นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 08 ก.ย. 2024 8:12 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ลาภ ยศ สลายตัว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 07 มิ.ย. 2024 4:57 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4675
คำถาม : คนที่ตายด้วยอุบัติเหตุ
จิตเขาก็ไม่รู้ตัวหรือเปล่าครับ
แล้วเราจะมีวิธีอย่างไรจะให้เขาไปให้สบาย
.
#สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
ตอบ : ต้องนึกอย่างนี้
ตอนนั้นเราไม่มีโอกาสไปร่วมอะไร
มันไม่มีเวลาแล้ว

มันไม่สามารถคาดหมายได้

วิบเดียว
.

แต่เรามองแบบเหตุการณ์ของคนทั่วไป
เราไม่ได้รู้ว่าสภาวะจิต มันไม่ใช่อย่างนั้น
สภาวะจิตมันเร็วมาก
ในเวลานิดเดียว
คล้ายๆ ว่ามองเห็นพรึบไป
แต่ว่าจิตมันไม่ได้ดับทันที

มันมีเวลาสำหรับจิต
ที่จะได้นึกคิดเป็นนิมิตอะไรต่างๆ
กรรมนิมิต คตินิมิต มาทัน
แม้ในคนที่ตายด้วยอุบัติเหตุ
.

คำถาม :
อย่างน้าผมเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
แต่ผมไม่เคยคิดถึงเขานะครับ
บางทีสักพักจิตมันก็ไปคิดถึงเขาเอง
แล้วเหมือนวิญญาณเขามาหา
ทั้งที่ตัวเองไม่ได้คิดอะไร
นอนก็หลับไปแบบปกติ ไม่ได้ฝัน
ไม่ได้มีการนึกอะไร

แต่อยู่ดีๆเขาก็เหมือนมาหา
หมายความว่าจิตเราไปผูกพันกับเขา
หรือว่าจิตเขามา
..........

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) ตอบ :

ยังผูกพัน แล้วเขาเองก็ผูกพันได้
มันก็มีคำอธิบายได้หลายอย่าง

ตอนตาย จิตมีความเร็ว
รูปธรรมเกิดดับก็รวดเร็วมากอยู่แล้ว
แต่ให้รู้ว่ารูปธรรมดับขณะหนึ่ง
จิตมันไปได้ ๑๗ ขณะ
มันเร็วกว่ากันมากมาย

เราจะเห็นได้ว่าเวลาที่คนมาปลุกเรา
เคยมีคนมาเคาะประตู
แล้วคนที่หลับจะตื่นขึ้นมานี่
แค่ช่วงที่ได้ยินเสียงนี่ฝันเป็นเรื่องๆ
เวลามันนิดเดียวเท่านั้น
แต่ทำไมเขาฝันไปได้ตั้งยาว
ความเร็วของจิตมันมากมาย
ให้เข้าใจอันนี้เสียก่อน
...

ทีนี้ตอนตาย คนที่ตายปุบปับ
จิตที่ไวก็ต้องนึกถึงสิ่งที่ตัวกังวล
นึกถึงรักนึกถึงอะไรต่างๆ เหล่านี้
มันยิ่งแรงใหญ่

เรื่องตัวห่วงกังวลอาจจะมาเต็มที่
จิตมันจะไปผูกกับอันนั้น


เมื่อผูกกับอันนั้นแล้วมันก็จะเป็นตัวกำหนดชัด

ตายไปเป็นอะไร
เกิดตายไปเป็นที่ห่วงกังวล
มันก็ไปเป็นชาติภพที่ว่า
ไม่มีโอกาสไปเกิดเป็นอื่น
ไปเกิดเป็นพวกอทิสสมานกาย เป็นเทพนั่นเอง

บางทีก็เป็นเทวดา หรือไม่ดีอย่าง
เปรต อสุรกายก็มี เป็นเทพชั้นต่ำก็มี
..

พอไปอยู่ในภาวะนี้แล้ว
ความห่วงกังวลเป็นภาวะผูกพัน
มันก็อาจจะมาแสดงตัวขึ้นมา
.....

คำถาม : คล้ายๆ จิตตรงกันจะได้พบกัน

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) ตอบ :
ความกังวลความห่วงความระลึกถึงมันมีอยู่
เมื่อเข้าไปอยู่ในชาติภพนั้นแล้วเขาก็ยังนึกถึงอยู่
เหมือนอย่างญาติพระเจ้าพิมพิสารที่เป็นเปรต
......

คำถาม : ผมเข้าใจถูกไหมครับ
ถ้าเกิดว่าเราทำบุญสม่ำเสมอ
แล้วก็ฟังธรรมบรรยายสม่ำเสมอ

ถ้าเป็นไปได้นั่งสมาธิ ทำสมาธิกรรมฐาน
เช่น พุทธานุสสติกรรมฐานทำอยู่เสมอ
ตอนที่ใกล้จะตาย จิตคุ้นชินอยู่กับสิ่งนี้
มันก็จะยึดติดกับสิ่งนี้โดยอัตโนมัติ
โดยที่ไม่ต้องให้ญาติมาคอยบอกก็เป็นไปได้
........

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) ตอบ :

ถึงได้ให้ทำกรรมที่ชิน
กรรมที่ชินท่านเรียก “อาจิณกรรม”
จะมีพลังมากที่สุด กรรมที่ทำอยู่เสมอ
จิตก็เคยของมันอย่างนี้
พอจะทำอะไรมันก็ไปนึกถึงเรื่องนี้ก่อน
เพราะฉะนั้นจิตที่อยู่ในภาวะนี้

นอกจากจับพลัดจับผลู
เกิดแวบไปเรื่องอื่นขึ้นมา
อาจิณกรรมจะเป็นตัวสำคัญเด่นมาก
คือ กรรมที่ทำอยู่สม่ำเสมอเป็นอาจิณ
ภาษาไทยเขาก็เรียกอาจิณ
ทำอะไรเป็นอาจิณก็คือทำอยู่เรื่อย
..............

"ตายอย่างไรแน่ใจว่าดี"
#สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)








"พระกัมมัฏฐานกลัวการเกิด
ไม่กลัวการตาย..."

โอวาทธรรม
หลวงปู่แผ่นทอง จาครโต








“ถ้าทำคุณงามความดี กะไปสู่ที่ที่ดี
ถ้าบ่ได้ทำคุณงามความดี กะไปสู่ที่ที่ต่ำ”

คติธรรม
#หลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท







“วัดเป็นสถานที่ภาวนา มาวัดก็ให้ภาวนา ไม่ใช่มาเที่ยว

ถ้ามาทำบุญ..บุญอยู่ที่ไหน? อยู่ที่พระ? อยู่ที่วัด? อยู่ที่หลวงปู่-หลวงตา?

ให้ดูเจ้าของ (ตัวเอง) เจ้าของสำรวมกาย วาจา ใจ ให้เป็นบุญอยู่หรือเปล่า?

เสร็จธุระแล้วก็รีบกลับ อย่ารบกวนพระภาวนา

ถ้าอยากเที่ยว ให้ไปสวนสนุก ที่นี่วัด...ไม่ใช่สวนสนุก”

หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร






“ ปัจจุบันนี้ เราจะเห็นได้ว่า
บ้านเมืองเราเกิดปัญหา
ทางสังคมศาสนามีแต่ข่าวอันเลวร้าย
ท่านทั้งหลายอย่าน้อยอกน้อยใจ
อย่าตกอก ตกใจ อย่าคิดน้อยใจในศาสนา

ว่าภาพพจน์ของศาสนาบัดนี้ได้ตกต่ำ ย่ำแย่
คนทั้งหลายต่างชาติ ต่างศาสนา เขาคงจะดูถูก ดูแคลน กลับคืนฟื้นตัวได้ไหม

ความจริงศาสนาเราก็เหมือนพระอาทิตย์เนี้ย
เหมือนพระจันทร์ เมื่อมีเมฆมีหมอกเข้ามาบดบังมันก็มืด

มืดครื้มมม เหมือนพระอาทิตย์ เหมือนพระจันทร์ไม่มีแสงสว่าง ความจริง พระอาทิตย์พระจันทร์ ก็ยังให้แสงสว่างอยู่อย่างนี้แหละ เมื่อเมฆหมอกนั้นผ่านไป แสงสว่างของพระอาทิตย์พระจันทร์ ก็เจิดจ้าขึ้นมาอีก

ถือเสียว่าข่าวคราวที่เกิดขึ้นเนี่ย เป็นเมฆหมอก แห่งศาสนา ซึ่งเปรียบเสมือน แสงอาทิตย์ แสงพระจันทร์
เมื่อผ่านไปแล้วก็ยังมีแสงอยู่อย่างเก่า

พวกเราก็มาตั้งอกตั้งใจศึกษา
ตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม

อาตมาว่าถ้าได้ยินข่าว พระไม่ดี ข่าวคราวไม่ดี
เกี่ยวกับพระศาสนา เรายิ่งตั้งใจปฏิบัติธรรม

โลกทั้งโลกเขาจะชั่วไปหมด เราก็ไม่ได้ชั่วด้วย
ถ้าเราไม่ได้กระทำชั่ว

โลกทั้งโลกเขาจะดีหมด ถ้าหากเรายังชั่วอยู่
เราก็ไม่ได้ดีไปกับเขา

"สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธเย"

ความบริสทุธิ์ความเศร้าหมอง เป็นเรื่องเฉพาะตัว
คนอื่นจะทำให้คนอื่น บริสุทธิ์เศร้าหมองไม่ได้

เมื่อใดได้ยินข่าวไม่ดี เกี่ยวกับศาสนา
เมื่อนั้นให้รีบเอามาเป็นปุ๋ย มาคิด มาพินิจพิจารณา
อาตมานี่คิดนะ ผมนี่คิด ผมคิดตั้งแต่ผมเป็นโยม

คิดอยากบวชมาเนี้ย 11 ปี แต่ก่อนผมไม่อยากบวช
พอได้ศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า

มีแต่สิ่งที่ดีที่งามทั้งนั้น พอศึกษาไป๊ ศึกษาไป
พอมาศึกษาด้านพระวินัย
ก็มองเห็นพระสงฆ์องค์เจ้าทั่วไปเนี่ย
เหมือนกับไม่ดีเลย ช่วงนี้เราจะรู้สึกเมา

รู้สึกเมาตำหรับตำรา มีอุดมการณ์ แล้วก็เมาอุดมการณ์
รู้สึกจะไปต่อต้าน ไปดูถูก ดูแคลนพระสงฆ์องค์เจ้า

แต่พอเราอ่านพระสูติไปบ้าง
อ่านไป อ่านไปก็จะเห็นว่า โอ...ในสมัยพระพุทธเจ้า คนชั่วๆ เหมือนคนเดี๋ยวนี้ก็มี “

#หลวงพ่อใหญ่สมภพ_โชติปญฺโญ






"ความผูกพันนั่นแล พาให้โลกเป็นทุกข์กันมากน้อย
ถ้าความผูกพันในใจไม่มี ก็ไม่เป็นทุกข์ ธรรมท่าน
จึงสอนให้รู้เท่าทัน และปล่อยวางความผูกพันอันเป็น
ตัวการให้ทุกข์ทั้งหลายเกิด"

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน






"เราเกิดมาเพื่อประสบกับความทุกข์
คนที่เกิดมาแล้วทุกคน จะไม่มีทุกข์ เป็นไม่มี
ถ้าหากว่าเรา ยังยึดถือว่าร่างกายเป็นของเรา
ทรัพย์สินเป็นของเรา ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง
เป็นของเรา อารมณ์ทุกข์มันก็เกิด

เกิดเพราะว่าเราเกาะ ที่เรียกว่า อุปาทาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกธรรม 8 ประการ คือ

มีลาภดีใจ ลาภสลายตัวไปเสียใจ
มียศดีใจ ยศสลายตัวไปเสียใจ
มีความสุขในกามดีใจ ความสุขหมดไปร้อนใจ
ได้รับคำนินทาเดือดร้อน ได้รับคำสรรเสริญมีสุข

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แนะนำให้พวกเรา ใช้อารมณ์คิดอยู่เสมอว่า
ทุกข์ นี้เป็นกฎธรรมดาของโลก”

พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)







“ระลึกถึงความตายบ่อยๆ
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ก็จะทำให้บุคคลนั้น
ได้สร้างคุณงามความดีได้มาก
ตามกำลังความสามารถของตน
จึงจะเป็นผล เป็นประโยชน์แก่ชีวิต
ของบุคคลนั้นที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์”

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป






คนที่ทำ “ทาน” มากก็จะให้ผล ให้เขาเป็นคนมีทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์

คนมี “ศีล” จะทำให้ได้รับอัตภาพที่ดี มีรูปร่างผิวพรรณงดงาม

ถ้ามี “ภาวนา” ด้วย ก็จะทำให้ผู้นั้นเป็นคนมีสติปัญญา เฉลียวฉลาด

พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจารย์
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร วัดอโศการาม
ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO