาก็ส่งกลิ่นอีก จะเป็นแบบนี้อยู่ตลอดทุกครั้งที่มาหาและกลับ เถ้าแก่คนนี้จนได้คิดว่า พระองค์นี้ไม่ธรรมดา เพราะปกติ แกเป็นคนไม่ชอบพระอยู่แล้ว แกชอบพูดว่าพระ เป็นพวกขี้คร้านไม่ทำงาน พอเวลาเราจะไปบิณฑบาต เขาก็ส่งกลิ่นหอมมาหาเรา เลยได้แต่พูดลอยๆไปว่า “รักษาของเด้อสิไปบิณฑบาตมาสู่กิน” เขาก็คงจะรับทราบของเขาเหมือนกันแหละ เพราะกลับมากลิ่นมันก็ยังหอมอยู่ แต่เวลาจะเกิดเหตุไม่ดี เขาก็จะมาบอกเราก่อน คือเรานั่งสมาธิอยู่อย่างนี้ เขาก็จะมากระซิบที่ข้างหูเรา “ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะมีคนมาหาอยู่นะ เยอะด้วย” เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาทำไม เราก็ฟังไว้ ดูไว้ แต่ไม่พูดอะไรว่าจะมีอะไรมาหรือเปล่า พอถึงเวลา ทางผู้ใหญ่บ้านกำนัน ชาวบ้านก็มาจริงๆ เยอะพอสมควร เดินเข้ามาหา มาสอบถาม “เป็นพระที่ไหน มายังไงมาทำไม วัดบ้านก็มีทำไมไม่ไปอยู่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้” เราก็ว่า “มาพักภาวนา อีกสักพักก็จะกลับอุบลแล้ว” แต่ในใจเราก็อยากจะจำพรรษาอยู่ที่นี่ เราว่าที่นี่เหมาะแก่การภาวนาและมีงูใหญ่อยู่อีกด้วย แต่เขาก็ไม่เชื่อ อยู่มาตั้งนานไม่เห็นจะมีอะไร เราก็เลยบอกว่า ถ้าไม่เชื่อก็ลองเข้าไปดูในป่าข้างใน มีงูใหญ่อยู่นั่น ด้วยความอยากรู้ของพวกนั้น ก็รวมตัวกันเดินเข้าไป เมื่อเข้าไปถึง พบเห็นงูจงอางตัวใหญ่ ยกคอสูงท่วมหัว เขาก็พากันทั้งวิ่งทั้งร้องเสียงหลงออกมาเลย เราก็เลยทำท่าพูดว่า “ อย่าไปทำอะไรเขานะ ทำให้เขาดูเฉยๆ” กลับมาเขาเลยขู่ว่า ให้ออกจากที่นี่ ถ้าไม่ออกก็ให้ย้ายไปเข้าวัด ถ้าไม่ไปอาจจะมีอันตรายเป็นได้ ไม่รับรองความปลอดภัย อยู่ต่อมาโยมก็เลยทำกระต๊อบให้พักพอได้นั่งสมาธิสวดมนต์ อยู่อีกสักพัก ได้ความคิดใหม่คือต้องอยู่จำพรรษากับเขาสักพรรษาหนึ่ง จึงจะออกธุดงค์ต่อไปทางภาคเหนือ เมื่อตกลงตามนั้น จึงได้พาเถ้าแก่ ส. เจริญชัย ลงมาที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อจะมาบอกหลวงพ่ออเนก ว่าจะไปจำพรรษาที่อุดรธานี มาถึงช่วงประมาณหัวค่ำ หลวงพ่ออเนกจึงบอกให้นำหมู่คณะทำวัตร ขณะที่นั่งสมาธิอยู่นั้น รู้สึกว่าร่างกายมันร้อนรนเหมือนไฟไหม้ตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อเป็นดังนั้นจึงได้ลาหลวงพ่อเดินทางกลับอุดรเลย ยังไม่ได้ทันทำวัตรด้วยซ้ำ ไปถึงประมาณตี 4 กระต๊อบที่เขาทำให้พักเห็นแต่ควันไฟกับถ่านแดงๆ เหลืออย่างเดียวที่ยังไม่ไหม้ คือผ้านิสีทนะ เมื่อไฟไหม้หมดแล้วจึงได้หายร้อนเนื้อร้อนตัว สงสัยอาจเป็นเพราะผีเด็กคนนั้นมาทำให้รู้ เพราะเขาก็ช่วยอะไรเราไม่ได้เหมือนกัน แต่มันก็อาฆาตแค้นไว้อยู่ โยมที่ดูแลก็เลยบอกว่าไม่ต้องอยู่ตรงนี้ก็ได้อาจารย์ขยับเข้าไปพักข้างในอีก แถวๆบริเวณที่เขาฝังคนตายโหง (คือคนที่ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ) พอก่อนจะย้ายเข้าไปเราก็สวดมนต์ภาวนาอย่างเดิม สักพักได้ยินเสียงเด็กคนนั้นแว่วมาอีก “ถึงสิเข้าไปมันกะนำไปคือเก่านั้นละ” พอเข้าไปอยู่ก็เป็นจริงดังที่เขามาเตือน เขาก็พยายามเข้ามาไล่ออกไปอยู่หลายครั้ง โยมแม่ขึ้นมาเยี่ยมแล้วเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้หลวงพ่ออเนกฟังหรือยังไงก็ไม่ทราบ หลวงพ่ออเนกก็กลัวเราจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ เลยเอารถขึ้นมารับพร้อมกับหลวงพ่อมหาสุพงษ์ หลังจากกลับไปอุบลฯได้ไม่นาน ก็มีข่าวว่าพวกที่มาไล่ถูกรถชนตาย โดยกำนันตายก่อนเพื่อน ตายทีละศพ สองศพ บางคนนั่งกินข้าวอยู่ดีๆก็เลือดออกปากออกจมูกตายคาที่ก็มี รวมๆแล้วเป็น 10 กว่าศพ เขากลัวตายหมด ก็เลยพากันไปนิมนต์พระวัดป่าโนนนิเวศน์มาสวดเจริญพุทธมนต์ไว้ ถึงไม่มีคนตายอีก (ผู้เรียบเรียงสอบถามว่า หลวงพ่อได้ไปอาฆาตเขาไว้ไหม?) ท่านตอบว่า ก็ไม่ได้คิดเคียดแค้นอะไร ส่วนที่แค้นก็คงจะเป็นวิญญาณเด็กที่พักอยู่กับเรา พอกลับมาอยู่อุบลฯสักช่วงก่อนเข้าพรรษาก็ลงไปอุดรฯอีก ไปบอกไปลาคณะที่อยากให้จำพรรษาที่อุดรฯ ปรากฏว่าวิญญาณเด็กคนนั้นก็มาลาเหมือนกัน จะลาไปเกิดแล้ว

#ชีวประวัติหลวงพ่อสาลี ขันติพโล วัดป่าทุ่งศรีอุดม(สาขาวัดหนองป่าพงที่33) อ.ทุ่งศรีอุดม จ.อุบลราชธานี





"คาถาแคล้วคลาด"
ผู้ถาม : ผมเคยโดนเขาเป่าคาถาเสกน้ำมันพราย รู้สึกว่าโดนทีไรมันมึนงงทุกที แล้วเขาก็ทำมิดีมิร้ายคือปลดเอาของไป บังเอิญมีลูกแก้วกำไว้มิฉะนั้นคงหมดตัวไปแล้ว ก็อยากจะกราบเรียนถามว่าจะท่องคาถาอะไรถึงจะไม่งงต่อไปครับ?

หลวงพ่อ : คาถามี มีคาถากำกับก็ต้องท่อง ไม่งง..ไม่งง..ไม่งง

ผู้ถาม : (หัวเราะ) อันนี้ง่ายดีนะไม่ต้องแปลเลย

หลวงพ่อ : คาถาแคล้วคลาดของหลวงพ่อปานมี 3 คำ "เจ จะ ตัง" เป็นคาถาที่ท่านได้จากกรรมฐาน ท่านมาให้ตอนใกล้จะตาย

ผู้ถาม : อันนี้ภาวนาแล้วไม่งงใช่ไหมครับ?

หลวงพ่อ : เอางี้ดีกว่า เสกข้าวกินไปเลย มันจะแคล้วคลาดทุกอย่าง 3 คำนะ "เจ จะ ตัง"

ผู้ถาม : ถ้าเป็นคนจีนพูดไม่ชัดเป็น "เจ๊จ่ายตังค์" ล่ะเพี้ยนเลย

หลวงพ่อ : อันนี้เราชอบใช่ไหม?

ผู้ถาม : ครับ เคยได้ยินเขาบอกว่าผู้ใดเคารพนับถือยอมตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ปาน ท่านห้ามกินใบสะระแหน่ อันนี้จริงไหมครับหลวงพ่อ?

หลวงพ่อ : ปานไหน ปานดำหรือปานแดง?

ผู้ถาม : ปาน...วัดบางนมโค ครับ?

หลวงพ่อ : หลวงพ่อปานท่านไม่ห้าม ท่านเองท่านก็ฉัน ในสมัยท่านมีอย่างนี้ ใครรับแจกของท่านไปแล้วขอให้ทุกคนรักษาศีล 2 ข้อ คือข้ออทินนา กับ สุรา เท่านี้เอง ที่จะขอนะ ถ้ามิฉะนั้นท่านบอกว่าของท่านไม่คุ้มครอง แล้วก็ในสมัยท่านคนจังหวัดอยุธยาสุพรรณบุรีกับพวกที่นับถือท่าน เขาเลิกดื่มสุรากันเกือบทุกคน แสดงว่าท่านทำมีผลมาก

ผู้ถาม : ห้ามทานสุรา ถ้าทานกับยาจะได้ไหมครับ?

หลวงพ่อ : ต้องดูก่อน ถ้าเหล้าไหยาช้อนอันนี้ไม่ได้ ถ้ากระสายยาธรรมดาอันนี้ไม่ห้าม

ผู้ถาม : ถ้ายาดองล่ะครับ?

หลวงพ่อ : เขาไม่ห้าม มันเป็นกระสายยาธรรมดานะ คือในเรื่องของศีลถ้าสุราดองยา ถ้าในเรื่องของพระต้องไม่ปรากฏรสปรากฏกลิ่น แต่ถ้าฆราวาสก็ต้องถืออย่างนั้น คือไม่มีรสไม่มีกลิ่น แต่ถ้าต้องใช้สุราเป็นกระสายก็ไม่ห้าม

พระราชพรหมยาน,ธัมมวิโมกข์ (2525),28,188-190


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO