นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 08 ก.ย. 2024 8:16 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: พิจารณากาย
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 06 มิ.ย. 2024 9:32 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4675
“ เพ่งโทษในตัวเรา ”

…ด่าคนอื่นได้อะไร
ด่าตัวเองได้ประโยชน์กว่า
มองพี่โตตัวเองไม่ดีกว่าหรือ
เมื่อตัวเองผิดจะได้แก้ได้

.ไปเพ่งโทษคนอื่นแล้ว
ไปแก้เขาได้ยังไง ใช่ไหม
แก้เขาได้ เราก็ไม่ได้ประโยชน์
เขาได้ประโยชน์

.งั้นไปเพ่งโทษคนอื่นให้เสียเวลาทำไม
คนอื่นมีเป็นแสนเป็นล้าน
จะไปเพ่งไหวเหรอ เพ่งคนเดียวก็พอ
เพ่งตัวเรานั่นแหละ เพ่งโทษในตัวเรา
พอรู้ว่านิสัยนี้ไม่ดี ก็หยุดมัน.

…………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี

สนทนาธรรมเขา
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563







วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง พวกเรามารวมกันในศาลานึ้ มีเป้าหมายร่วมกันอย่างหนึ่งคืออยากจะรักษาโรคจิตของเรานิดหน่อยที่เราเป็นทุกคน

สมมุติว่าเรามาเจอกันที่หน้าห้องหมอในโรงพยาบาล เราก็รู้จักกันดีแล้วว่าเราเป็นผู้ป่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าป่วยด้วยโรคอะไรแน่ๆ รู้แต่ว่าป่วยแล้วเข้าโรงพยาบาล เข้าคลีนิคไปหาหมอ ไปรักษาตัว ไปปรึกษา

ที่นี่ พระพุทธเจ้าท่านเองก็อุปมาว่าท่านก็เป็นหมอที่ยิ่งใหญ่ แต่โรคที่ท่านรักษาเกี่ยวกับด้านจิตใจมากกว่า
พวกเราจริงๆ แล้วก็เป็น (ผู้ป่วย) มาตลอด ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องสอน แต่นี่ก็แค่เรียกว่าโรคระบาดในสังคม ทำให้คนเป็นทุกข์มากกว่าเดิม และเด็กก็มีชีวิตไม่ค่อยเหมือนเดิม ทุกอย่างผิดปกติ

แต่ถ้าเราดูหลักๆ ในศาสนาของเรา ในสังคม มันก็มีการรักษาจิตใจมาตลอด วิธีการรักษาจิตใจ อย่างเช่นศาสนาทุกศาสนาก็มีการถามกันว่าเป็นไปเพื่ออะไร ?

ศาสนาตั้งขึ้นมาทั่วโลก ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ถือเรื่องผีเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาก็เป็นศาสนาลัทธิต่างๆ โดยส่วนมากจะเชื่อว่ามีพระเจ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้สร้างโลก

ศาสนาของเราไม่ได้นึกถึงพระเจ้าแต่เรานึกถึงพระนิพพาน เป็นอะไรที่สูงกว่าโลกนี้

ทำไมโลกนี้มันไม่พอสำหรับคนทั่วๆไป เพราะว่าโลกนี้มันเป็นทุกข์ จิตใจก็เป็นทุกข์ ทุกคนก็แสวงหา..
แสวงหาอะไรที่ดีกว่านี้อีก

ศาสนาต่างๆจะมองว่าตายแล้วจะขึ้นสวรรค์ ศาสนาของเราเชื่อในเรื่องเวียนว่ายตายเกิด
เป้าหมายของเราไม่ใช่วันใดวันหนึ่งจะขึ้นสวรรค์
เป้าหมายของเราคือทำอย่างไร จะได้สร้างสวรรค์

สวรรค์อยู่ที่ไหน เราต้องเป็นผู้สร้าง
ไม่ใช่หนทางที่เราจะไป
สวรรค์ก็คือความสุขนั่นเอง
เพราะฉะนั้นศาสนาของเรามีวิธีปฏิบัติค่อนข้างที่จะชัดเจน
ตั้งแต่ศีล.. ที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

ทาน..ที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว เวลาให้ จะมีความรู้สึกสบาย พระพุทธเจ้าก็เลยแนะนำให้เราให้..ให้..ให้ ตลอด จะได้มีจิตใจสบาย

เวลาเรานึกถึงบุญคุณ นึกถึงคนอื่นด้วยใจเป็นบุญคุณ ใจก็สบายทันทีเลย แทนที่จะโกรธ แทนที่จะคิดว่า "แหม..เขาก็ไม่ได้ช่วยเราเท่าไหร่.. เขาทำร้ายเรา..เขาด่าเรา..เขาว่าเรา"
เราคิดกลับกันว่า ยังไงก็ตาม เขาได้ช่วยเราไว้ เขาก็มีส่วนบุญคุณ

ไม่ใช่แค่พ่อแม่ปู่ย่าตายายหรือครูบาอาจารย์ ทุกคน..สัตว์ทุกชนิดในโลกนี้ เราจะสร้างความเมตตากรุณาในจิตใจว่าพวกเราได้รับความช่วยเหลือจากทุกคน เราก็ต้องมีส่วนในการช่วยเขาด้วย เมื่อคิดแบบนี้แล้วจิตใจเราก็จะสบายจริงๆ อะไรๆ เกิดขึ้น เราก็รับได้ แทนที่จะโกรธคนอื่น แทนที่จะไปว่าเขา

และธรรมะที่เรียกว่าลึกซึ้งหน่อยคือมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดเพราะว่ามีเหตุมีปัจจัย มันไม่มีตัวไม่มีตนที่สั่งที่ขอให้เป็นอย่างนี้ ขอให้เป็นอย่างนั้น

นี่จะทำให้ความรู้สึกของเราเปลี่ยน เราไม่ได้คิดว่าเราสามารถที่จะบังคับคนอื่นได้ เราไม่ได้คิดที่จะบังคับตัวเองได้

เราสร้างเหตุได้ บางสิ่งบางอย่าง เพื่อจะให้ออกมาให้ดีที่สุด แต่สุดท้ายเราก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม คือการกระทำเป็นอย่างไร ผลก็ออกมาแบบนั้น

แล้วก็มีเหตุปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ บางสิ่งบางอย่าง เช่น ดินฟ้าอากาศ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ไม่มีใครห้ามมันได้

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เรามีจิตใจออกในแนวปล่อยวางตลอด ทำใจรู้ว่าที่เป็นแบบนี้เกิดขึ้นเพราะมีเหตุมีปัจจัย ให้เราปล่อยวาง

แม้แต่ชีวิตของเรา ตั้งแต่เราเข้าวัดวันแรก เราจะสวดบทเกิดแก่เจ็บตาย " เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้..เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้.. เรามีความตายเป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ " เพื่อจะได้ซึมเข้าไปในจิตใจ เข้ามา..เข้ามา..พิจารณาบ่อยๆ เพื่อให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านี้ ยังไงก็ต้องมาถึงเรา ไม่ได้พยายามวิ่งหนีจากความจริง

เรารู้ว่าวันใดวันหนึ่งด้วยความแก่ ด้วยร่างกายก็ต้องเปลี่ยนแปลง อายุ ๕๐, ๖๐ ร่างกายจะให้เหมือน ๒๐ มันเป็นไปไม่ได้ อายุ ๗๐, ๘๐ จะให้เหมือน ๕๐ มันเป็นไปไม่ได้

เรายอมรับแล้วก็วางแผนด้วย ไม่ประมาทเรื่องอนาคต เตรียมตัวสำหรับเมื่อแก่ สร้างกลุ่มกัลยาณมิตรเรารู้ว่าอนาคตตอนแก่เงินช่วยเราได้นิดหน่อย ได้ไปหาหมอดีๆ อาจจะซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ แต่ที่จะช่วยได้แน่นอนคือคน .. กัลยาณมิตรคนที่จะมาดูแลเรา ลูกหลานหรือเพื่อน กัลยานมิตรที่จะช่วยเรา ..ให้กำลังใจ แล้วก็ธรรมะ

ธรรมะจะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีที่สุด พอฟังเทศน์ฟังธรรม พออยู่ในวัด เราจะไม่เหงา ไม่เสียใจ เราจะไม่รู้สึกว่า.. " โอว..สิ่งเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ .. โรคนี้ไม่น่าเกิดกับเรา..ทำไมเขาพูดอย่างนั้น ..ทำไมสังคมเป็นอย่างนี้ " เราจะไม่คิดแบบนั้น

พออยู่ในวัด เรามีวิธีที่จะทำใจให้ได้ปล่อยวางแล้วก็ดูภายในตัวเอง แก้ไขตัวเอง พัฒนาตัวเอง ไม่ไปคิดว่าจะพัฒนาคนอื่น จะแก้ไขปัญหาคนอื่น

เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจิตใจของเราจะดีขึ้นทันทีเลย เราจะมองสิ่งที่เราทำได้
สิ่งที่เราช่วยได้คือเรื่องจิตใจของเราเอง

ในวันนี้พวกเราก็เรียกว่ามาอยู่ในโรงพยาบาลจิต .. ในวัด สถานที่ที่จะช่วยบำรุงสังคม มาศึกษาเรียนรู้วิธีที่จะช่วยเหลือระหว่างกัน มาเรียนรู้หลายอย่าง.. เรื่องศีลธรรม ความเมตตากรุณา ความอดทน ที่สำคัญคือให้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะที่แสดงธรรมที่สอนเราได้ตลอด ขอให้แนวทางการปฏิบัติอย่างนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ตน ประโยชน์ต่อผู้อื่น เป็นไปเพื่อความสุขที่แท้จริงจากภายในที่เกิดจากบุญนั่นเอง

พระอาจารย์สิริปัญโญ
ส่วนหนึ่งของสัมโมทนียกถา
เช้าวันจันทร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗
ณ วัดป่าบุญล้อม







"จิตรวม ๒ ครั้ง
ครั้งแรก ญาณสัมปยุตต์ คือรู้เกิด
รวมครั้งที่ ๒ ญาณสัมปยุตต์ เกิดรวมทวนกระแส แก้อนุสัยสมมุติ เป็นวิมุตติ หรือรวมลงเป็นฐีติจิต

พระโยคาวจรเจ้าทั้งหลาย
เมื่อพิจารณาร่างกายอันนี้ ให้ชำนิชำนาญ
เจริญให้มาก ทำให้มาก ให้มีสติ...
พิจารณาในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ คิด พูด ให้มีสติรอบคอบ...
ในกาย อยู่...เสมอ

พิจารณาก้าวเข้าไป ถอยออกมา
เป็นอนุโลม ปฏิโลม เข้าไปสงบในจิต แล้วถอยออกมา พิจารณากาย อย่าพิจารณากายอย่างเดียว หรือสงบที่จิต แต่...อย่างเดียว
เมื่อชำนาญอย่างยิ่ง แล้ว...
จิต จะรวมใหญ่ รวมพึ่บลงเป็น อันเดียว

ญาณสัมปยุตต์ คือ รู้...เกิดขึ้นมาพร้อมกัน
ชื่อว่า...ยถาภูตญาณทัสสนวิปัสสนา
คือ...ทั้งเห็น ทั้งรู้ ตามความเป็นจริง
ขั้นนี้ เป็นเบื้องต้น ยังไม่ใช่...ที่สุด

พระโยคาวจรเจ้า เพื่อ...ความรู้ยิ่งอีก
อาศัยอาการของจิต ของขันธ์ ๕.
ได้แก่รูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณ
ไปปรุงแต่งสำคัญมั่นหมาย ทำให้จิตหลง
ตามสมมุติ จึงเป็นเหตุให้ก่อภพ ก่อชาติ
ด้วยอาการ ของจิต...เข้าไปยึด

อาการของจิต นั่นแล...ไม่เที่ยง
สัตว์โลกเขาเที่ยง พิจารณาโดยอริยสัจจธรรมทั้ง ๔. เป็นเครื่องแก้อาการ ของจิต
ฐีติภูตํ จิต...ตั้งอยู่เดิม
ไม่มี...อาการ เป็นผู้...หลุดพ้น

จิต...ร่วมพึ่บ ลงไปอีกครั้ง
ญาณสัมปยุตต์รวมทวนกระแส
แก้อนุสัยสมมุติ เป็นวิมุตติ หรือรวมลง...
ฐีติจิต อันเป็นอยู่ มีอยู่...อย่างนั้น

ในที่นี้ ไม่ใช่...สมมุติ
ไม่ใช่...ของแต่งเอา เดาเอา
ไม่ใช่...ของอันบุคคลพึงปรารถนาเอาได้
เป็นของที่เกิดเอง เป็นเอง รู้เอง
โดย...ส่วนเดียว เท่านั้น

ถ้าปฏิบัติไม่ถูกต้อง
หรือไม่ปฏิบัติ จะประสบวิมุติธรรม
ไม่ได้เลย ด้วยประการ ฉะนี้."
_____________________
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส.








"เราเกิดมาเพื่อประสบกับความทุกข์
คนที่เกิดมาแล้วทุกคน จะไม่มีทุกข์ เป็นไม่มี
ถ้าหากว่าเรา ยังยึดถือว่าร่างกายเป็นของเรา
ทรัพย์สินเป็นของเรา ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง
เป็นของเรา อารมณ์ทุกข์มันก็เกิด

เกิดเพราะว่าเราเกาะ ที่เรียกว่า อุปาทาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกธรรม 8 ประการ คือ

มีลาภดีใจ ลาภสลายตัวไปเสียใจ
มียศดีใจ ยศสลายตัวไปเสียใจ
มีความสุขในกามดีใจ ความสุขหมดไปร้อนใจ
ได้รับคำนินทาเดือดร้อน ได้รับคำสรรเสริญมีสุข

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แนะนำให้พวกเรา ใช้อารมณ์คิดอยู่เสมอว่า
ทุกข์ นี้เป็นกฎธรรมดาของโลก”

พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)






“ระลึกถึงความตายบ่อยๆ
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ก็จะทำให้บุคคลนั้น
ได้สร้างคุณงามความดีได้มาก
ตามกำลังความสามารถของตน
จึงจะเป็นผล เป็นประโยชน์แก่ชีวิต
ของบุคคลนั้นที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์”

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 27 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO