นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 08 ก.ย. 2024 7:56 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: บำเพ็ญบุญ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 16 ก.ค. 2024 4:50 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4675
“ จิตใจของบุคคลเหล่าใด
ไม่ติดอยู่อดีต อนาคต ปัจจุบัน
จิตใจของบุคคลเหล่านั้น
หลุดจากบ่วงของมารโลก
หลุดจาก โลภะ โทสะ โมหะ
ดุจพระจันทร์ในวันเพ็ญ
ปราศจากเมฆหมอกแล้ว
สว่างรุ่งโรจน์อยู่ท่ามกลางอากาศ ฉะนั้น "

#หลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท
เทศนาธรรมวันที่ 22 พฤษภาคม 2566






คนนี้มันบอกยากสอนไม่ได้ ก็ให้กรรมนั้นแหละสอนมัน มันจะยากอะไรน้อ...นี้น่ะ

โอวาทธรรม
หลวงปู่แผ่นทอง จาครโต






ธรรมโอสถ : พระอาจารย์สิริปัญโญ
.......
ขอโอกาสพระอาจารย์ปุ้มและคณะสงฆ์ทุกรูป เจริญพรญาติโยมลูกศิษย์วัดป่าบุญล้อม

วันนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่งที่เรามาระลึกถึงคนที่เรารู้จัก ญาติของเราเองที่ล่วงลับไปแล้ว ก็ถือว่าร่วมกันทำบุญอุทิศเพื่อเป็นการนึกถึงธรรมะทั้งนั้น

นึกถึงคนอื่นก็มีประโยชน์ เพราะเราจะนึกถึงสิ่งที่เขาได้ทำ
ถ้าเราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นกุศล
มักจะเกิดความคิดในใจของเราว่า
"อืม..เราก็ทำมั่งสิ" ถึงจะทำไม่ได้เต็มร้อยเท่ากับคนนั้น แต่ว่าเราควรที่จะทำบ้าง เพราะฉะนั้นในการที่เรา
มาทำบุญอุทิศให้คนอื่น
สุดท้ายก็เป็นประโยชน์ของเราด้วย

เราก็เตรียมของ จัดของ นัดกันจะเป็นเสาร์อาทิตย์ก็ตาม หรือวันคล้ายวันเสียชีวิตของเขา แล้วก็เราได้ประโยชน์ จากบ้านเรามาสู่สถานที่แบบนี้ เราได้เจอเพื่อน เจอสหธรรมมิก

บางคนไม่ได้เจอเป็นปี มาเจอกันก็โอว..ดีใจ ความอบอุ่นเกิดขึ้นในใจ ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งผู้สูงอายุทั้งเด็กๆ เหมือนคนในหมู่บ้านมารวมกัน ไม่ใช่หมู่บ้านที่บ้านอยู่ติดๆกัน เรียกว่าเป็น"หมู่บ้านด้วยใจ" คนที่เป็นลูกศิษย์วัดไหนๆก็ถือว่าเป็นญาติพี่น้องกัน

เมื่อคืนก็ได้มีการฟังเทศน์ของพระอาจารย์ชยสาโรพอดี วันนี้เราก็นึกถึงท่านด้วยว่ากำลังจะรับพัดยศ
ท่านเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของเรา
ท่านก็พูดในโอวาทนั้น "แต่ละสังคม แต่ละศาสนา แต่ละลัทธิ มักจะพูดกันว่าธรรมะ การสั่งสอนของเขานั้นถูกต้อง แต่ละคนจะเชื่อว่าความคิดของเขานั้นถูกต้อง "

ในพุทธศาสนาของเราก็เหมือนกัน เราก็คิดว่าสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ เป็นความเห็นที่ถูกต้อง แต่เรามีวิธีการพิสูจน์ มีหลักฐานที่จะตัดสินใจว่าธรรมะเหล่านี้ ธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า หรือว่าพุทธศาสนาถูกต้องมั้ย

แล้วจะรู้ได้ยังไง
เราจะต้องเชื่องมงายมั้ย
จะต้องตายก่อนแล้วขึ้นสวรรค์กว่าจะรู้มั้ย

มันไม่ใช่อย่างนั้น

เราจะเปรียบเทียบเหมือนยารักษาโรค ถ้าบอกว่ายานี้ดีนะ หมอคนนี้เก่งนะ จะรู้ได้ยังไง..เพราะว่ารับประทานแล้วรู้สึกว่าสบายขึ้น

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจะเรียกตัวเอง จะเปรียบเทียบตัวเองเหมือนหมอ เป็นหมอ แต่ว่าจริงๆแล้วท่านไม่ได้รักษาโรคทางกาย เป็นหมอที่รักษาจิตใจได้ พวกเราทุกคนก็เป็นโรคจิตนิดๆหน่อยๆ ก็คือเป็นทุกข์

แล้วจะรู้ได้มั้ยว่าธรรมะนี้ดีมั้ย
พิสูจน์ได้หรือเปล่า เพราะว่า
เรามาปฏิบัติธรรม จะเป็นระดับทาน จะเป็นระดับศีล ระดับภาวนา หรือมงคล ๓๘ เราทำแล้ว ข้อใด ๆ เรารู้สึกดีทันทีเลย เหมือนกับยา

เมื่อเราฉัน(อาหาร)แล้วปวดท้อง เป็นกรดไหลย้อน ก็ไปกินยากระต่ายบินหรือยาเม็ดอะไรสักอย่างที่จะช่วยลดกรด แล้วรู้สึกบรรเทา บรรเทาอาการ ไม่ต้องสงสัยว่ายานี้ดีมั้ย ไม่ต้องไปพิสูจน์เพราะว่าเห็นด้วยตนเองแล้ว ไม่ต้องเชื่อหมอคนนี้ หมอคนนั้น เพราะเราลองกินไปก่อน

หากช่วยได้ก็ถือว่ายานี้ดี แล้วก็ต้องดูระยะยาวด้วยว่ามีผลข้างเคียงมั้ย
จะรักษาได้จริงๆมั้ย
รักษาให้หายขาดได้หรือเปล่า

เพราะฉะนั้น เมื่อเราเข้ามาอย่างนี้ โดยส่วนมาก เราเกิดเป็นชาวพุทธ เราก็ลองกินยาเรียกว่า"ธรรมโอสถ" ธรรมะของพระพุทธเจ้า


เป็นยาของพระพุทธเจ้าที่ท่านให้ไว้ เป็นการลดความทุกข์ในใจ ลดเครียด ลดฟุ้งซ่านด้วยการลดตัณหา ด้วยการลดความถือตัว ลดทิฐิมานะว่าเรามีตัวมีตน เราต้องการอย่างนี้ .. เราต้องการอย่างนั้น .. อันนี้ก็ไม่เห็นด้วย .. อันนั้นก็ไม่เห็นด้วย .. สิ่งเหล่านี้ เราลดๆๆ เรียกว่ากินธรรมโอสถ

เราเริ่มที่จะปล่อยวาง เริ่มที่จะยอมรับตามความเป็นจริง แล้วสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์มันจะน้อยลง

แต่บางคนก็ยังมองไม่เห็น
ยังมองไม่เห็น
ยังปฏิเสธว่าอันนี้ไม่ใช่นะ
อันนี้ก็แล้วแต่
เราไม่ได้พยายามที่จะสอนคนอื่น
ไม่ได้พยายามที่จะเปลี่ยนโลกนี้ให้มันอยู่ในฐานที่เราคิดว่าถูกต้อง

เปรียบเทียบเหมือนกับเรื่องยาหรือเรื่องอาหาร
เราไม่ได้บังคับให้คนอื่นกินอาหารเหมือนเรา เรามีอาหารที่เราชอบ เราก็กิน คนอื่นก็จะชอบแบบเขา ก็แล้วแต่เขา เขาจะไปรักษากับหมออีกแบบหนึ่ง หรือจะไปกินยาคนละยี่ห้อ
ก็แล้วแต่เขา ไม่ต้องทะเลาะกันอย่างนี้ เพราะว่าธรรมะเหล่านี้มันเป็นไปเพื่อประโยชน์ตน

ช่วงนี้จะเป็นช่วงใกล้ๆเข้าพรรษาด้วย อีกไม่กี่วัน เหลือแค่ ๖ วัน จะถึงอาสาฬหบูชา ๗ วันก็จะเป็นวันเข้าพรรษา พวกเราทุกคนมีโอกาสที่จะถามตัวเองว่าพรรษานี้จะมีอะไรดีๆ เรื่องธรรมะเข้ามาในจิตใจของเรามั้ย

เรื่องวัตถุ อาตมามั่นใจไว้ทุกคนที่นี่ได้พอเพียงแล้ว พอสมควรแล้ว อาหารก็ไม่ขาด แล้วก็เพื่อนๆ สหธรรมิกก็มี เรียกว่าความอบอุ่นก็มีพอสมควร
แต่ทำยังไงด้านจิตใจมันจะดีขึ้น

บางคนอาจจะมองว่านี่มันเป็นตัณหาไม่ใช่หรือ แบบอยากได้ความสุข อยากมีธรรมะในใจ
อันนี้มันไม่ใช่ พระพุทธเจ้าบอกว่า
จะเรียกว่าเป็นตัณหาก็ได้
แต่เราใช้คำว่า"ฉันทะ" เป็นความต้องการที่ถูกต้อง เหมือนเราหิวข้าวไม่ใช่ตัณหา หิวแล้วก็ต้องกิน ป่วยมันก็ต้องไปหาหมอ ไม่ใช่เห็นแก่ตัว

อันนี้เราเป็นโรคด้านจิตใจนิดหน่อย มันเป็นทุกข์ ความที่อยากจะล้มทุกข์ ไม่ใช่ตัณหา แต่เป็นความถูกต้องแล้วเป็นความปรารถนาของสัตว์ทั้งหลาย แล้ววิธีการเราก็มีครบแล้ว ไม่ต้องมองทางโลก ไม่ต้องมองผู้อื่น มองดูแต่ธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วก็ตัวเอง มีกายกับใจสมบูรณ์พร้อมที่จะเอานำใช้ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโตสัมมาอาชีโว เป็นต้น นอกนั้น ถ้าผู้ใดชอบปฏิบัติธรรม มีเวลาก็ดูที่ สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ก็แล้วแต่

เหมือนกับการเรียนว่าเราอยู่ชั้นไหน
ก็เรียนได้ หากเราอยู่ชั้นอนุบาล
ก็เรียนพุทธศาสนาอย่างอนุบาลเบื้องต้น อยู่ประถมก็เรียนแบบประถม เรียนแบบมัธยม แบบปริญญา ก็เรียนได้ ก็เข้าไปลึกๆ เข้าไปเรื่อยๆ

ช่วงนี้ใกล้เข้าพรรษา พวกเราก็มาเจอกัน อาตมาก็มาเยี่ยมอุบล เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปอุปสมบทที่วัดป่านานาชาติ จะมีพระเกิดขึ้นในโลกนี้อีก ๒ รูป จากอิสราเอล จากอินเดีย ในวัดป่านานาชาติสายหลวงพ่อชา เราได้เห็นว่ามีประโยชน์ทั่วโลก คือธรรมโอสถของพระพุทธเจ้าที่ครูบาอาจารย์สืบทอดเป็นของสากล ไม่ต้องพูดภาษาไทย ไม่ต้องอ่านภาษาบาลีก็ได้
ก็ปฏิบัติธรรมได้ เหมือนกินยา

คล้ายๆกับที่ใครๆป่วย ก็เข้าไปโรงพยาบาล ถ้าหมอคนนั้นจัดยาที่ดีก็กินได้เลย แล้วโรคนั้นหาย หากเป็นคนไทยก็กินทิฟฟี่ คนฝรั่งก็กินยี่ห้อฝรั่ง "ยาทำใจ" ก็คือนี่แหละธรรมะนี่เอง แก้ได้ทุกโรค

พรุ่งนี้ก็เป็นวันมงคล พระก็บวช ญาติโยมก็สนับสนุนเป็นเจ้าภาพ แค่ได้ยินก็มีความสุขแล้ว พระเราก็มาร่วมกันสวดให้เขา แล้วก็แยกย้ายกัน อาตมาก็กลับไปโน่น
เมืองกาญจน์ พอกราบครูบาอาจารย์แล้ว ก็ได้ทำหน้าที่ก่อนเข้าพรรษา มาเยี่ยมบุญล้อม

นี่แหละคือวิธีสร้างความสุขในใจโดยไม่ต้องไปซื้ออะไร ความสุขแบบนี้ ไม่ได้มาด้วยวัตถุ ไม่มีอะไรสักอย่างที่ใช้เงินใช้ทอง ก็แค่ค่าน้ำมันที่จะมาเดินทางมาเยี่ยมกัน แล้วก็โอ้ว..มีความสุข รวยแล้ว

นี่ก็คือเป็นทรัพย์ที่หาได้ยาก
ทรัพย์ที่มาด้วยน้ำจิตน้ำใจของคนจากการมีกัลยาณมิตร หรือว่าคนที่เรารัก จะไปเยี่ยมเขา ไปให้กำลังใจเขา

และทุกคนมีความสุขมากกว่ามากกว่าวัตถุสิ่งของ เงินทองในธนาคารเยอะแค่ไหน ไม่มีความสุขแบบนี้

ก็เลยให้ญาติโยมทุกคนคิดหน่อย คิดว่าอายุมากขึ้นแล้ว เราจะเอาธรรมะข้อไหนๆ เข้ามาใช้ในชีวิตเพิ่มขึ้นๆ เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น

อาตมามั่นใจว่า ถ้าหากว่าผู้ที่ล่วงลับไปแล้วจะเห็นเราได้วันนี้ เขาจะรู้สึกสบายใจ " ดีแล้ว พี่น้องทุกคนอนุโมทนาด้วย อืม..พวกเราก็ไปที่อื่นแล้ว น้องๆ พี่น้องก็ยังอยู่บนโลก ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างโลกีย์ อย่างคนอยู่บนโลก แต่คิดนิดหน่อยว่า..เอ้อ..
ก็มีโลกุตระด้วยอยู่ในโลก แต่ทำจิตใจอยู่เหนือโลก เป็นสิ่งที่ทำได้พระพุทธเจ้าท่านสอน ไม่งั้นท่านไม่สอน ท่านก็สอน ท่านก็บอก เพราะว่าท่านเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ทำได้ "

วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พิสูจน์ได้ว่ามนุษย์ทำได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าสอนธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร แล้วก็มีท่านอื่นคือท่านอัญญาโกณฑัญญะได้บรรลุธรรม พูดง่ายๆฟังธรรมะแล้วเข้าใจแล้วท่านก็ดับทุกข์ได้
"ท่านทำได้ เราก็ทำได้" พิสูจน์ได้แล้ว

ทุกคนก็นึกถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์แล้วตั้งใจที่จะนำธรรมโอสถมาใช้ ต้องกินต่อเนื่อง ต้องกินให้ครบคอร์ส ไม่ใช่กินวันนึงแล้วก็หยุดไปแล้วก็บอกว่าอาทิตย์หน้าค่อยมากิน ยานี้ต้องกินทุกวัันทุกวัน กินให้ครบคอร์ส กินตรงเวลาด้วย จึงจะได้ประโยชน์

ก็พอสมควร อนุโมทนากับทุกคนเด้อ

วัดป่าบุญล้อม
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗

#ธรรมโอสถ
#พระอาจารย์สิริปัญโญ
#สัมโมทนียถาวัดป่าบุญล้อม








"..คนไม่ฉลาดย่อมทำกรรมเป็นการทุจริต ด้วยกาย วาจา จิต เป็นอกุศลธรรม คือ อกุศล อันเป็นที่มาจากจิตที่ประกอบกับกิเลส มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นมูลชวนให้ทำบาป อปุญญาภิสังขารเป็นปัจจัย อาศัยมาจากอวิชชา เป็นนายช่างผู้ปรุง ชวนจิตของคนผู้ไม่ฉลาดให้ทำกรรมที่เป็นบาปอกุศลให้ผลเป็นโทษ ได้รับความเสวยทุกข์ทรมานกายและจิตใจ อาศัยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์จึงได้ทรงชี้แจง
แสดงพร่ำสั่งสอนชาวเราผู้ยังโง่ ยังไม่ฉลาดทั้งหลายเหล่านี้ว่า "สัพพปาปัสสะอะกรณัง เอตังพุทธานะสาสะนัง"อย่าทำกรรมอันเป็นบาปน้อยใหญ่ด้วยทั้งกาย วาจา ใจทั้งปวง นี่เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่เราเรียกว่าพระศาสดาดังนี้.."

ภูริทตฺตวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร






"... ให้พากันละบาป และบำเพ็ญบุญ
... อย่าให้เสียชีวิตและลมหายใจไปเปล่า
... ที่ได้มีวาสนา.. เกิดเป็นมนุษย์ ..."
_____________________
#หลวงปู่เสาร์_กันตสีโล
วัดเลียบ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO