"... พิจารณาความตาย ให้มากๆ ... ไม่ว่าคนหรือสัตว์ เกิดมาแล้ว ... ก็ต้องตาย เพราะเกิดกับตาย ... เป็นของคู่กัน ..." _____________________ #หลวงปู่เสาร์_กันตสีโล วัดเลียบ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
"..เพราะไม่มีที่พึ่งทางจิตใจหรือไม่รู้ที่พึ่งอันเกษมอันอุดม จึง...กลัวการตายแต่ไม่กลัวการเกิด...เมื่อเป็นเช่นนี้จึงคว้าโน้นคว้านี่เป็นที่พึ่ง บางคนกลัวตาย...คว้าเอาสิ่งอื่นมาเป็นที่พึ่งที่เคารพนับถือ...ด้วยความงมงาย...นอกจากนี้ยังมีการทรงเจ้าเข้าผี สะเดาะเคราะห์ สะเดาะนาม สืบชะตาราศี ตัดกรรมตัดเวร โดยวิธีการต่าง ๆ ที่พึ่งอันอุดมมั่นคงนั้นคือการ...ภาวนา น้อมรำลึกนึกเอาพระคุณอันวิเศษของพระพุทธเจ้า พร้อมพระธรรม และพระอริยสงฆ์มาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ...จึงจะเป็นการถูกต้อง.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ. ๒๔๑๓ – ๒๔๙๒)
"..พวกเราทั้งหลายจึงเป็นผู้ที่มีโชคมีบุญมากเพราะเมื่อมองไปที่สัตว์ทั้งหลายแล้ว จะเห็นว่าสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น เช่น วัว ควาย หมู หมา เป็นต้น เป็นสัตว์ที่อาภัพมาก เพราะไม่มีโอกาสที่จะเรียนธรรม ไม่มีโอกาสที่จะปฏิบัติธรรม ไม่มีโอกาสที่จะรู้ธรรม ฉะนั้นก็หมดโอกาสที่จะพ้นทุกข์ จึงเรียกว่าเป็นสัตว์ที่อาภัพ เป็นสัตว์ที่ต้องเสวยกรรมอยู่ ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ทั้งหลายจึงไม่ควรทำตัวให้เป็นมนุษย์ที่อาภัพ คือไม่มีข้อประพฤติ ไม่มีข้อปฏิบัติ อย่าให้เป็นคนอาภัพ คือ คนหมดหวังจากมรรค ผลนิพพาน หมดหวังจากคุณงามความดี อย่าไปคิดว่าเราหมดหวังเสียแล้ว ถ้าคิดอย่างนั้น จะเป็นคนอาภัพเหมือนสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย คือไม่อยู่ในข่ายของพระพุทธเจ้า ฉะนั้น เมื่อมนุษย์เป็นผู้มีบุญวาสนาบารมีเช่นนี้แล้ว จึงควรที่จะปรับปรุงความรู้ ความเข้าใจ ความเห็นของตนให้อยู่ในธรรม จะได้รู้ธรรม เห็นธรรม ในชาติกำเนิดที่เป็นมนุษย์นี้ ให้สมกับที่เกิดมาเป็นสัตว์ที่ควรตรัสรู้ธรรมได้..''
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
'ทองคำ' นั้นอาจเป็นเครื่องกวนกิเลสให้ฟุ้งขึ้นในใจ เพราะโลกนิยมว่าทองคำเป็นวัสดุมีค่า สามารถใช้ทำเป็นอาภรณ์ประดับประดาได้ ก่อให้เกิดความผูกติด ลุ่มหลง และจับยึดในค่าของทอง อาจทำใจให้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมในทางโลกียะโดยง่าย แต่บุคคลผู้ฉลาดอาจใช้ทองคำนั้น แปรเป็นโลกุตตรกุศล นำสละออกจากตน สร้างเป็นสมบัติไว้ในพระศาสนา
ดูดั่งตัวอย่างเช่น 'พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว' ทรงสละทองคำที่ใช้ประดับพระวรกายเมื่อทรงพระเยาว์มาหลอมกะไหล่องค์พระพุทธปฏิมาประธาน ในพระอุโบสถวัดราชบพิธแห่งนี้ จนมีพระรัศมีงดงามแผ่ซ่านจากพระวรกาย สมพระนามว่า 'พระพุทธอังคีรส'
อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นทองคำหรือก้อนดิน ก็ล้วนแต่เป็น 'ปถวีธาตุ' ทั้งสิ้น เนื้อแท้ของความเป็นพระพุทธรูป คือความงดงามในจิตใจของบุคคลผู้ได้กราบไหว้บูชา หากท่านกราบไหว้แล้วน้อมนำใจให้ระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้า ก่อให้เกิดกำลังใจในการปฏิบัติบำเพ็ญธรรม ก้อนดินที่ปั้นเป็นพระนั้นก็มีค่าดั่งทอง
แต่หากแลเห็นพระทอง แล้วยังกลับทำใจให้มัวเมาด้วยกิเลสอาสวะ เกิดความเร่าร้อนด้วยโลภะ โทสะ และโมหะ ทองคำนั้นก็มีค่าน้อยยิ่งกว่าก้อนดิน . --- สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(อัมพร อัมพโร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
"ไม่ว่าชีวิตจะได้อะไรมา สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรไป นอกจากดีชั่วที่ตัวทำ"
#อย่าน้อยใจในวาสนาของตน การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ย่อมมีวาสนามาก ยิ่งได้มาพบพระพุทธศาสนาแล้ว นับว่าสั่งสมบุญมาไม่น้อย จึงควรรีบตักตวงเอาบุญกุศลในอัตภาพนี้เสีย จะได้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งสัตว์ทั้งหลายไม่มีโอกาสอย่างนี้.
#คำสอน : หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
#พระอินทร์ มีจริงไหม? อาตมาขอยืนยันว่า พระอินทร์มีจริง เทวดาทั้งหลายก็มีจริง พรหมมีจริง ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ก็มีจริง . ถ้าใครไม่มั่นใจ ว่ามีจริงหรือไม่จริง เอาคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปลองปฏิบัติดูบ้าง ทำให้ได้ ๒ ในวิชชาสาม ๕ ในอภิญญาหก ก็จะปรากฏผลตามที่พระพุทธเจ้าตรัสทุกอย่าง . อย่ามานั่งวิพากษ์วิจารณ์กันแต่แค่ตำรา อันนี้มันไม่ถูกไม่ต้อง คนที่เรียนวิชาทำอาหาร ดูแต่หนังสือ ดูแค่ตำรา เขาว่ามาอย่างไรก็ว่าตามเขา แต่ก็ไม่เคยปรุงอาหารบริโภคเลย ดีไม่ดีก็ไปนั่งติตำราว่าทำไม่ถูก มันไม่อร่อย . ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะตัวไม่เคยกินอาหาร อ่านมาอ่านไป ศึกษามาศึกษาไป หนักเข้าก็สงสัยว่า เอ๊ะ นี่มันจะกินได้หรือไม่ได้ ดีไม่ดีเขาบอกว่า ไอ้หน่อไม้ในป่านี่มันกินอร่อย ไปยืนมอง ๆ ว่าอพิโธ่เอ๋ย ไอ้หน่อไม้ประเภทนี้ กินเข้าแล้วมันไม่มีประโยชน์ รสชาติมันไม่อร่อย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะความโง่เขลาเบาปัญญา ไม่ลองเอาหน่อไม้มาทำอย่างที่ชาวบ้านเขาสอน อย่างที่ชาวบ้านเขากินกัน
️ข้อนี้มีอุปมาฉันใด เรื่องสวรรค์ พรหม นิพพาน นรก เปรต อสุรกาย ก็เช่นเดียวกัน ถ้ามานั่งอ่านแต่หนังสือก็มานั่งวิพากษ์วิจารณ์ ก็ไม่ต่างอะไรกับ กัณฑหาลพราหมณ์ นี่แหละ
(โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม๓ หน้า ๑๕๑)
. เอ็งเรียนทางโลก ก็ใช้ได้แค่ชาตินี้… เอ็งฝึกทางธรรม… เอาไปใช้ได้หลายอสงไขยชาติ…จะยืน เดิน นั่ง กินข้าว ก็สวดมนต์ เป็นเดือน เป็นปี หลายปี...จนจิตเอ็งจะเป็นเนื้อเดียวกับจักรพรรดิ อยู่กับข้า...อย่าหยุดสวดมนต์ภาวนา
"ที่แกปฏิบัติอยู่ให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวแกเอง"… เอ็งนอนที่ไหน สวดให้หลับทุกครั้ง แล้วเอ็งจะเข้าใจ…"
คำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา
เป็นมนุษย์ ต้องเป็นคนจริง ต้องซื่อสัตย์ ถ้าก้าวขึ้นศีลห้าแล้ว เลิศทันที ศีลห้านี้ถ้าบริสุทธิ์แล้ว สมหวังหมดทั้งรูปร่างทั้งสติปัญญา ท่านจึงกล่าวว่า สีเลนะ สุคะติง ยันติ ยังไม่ตายก็มีความสุข เพราะไม่มีเวร ไม่มีภัย
หลวงปู่ทุย (พระอาจารย์ปรีดา ฉนฺทกโร) วัดป่าดานวิเวก (วัดดงศรีชมพู ) หมู่บ้านแสงอรุณ ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ
..ขอให้เฝ้ามองตนเอง ถ้าดูตนเองยังไม่ได้ก็ให้ดูคนอื่น ดูการประพฤติต่างๆของคนอื่น รู้ว่าอะไรมันดีอะไรมันไม่ดีที่คนอื่นเขาทำอยู่ อะไรที่จะทำให้เกิดมีความสุข อะไรที่จะทำให้เกิดความทุกข์ เราก็จะพิจารณาดูตรงนั้น แล้วน้อมเข้ามาสู่ตน โอปะนะยิโกน้อมเข้ามาสู่ตน ให้มาแลดูตนเอง ทุกคนต้องถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องดูแลตนเอง คือดูแลการกระทำการพูดการคิดของตนเอง ก็เป็นหน้าที่ของตนที่จะแก้ไข ครูบาอาจารย์นักปราชญ์ราชบัณฑิตเมธีทั้งหลาย ท่านก็สอนให้แก้ไขตนเองด้วยการพัฒนาไปตามทํานองคลองธรรม ไปตามหลักพระพุทธศาสนา..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป.. วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
"...ความรู้ที่ออกจาก จิต ที่สงบนั่นแหละ เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งที่สุด ให้มันรู้ออกมา จาก จิต เองนั่นแหละมันดี คือจิตมันสงบ ทำจิตให้มันเกิด อารมณ์อันเดียว
อย่าส่งจิตออกนอก ให้จิตอยู่ในจิตแล้วให้ จิตภาวนาเอาเอง ให้จิตเป็นผู้บริกรรม พุทโธ พุทโธ อยู่นั่นแหละ แล้วพุทโธ นั่นแหละ จะ ผุดขึ้นในจิตของเราเราจะได้รู้จักว่า พุทโธ นั้นเป็นอย่างไร แล้วรู้เอง เท่านี้แหละไม่มีอะ ไรมากมาย
นิพพาน มันเป็นของว่าง การปฏิบัติ ไม่ต้อง อยากเห็นอะไร. การปฏิบัติ ให้มุ่งปฏิบัติเพื่อ สำรวม เพื่อความละ เพื่อคลายความกำหนัด ยินดี เพื่อความดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเห็นสวรรค์ วิมาน หรือ แม้พระนิพพาน ก็ไม่ต้องตั้งเป้า หมายเพื่อจะเห็นทั้งนั้น
ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ต้องอยากเห็นอะไร เพราะนิพพานมันเป็นของว่าง ไม่มีตัวมีตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบเทียบไม่ได้ ปฏิบัติ ไปจึงจะรู้เอง..."
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์
“ #ใครได้ความเกิดมา_ก็คือคนนั้นจะได้ความตาย
ความเกิดก็คือความตาย ความตายก็คือความเกิด สิ่งที่เกิดกับสิ่งที่ตายก็อันเดียวกัน ต้นไม้ที่เกิดกับต้นไม้ที่ตายก็อันเดียวกัน คนที่เกิดกับคนที่ตาย ก็คนคนเดียวกัน ในเมื่อคนเกิดมา เกิดมาตาย แล้วตรงไหนจะเป็นคน ตรงไหนจะเป็นตัวตนของเรา ยังไม่ทันตาย ก็ไม่ใช่อยู่แล้ว เพราะมันเสื่อม มันเสียไปทุกวัน คำว่าตายๆ เป็นการเสียครั้งสุดท้าย เสียจนหมดตัว แสวงหามา แสวงหามาตั้งแต่เกิด คืนที่เดียวหมด คืนเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟไป จึงว่าไม่มีใครได้อะไรไป สิ่งที่ได้ก็คือความตาย "
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร ( หลวงปู่แบน ธนากโร ) วัดดอยธรรมเจดีย์. จ.สกลนคร
|