พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อาทิตย์ 04 ส.ค. 2024 9:15 am
คนที่เพ่งโทษคนอื่นอยู่ตลอดเวลานั้น ไม่มีวันที่จะสงบได้ ใครไปเพ่งโทษโกรธ บางทีไปเพ่งโทษครูบาอาจารย์อีกต่างหาก อันนี้มีจริง ยิ่งเพ่งโทษครูบาอาจารย์ ยิ่งจิตหมดเลย โอกาสที่ได้มรรคได้ผล ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานไปเลย ห้ามมรรค ห้ามผลไปเลย เรื่องครูบาอาจารย์เตือนมากที่สุดก็คือเรื่องนี้
หลวงพ่อขันตี ญาณวโร
๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๗
ใครที่ทำบุญอะไรไว้
ไม่หาย - ไม่สูญ
ไม่บูด - ไม่เสีย
ให้พากันรู้ไว้นะ
ทำอะไรไว้...บันทึกไว้หมด
#หลวงปู่ครูบาอินสม สุวีโร
"..มนุษย์เรานี้ก็เหมือนกัน ธรรมที่เราเรียนมา ธรรมะที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ถึงจะศึกษาธรรมะเท่าไรก็ตามทีเถิด ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติแล้วก็ไม่เห็น ไม่เห็นแล้วก็ไม่รู้ ไม่รู้ก็ไม่รู้จักข้อปฏิบัติ อย่าพึงว่าเราเรียนมาก เรารู้มากแล้วเราจะเห็นธรรมะของพระพุทธเจ้า ก็เหมือนเรามีตา อย่างนี้ก็นึกว่าเราเห็นทุกอย่าง เพราะว่าเรามองไปแล้ว หรือจะนึกว่าเราได้ยินแล้วทุกอย่าง เพราะเรามีหูอยู่แล้ว มันเห็นไม่ถึงที่สุดของมัน มันก็เป็นตานอกไป ท่านไม่จัดว่าเป็นตาใน หูก็เรียกว่าหูนอกไม่ได้เรียกว่าหูใน มิฉะนั้นถ้าท่านพลิกสมมุติเข้าไปเห็นวิมุตติ แล้วก็เป็นของจริง เห็นชัด ถอนทันที มันจึงถอนสมมุติออก ถอนความยึดมั่นถือมั่นออก ถอนทุกสิ่งทุกอย่าง.."
โอวาทธรรม
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชําราบ จ.อุบลราชธานี
(พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)
"..ถ้าต้องการเหมือนลิ้นผู้รอรับรสก็ควรฟังธรรมที่ผมแสดงอย่างถึงใจทุกครั้งให้ถึงใจ อย่าพากันเป็นทัพพีขวางธรรมอยู่นานนักเลย จะตายทิ้งเปล่า ๆ ยิ่งกว่าสัตว์ตาย เนื้อหนังยังเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ส่วนคนประมาทยังเป็นอยู่หรือตายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
"..ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้.."
"..ทรัพย์ภายใน "คือศรัทธาและศีลธรรมที่มีในใจของเรานี้ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" โจรผู้ร้ายก็แย่งชิงเอาไปไม่ได้ "เพราะมันอยู่ในดวงจิตของเรา" เมื่อเราจะจากโลกนี้ไป คือ "หมายความว่า เราตาย ก่อนที่จะตายนั้น ภาคปฏิบัติคือการรักษาศีลที่เราได้รักษา" ศีล ๕ ก็ดี ศีล ๘ ก็ดี เป็นครั้งเป็นคราวหรือรักษาเป็นนิจศีล
เวลาจะตายจิตนั้นจะต้องคำนึงถึงว่า "เราเคยได้ให้ทาน เคยรักษาศีล เคยฟังพระธรรมเทศนา เคยภาวนาอบรมจิตใจของตน" ให้ปราศจากมลทินโทษทั้งหลายนั้น ย่อมมาปรากฏในดวงจิตของเรานึกอยู่ "ถ้าในขณะนั้นจิตออกจากร่างของเรา ในเวลาที่จิตนึกถึงส่วนบุญ ส่วนกุศล" ที่ทุก ๆ คนได้บำเพ็ญไว้จะน้อยหรือมากก็ตามที จิตจะต้องไปยึดอยู่ในอารมณ์อันนั้น
"เมื่อไปก่อภพก่อชาติ ในชาติหน้านั้น บางทีถ้าจิตคิดแต่ในบุญกุศล ก็ได้กลับมาเกิดเป็นคน คือ เป็นมนุษย์อีกแต่เป็นมนุษย์ที่บริสุทธิ์" และมีทรัพย์สมบัติมาก ในฐานะที่ดีด้วยบุญกุศลอันนั้นที่ได้ตามสนับสนุน ดังนั้น "ท่านทั้งหลายได้หาทรัพย์ภายในไว้เช่นนี้ ก็เรียกว่าเป็นกำไรของชีวิตที่เราเกิดมาในชาติหนึ่ง ๆ" เท่ากับว่าเรามาค้าขาย เราได้ต้นทุนมาจากมารดา บิดา ครบบริบูรณ์แล้ว
จากนั้น "เราก็มาสร้างสมอบรมเพิ่มเติมต่อไปอีก" บุญนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นและตัวของเราจะเป็นผู้ที่ยึดถือบุญนั้นไว้ "ทำให้จิตใจเบิกบานหรรษา มีความสงบเยือกเย็น" ไม่คิดไปในทางที่ชั่วและตั้งใจจะทำแต่ความดีเรื่อยไป.."
โอวาทคำสอน
พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป) วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมืองอุดรธานี
"... น้ำขี้โคลน มองไม่เห็น ตัวปลาฉันใด
... คนที่ทำกรรม กิเลสมาก ไม่มีปัญญา
... ใครจะตักเตือน ชี้เหตุผล ให้ฟังสักเท่าใดๆ
... ก็ย่อม รู้ตามไม่ได้ เพราะ.. เอาแต่ใจ
... ของตัวเองฝ่ายเดียว ..."
---------------------------
#พระราชนิโรธรังสี_คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.