นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 08 ก.ย. 2024 8:15 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ด้านจิตใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 27 ก.ค. 2024 7:58 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4675
"คนที่จะเป็นที่รักของบุคคลอื่น
จะต้องมีความโอบอ้อมอารี
วาจาอ่อนหวานด้วยความจริงใจ
ปฏิบัติกับคนอื่น เหมือนที่อยาก
จะให้คนอื่นปฏิบัติกับเรา"

โอวาทธรรม
#หลวงพ่อทองพูน กาญจโน






นักปฏิบัติทั้งหลาย เดี๋ยวนี้เขาพากันบ้านิพพานกันอย่างขนาด ตั้งแต่หัวดำๆ จนหัวขาวๆ อยากไปแต่นิพพานนี้น่ะ

แต่คำว่า"ตัวกูของกู" ยังมองไม่เห็นเลย นี้มันโง่แค่นี้น่ะ ตัวเองเป็นอนุบาลอยู่ อยากจะเป็นมัธยม โอ้ยมันต้องค่อยสร้ามสมทานบารมี, ศีลบารมี, ภาวนาบารมี ไปก่อน วางตัวกูได้ก็ไม่มีภพมีชาติ เรียกว่าหมดเชื้อ...นี้น่ะ

โอวาทธรรม
#หลวงปู่แผ่นทอง จาครโต






…พวกที่ไปเกิดเป็นเปรตนี้
ทำผิดศีลไม่ใช่เพราะความจำเป็น
เพราะมีพอกินพอใช้อยู่แล้ว
ไม่ทำผิดศีลก็ไม่อดตาย
“แต่ทำไปเพราะความโลภ”
อยากจะมีมากๆ อยากจะร่ำรวยมากๆ
ก็เลยคดโกง ด้วยวิธีต่างๆนานา
พวกนี้ถ้าตายไปก็ต้อง
“ ไปเป็นเปรต ”.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒ กัณฑ์ที่ ๒๓๑
๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๘






#การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
"..ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา
สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทรมานฝึกหัดพระองค์จนได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น พุทฺโธ ผู้รู้ก่อนแล้วจึงเป็น ภควา ผู้ทรงจำแนกแจกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ สตฺถา จึงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้มีอุปนิสัยบารมีควรแก่การทรมานในภายหลัง จึงทรงพระคุณปรากฏว่า กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ชื่อเสียงเกียรติศัพท์อันดีงามของพระองค์ย่อมฟุ้งเฟื่องไปในจตุรทิศจนตราบเท่าทุกวันนี้ แม้พระอริยสงฆ์สาวกเจ้าทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วก็เช่นเดียวกัน ปรากฏว่าท่านฝึกฝนทรมานตนได้ดีแล้ว จึงช่วยพระบรมศาสดาจำแนกแจกธรรม สั่งสอนประชุมชนในภายหลัง ท่านจึงมีเกียรติคุณปรากฏเช่นเดียวกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ถ้าบุคคลใดไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกแจกธรรมสั่งสอนไซร้ ก็จักเป็นผู้มีโทษ ปรากฏว่า ปาปโกสทฺโท คือเป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจตุรทิศ เพราะโทษที่ไม่ทำตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์สาวกเจ้าในก่อนทั้งหลาย.."

มุตโตทัย
โอวาทธรรมโดย พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร จากหนังสือประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเทระ





โยมเชื่อมั๊ยว่า #ผลบุญจากการอนุโมทนาเนี่ยะบุญทั้งหลายมันจะไหลมาหาเรานะ
ไม่ต้องไปนั่งวิพากษ์วิจารณ์อะไรให้มันเกิดความทุกข์ใจไปเสียเปล่าเลย ถ้าทำใจอย่างนี้ได้ ทุกคนจะผ่านพ้นด้วยดี

เหมือนหนังสือที่พระอาจารย์แจกไปชื่อว่า กุญแจไขรหัสชีวิต หนังสือนี้หัวใจใจความจริงๆ ไม่มีอะไรมาก
สอนให้พวกเราทำใจให้อยู่ในความจริง เคารพความจริง แล้ว #เปิดประตูบุญให้ได้อธิษฐานบารมีให้เป็น
#ใจที่ดี...มันจะรับเรื่องดีๆ เข้าบ้านทุกวันนะโยม
#ใจที่ไม่ดี...มันก็รับเรื่องที่ไม่ดีเข้าบ้านทุกวัน
ฉะนั้น พวกเราทุกคนจงหัดเป็นคนใจดี คิดดี พูดดี ทำดี โยมเชื่อเถอะว่า สิ่งดีๆ มันจะเกิดขึ้นกับชีวิตนะ

#เทศนาธรรมสอนศิษย์ #เสียงธรรมลูกนอกวัง
#รับสังฆทานครั้งที่๗๑ ตอนที่ ๒๑

#พระอาจารย์เอกลักษณ์ #ปญฺญาคโม
#วัดพุทธพรหมยาน






"..พึงอยู่ด้วยความไม่ประมาท.."

"..วิปัสสนานี้มีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหารภาวนา
ย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติไม่หลงเมื่อทำกาลกิริยา
มีสุคติภพคือมนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้า
หากยังไม่บรรลุผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมี ก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล
ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว

อนึ่ง ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์
เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์
คือ ศีล ๕ และกุศลธรรมบท ๑๐
จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก
เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ
การที่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก
เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่
ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก
บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง
เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด
อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาเลย.."

หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
วัดบูรพา อ.เมือง จ.อุบลราชธานี






ดวงตาเห็นธรรม
----------------------------------------------------------------------
"เมื่อท่านอัญญาโกณฑัญญะ
ท่านฟังเทศน์เป็นปฐมสาวกนั้น ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรมากมาย ท่านเข้าใจว่า...
สิ่งใดสิ่งหนึ่ง...มีความเกิดขึ้นเป็นเบื้องต้น
แล้วมีความแปรไปเป็นธรรมดา
แล้วผลที่สุด...
ก็มีความดับเป็นธรรมดา ของมัน

เมื่อก่อนนี้พระอัญญาโกณฑัญญะ นั้น...
ไม่เคยได้มีความนึก หรือความคิดอย่างนี้เลย
หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ...
ไม่เคยพิจารณาให้แจ่มแจ้งเลยสักครั้ง
ฉะนั้น พระอัญญาโกณฑัญญะ
จึงไม่ได้ ปล่อย...หรือไม่ได้ วาง...
คือมีอุปาทานในขันธ์ทั้ง ๕ นี้อยู่

ต่อเมื่อได้มาฟังเทศน์ของพระบรมศาสดา
ของเรา ขณะนั่งฟังมีพุทธภาวะเกิดขึ้น
ได้มองเห็นธรรม ว่า...
สังขารทั้งหลายทั้งปวง เป็นของไม่แน่นอน
มันเป็นธรรมชาติ หรือธรรมดานี่เอง ท่านจึง
บอกได้ว่า...
สิ่งใดสิ่งหนึ่ง...
มีความเกิดขึ้นเป็นเบื้องต้น
แล้วมีความแปรไป
สิ่งเหล่านี้...ดับไปเป็นธรรมดา

ธรรมชาติอันนี้...
มันเป็นอยู่อย่างนี้เสมอ ความเห็นของพระอัญญาโกณฑัญญะ ในขณะที่ฟังนั้น...
เป็นความรู้สึกแปลก แปลกจากในอดีต หรือกาลก่อนที่ได้เคยพิจารณามา อันนี้ ! รู้เข้าถึงดวงจิตจริงๆ เป็นได้ว่าพุทธะ คือผู้รู้ เกิดขึ้นมาในเวลานั้น

สมเด็จพระบรมศาสดา ท่านทรงเรียกว่า...
พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว

ดวงตาเห็นธรรม นั้น...
คือดวงตาเห็นอะไร คือดวงตาเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
•มีความเกิดเป็นเบื้องต้น
•ความแปรไปเป็นท่ามกลาง
•ความดับเป็นที่สุด
สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็คือ...ทั้งหมด
จะเป็นรูป ก็ช่าง จะเป็นนาม ก็ตาม
สิ่งใดสิ่งหนึ่ง...ครอบรวมเลยทีเดียว
ได้แก่ธรรมชาติทั้งหมด เป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
จะเป็นรูปธรรม ก็ช่าง จะเป็นนามธรรม ก็ตาม
เกิดขึ้นแล้ว...ก็แปรดับไป

อย่างตัวสกนธ์ร่างกาย ของเราก็เหมือนกัน
มัน เกิดแล้ว...
ก็แปรไป ตามธรรมดาของมัน
แล้วมัน...ก็...ดับไป."
__________________________
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
ดวงตาเห็นธรรม
บรรยายแก่พระภิกษุและสามเณร ณ วัดหนอง
ป่าพง ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๑








"บารมีต้องสร้างเอา
เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก
ก็ต้องหมั่นบำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชม
ต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูกไปบำรุง
ต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน
ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ






"ญาติโยมทั้งหลาย บุญกุศลไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย
แต่มีอยู่ที่จิตที่ใจของเรา ก็ขอให้รักษาบุญไว้ให้ดี
คือ รักษากายของเรา ให้สงบเสงี่ยมให้ดีอยู่เสมอ
รักษาวาจาของเราให้พูดจาปราศรัยแต่ในสิ่งที่ดี
รักษาใจของเราให้นึกคิดแต่ในสิ่งที่มีประโยชน์

ก็ขอให้ทุกคน จงยืนหยัดอยู่ในศีล ๕ ให้รักษาศีล ๕
ประจำชีวิต ด้านจิตใจ ก็ขอให้มีอจลศรัทธา คือ
เป็นศรัทธาที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ใดๆ
มีความเชื่อ ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว"

ครูบาเจ้าพรหมา พฺรหฺมจกฺโก


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO