นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 08 ก.ย. 2024 8:09 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: บุญกุศลที่สั่งสม
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 25 ก.ค. 2024 4:56 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4675
เราเวียนว่ายตายเกิด
ในวัฏสงสารเป็นอเนกชาติ
ไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์เดียวที่อเนกชาติ
เราทุกคนอเนกชาติทั้งนั้น
แต่พอใครบรรลุเป็นพระโสดาบัน
ก็มีตัวเลขแล้ว คือ เกิดต่อไปอีกไม่เกิน ๗ ชาติ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
ความทุกข์ในชีวิตเราในอดีต
มีมากมายก่ายกอง
ไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้

แต่หากเปรียบเทียบ
กับดินทั้งหมดในโลกมนุษย์
ทุกข์ที่เหลืออยู่ของพระโสดาบัน
เท่ากับดินที่ติดใต้เล็บ มันนิดเดียว

พระอัญญาโกญฑัญญะ
บรรลุเป็นพระโสดาบันเป็นเรื่องใหญ่มาก

ใหญ่รองลงมาจากการตรัสรู้
ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น


สิ่งที่น่าสนใจคือ
พระอัญญาโกญฑัญญะ
ฟังพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแล้ว
ได้ข้อคิดได้ความรู้ขึ้นมา
จึงทำให้จิตใจของท่านเปลี่ยนได้ขนาดนั้น

ท่านสรุปง่าย ๆ ว่า
“สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา”

เรื่องหากในสำนวนภาษาอังกฤษ
มันเหมือน anticlimax
คือ... แค่นั้นหรือ

สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
... มันน่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว


อันนี้ก็คือความหมายของอวิชชาเหมือนกัน

คือ เราคิดว่าเรารู้ในสิ่งที่เราไม่รู้จริง

อวิชชาแปลว่า
ไม่มีวิชาความรู้เกี่ยวกับชีวิตของตน

การที่บอกว่าอวิชชาคือไม่มีความรู้นั้น

มันไม่ใช่ว่าสมองเราว่างเปล่า
เราก็มีความคิดความเชื่อทฤษฎี
มีศาสนาอะไรต่าง ๆ ปรุงแต่งขึ้นมา
เพื่ออธิบายว่า ทำไมชีวิตเป็นอย่างนี้
อวิชชามาพร้อมกับทุวิชชาคือเป็นวิชาที่ผิด

เราฟังว่าสิ่งทั้งหลาย
มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา

หากคนต่างศาสนาอ่าน
หรือคนทั่วไปที่ไม่ชาวพุทธอ่าน

ก็ยิ่งรู้สึกเฉย ๆ....

เออ! ศาสนาพุทธมีแค่นี้เหรอ

ใครว่าพุทธศาสนาลึกซึ้ง
นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดาที่สุดว่า
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
แต่นี่เป็นความธรรมดาที่คนมองไม่เห็น

“ฐานสติเป็น default”
โดย #พระพรหมพัชรญาณมุนี
#พระอาจารย์ชยสาโร
บ้านบุญ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗

Cr. Achara Klinsuwan









ทำดีแล้ว ยังไม่พอ
รักษาความดีนี้ซิสำคัญกว่า!!!

#หลวงปู่เนตร จิรปุญโญ อายุ 99 ปี
วัดมหาธาตุแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่







“ เอาติดตัวไปไม่ได้..แม้แต่ชิ้นเดียว”

…ขอให้เตือนตัวเองได้เลยว่า
” กำลังถูกหลอก “
เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่านี้
ชีวิตของเราในปัจจุบันนี้
ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ..มันดีอยู่แล้ว..

.เพียงแต่เราไม่รู้มันเองว่ามันดี
เราถูกความหลงหลอกให้คิดว่า
เป็นอย่างอื่นจะดีกว่านี้
มีอย่างอื่นจะดีกว่านี้

.เพราะความจริงแล้ว
ในที่สุดเราก็จะต้องเสียมันไปหมด
มันจะดีได้อย่างไร
สิ่งที่เราคิดว่า ถ้าได้มาแล้ว
จะทำให้เราดีกว่านี้ ..มันเป็นไปไม่ได้

.เพราะมันไม่อยู่กับเราไปตลอด
สักวันหนึ่งก็ต้องจากเราไป
เมื่อจากเราไปแล้ว
จะดีกว่าตอนนี้ได้อย่างไร

.ตอนนี้เราอยู่อย่างนี้เราสบายแล้ว
ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความวุ่นวายใจ
“เรากำลังฟังเทศน์ฟังธรรม”
กำลังมีสัมมาทิฐิ

.กำลังคิดไปในทางที่ถูกต้อง
คือคิดเพื่อปล่อยวาง
คิดเพื่อไม่ยึดไม่ติด
คิดเพื่อไม่อยาก ไม่ต้องการอะไร
พอใจกับสภาพที่มีอยู่ เป็นอยู่

.ถ้าสามารถรักษาความรู้สึกนี้ได้
รักษาความคิดแบบนี้ได้ตลอดเวลา
“เราจะมีความสุขไปตลอดเวลา”.

.นี่คือสิ่งที่เราควรฝึกฝนกัน
สอนใจให้คิดปล่อยวาง
ให้เข้าใจถึงความจริงว่า
ใจมาตัวเปล่าๆ จะไปตัวเปล่าๆ
ไม่ได้เอาอะไรไปเลย

.ไม่ว่าจะเป็นสมบัติเงินทอง
ข้าวของ มากน้อยเพียงไรก็ตาม
เอาติดตัวไปไม่ได้..“แม้แต่ชิ้นเดียว”.

…………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี

จุลธรรมนำใจ ๑๕ กัณฑ์ที่ ๓๘๗
วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๑







"..คนไม่ฉลาดย่อมทำกรรมเป็นการทุจริต ด้วยกาย วาจา จิต เป็นอกุศลธรรม คือ อกุศล อันเป็นที่มาจากจิตที่ประกอบกับกิเลส มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นมูลชวนให้ทำบาป อปุญญาภิสังขารเป็นปัจจัย อาศัยมาจากอวิชชา เป็นนายช่างผู้ปรุง ชวนจิตของคนผู้ไม่ฉลาดให้ทำกรรมที่เป็นบาปอกุศลให้ผลเป็นโทษ ได้รับความเสวยทุกข์ทรมานกายและจิตใจ อาศัยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์จึงได้ทรงชี้แจง
แสดงพร่ำสั่งสอนชาวเราผู้ยังโง่ ยังไม่ฉลาดทั้งหลายเหล่านี้ว่า "สัพพปาปัสสะอะกรณัง เอตังพุทธานะสาสะนัง"อย่าทำกรรมอันเป็นบาปน้อยใหญ่ด้วยทั้งกาย วาจา ใจทั้งปวง นี่เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่เราเรียกว่าพระศาสดาดังนี้.."

ภูริทตฺตวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร








"..เมื่อบุคคลยังไม่รู้จักตัวเอง ธรรมะไม่เข้าถึงใจ ใจไม่เข้าถึงธรรมะ จะทำความชั่วอะไรก็กลัว กลัวคนอื่นจะเห็น กลัวพ่อแม่จะเห็น กลัวครูบาอาจารย์จะเห็น กลัวคนอื่นจะรู้ คือคนยังไม่เห็นธรรมก็ต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อไปในสถานที่ใดๆ ที่ว่างจากผู้คน ว่างจากพ่อแม่ว่างจากครูบาอาจารย์ เห็นว่าไม่มีเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย ไม่มีใครอยู่ในที่นั้น ก็พยายามทำความชั่วอยู่ที่ตรงนั้น ด้วยความประมาท เพราะความโง่เขลาเบาปัญญานั่นเอง การกระทำเช่นนั้นเขาก็คิดว่าเขาทำถูกแล้ว พ้นภัยแล้ว เพราะว่าไม่มีใครเห็นเขา ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นเขาอย่างนี้ ก็กระทำอย่างสนิทใจเลย แต่คนคนนั้นในทางธรรมถือว่าเป็นคนโง่ที่สุด คือเป็นคนดูถูกตัวเองที่สุด ความเป็นจริงนั้นเมื่อจิตมันเป็นธรรมะ เมื่อธรรมะเป็นจิต มันจะกลมกลืนเป็นอันเดียวกันเลย จะไปทำผิดอะไรที่ตรงไหนเป็นต้น ก็ต้องมีคนเห็น คนอื่นไม่เห็นเราก็เห็นคนอื่นไม่รู้เราก็รู้ ดังนั้นถึงจะไปอยู่ตรงไหนก็เป็นอยู่อย่างนั้น จึงเป็นธรรมะ ไม่กล้าทำ เพราะใจมันเป็นธรรมะแล้ว พระอริยสาวกทุกๆ องค์เมื่อใจเป็นธรรมะแล้วก็ต้องเป็นอย่างนั้นทุกๆ องค์ ที่ลับไม่มี ที่แจ้งไม่มี อะไรๆ มันก็ไม่มี รู้แต่ว่าท่านประพฤติปฏิบัติถึงที่แล้ว.."

พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
(พ.ศ. ๒๔๖๑ – ๒๕๓๕)






“หลวงพ่อให้ความรักแก่คนทั้งโลก เมตตาคนทั้งโลก หลวงพ่อจะไม่พูดทำให้ใครเสียใจ สะเทือนใจ“

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
ในองค์ #หลวงปู่ลี ตาณํกโร
วัดป่าหัวตลุกวนาราม อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์






“เมื่อจิตมีสติแล้ว แม้มรณภัยเข้ามาปลิดชีพเรา
เราก็อำลาจากร่างด้วยความองอาจกล้าหาญ
ไปแบบมีสติ บุญกุศลใดที่เราสั่งสมเอาไว้
บุญกุศลนั้นก็จะเข้ามาครองใจของเรา
ให้ไปสู่ภพภูมิที่เราพึงปราราถนา”

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 19 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO